มินทิรายืนรออยู่ล็อบบี้ด้านล่างแค่ 15 นาที กานต์ก็พาร่างสูงที่เต็มไปด้วยไอความแค้นแน่นลงมา หญิงสาวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ที่แม้จะเสริมส้นสูงมาแล้วแต่ก็ยังสูงไม่พ้นไหล่ชายหนุ่ม
“ฉันพร้อมแล้ว เราเข้าบริษัทพร้อมกันเลยนะคะ”
“ไม่....คุณคิดว่าให้พ่อตัดบัตรเครดิตผมแล้วจะทำให้ผมยอมแพ้ได้เหรอ...โน่โนโน่ ...”
ชายหนุ่มร้องเอื้อนเป็นทำนอง พลางชูสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารพัดโบกต่อหน้าหญิงสาว
“ผมจะไปเบิกเงินที่ธนาคาร .... วันนี้คงไม่ว่างเข้าไปที่บริษัทกับคุณ”
กานต์ยิ้มเยาะเย้ย ก่อนจะเดินโบกสมุดบัญชีผ่านหน้าหญิงสาวไปอย่างสาสมใจ
“ฉันก็จะคอยดูว่าคุณจะขยันพกเงินสดไปเริงร่าได้สักกี่น้ำคุณกานต์”
มินทิราวิ่งตามชายหนุ่มขึ้นรถมาด้วยกัน แม้ชายหนุ่มจะออกปากไล่ก็ไม่ยอมไป
“นี่ลงไปเลยเธอ....ฉันจะไปธุระเรื่องเงินๆทองๆ”
“ฉันมีหน้าที่ตามประกบคุณ ...และจะประกบไปอย่างนี้จนหมดเวลางาน”
สุดท้ายมินทิราเล่นลูกตื๊อ ในเมื่อใช้วิธีไหนก็ไม่ได้ผล ก็ต้องตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก
“ได้..จนหมดเวลางานใช่มั้ย ได้เลยคุณเลขา...”
กานต์ออกรถกระชากจนมินทิราสะดุ้ง หากยังคงทำใจแข็งไม่ยอมลง....ชายหนุ่มมุ่งหน้าไปยังธนาคารที่เป็นที่หมาย ...งานนี้เขาจะปล่อยให้พ่อแท็คทีมกับยัยเลขาจอมโหดคนนี้เล่นงานเขาไม่ได้
กานต์ไล่ถอนเงินออกจากบัญชีจนรวบรวมมาได้หนึ่งแสนบาท หากแล้วเหมือนความซวยจะมาเยือน เพราะในระหว่างที่เดินกลับออกมาดันเจอโจรกระชากกระเป๋า
“เฮ้ยแก...เอาเงินฉันคืนมานะโว้ย”
กานต์วิ่งตามเงินสดก้อนสุดท้ายของเขาอย่างไม่คิดชีวิต มินทิรารีบเข้าไปแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เข้าไปช่วยกานต์ หากกว่าทั้งคู่จะตามมาถึงกานต์ก็กำลังยื้อยุดถุงเงินอย่างไม่กลัวตาย
“เอาเงินฉันคืนมา ไอ้โจรห้าร้อย”
กานต์ถีบไปสุดแรงจนไอ้โจรวิ่งหนีไปเมื่อเห็นมินทิราและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามมาช่วย
“คุณกานต์ เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนบ้าง”
มินทิรารีบเข้ามาดูอย่างเป็นห่วง ...ไม่คิดว่าผู้ชายตรงหน้าจะบ้าเลือดกว่าที่คิดไว้เยอะ กานต์กอดกระเป๋าใส่เงินไว้กับตัว พลางลุกขึ้นยืนเชิดๆ
“นิดหน่อย ... แผลแค่นี้ไม่เจ็บเท่าไหร่หรอก”
“แต่คุณหัวแตกด้วย ... ไปค่ะฉันพาไปคลินิกไปทำแผลก่อนดีกว่า”
มินทิราพาชายหนุ่มกลับไปยังธนาคารเพื่อไปเอารถก่อนที่จะ ยอมขับไปส่งชายหนุ่มที่คอนโดฯแต่โดยดี หากระหว่างทางยังคงบ่นกานต์ไม่ยอมหยุด
“คุณนี่หัดดูสถานการณ์บ้างนะคะ วิ่งตามโจรไปคนเดียวแบบนั้น ถ้าเกิดมันมีมีดหรือมีปืนขึ้นมาจะทำยังไง”
“ผมไม่สนใจ...ก็มันขโมยเงินผม ผมก็แค่ไปเอาเงินคืน”
“ถามจริงๆคุณกานต์ ...คุณพ่อคุณทำถึงขนาดนี้แล้ว คุณยังจะต่อต้านท่านไปทำไมกัน ฉันรู้ว่าท่านหวังดีกับคุณนะคะถึงจะให้คุณมาทำงานด้วยกัน”
มินทิราเอ่ยพลางเหลือบมองคนนั่งข้างๆที่ดูเหมือนจะนิ่งเงียบไปจนผิดปรกติ ....
“ผมไม่อยากเข้าไปทำงานที่บริษัทนั่น บริษัทที่พ่อต้องแลกมากับการที่ต้องแต่งงานกับผู้หญิงแก่ใกล้ตาย ผมขยะแขยง...คุณได้ยินมั้ย”
กานต์ระบายออกมาอย่างหงุดหงิด .... ถึงแม้ว่ามันจะผ่านมานับสิบๆปีแล้ว แต่กานต์ก็ยังคงจำฝังใจ และกลายเป็นความเกลียดชังต่อสมบัติที่ผู้หญิงคนนั้นทิ้งไว้ให้
“แต่คุณก็ยังใช้เงินได้อย่างไม่เห็นขยะแขยงนี่คะ ... คุณคิดว่าพ่อคุณเอาเงินมาจากไหน ถ้าไม่ได้มาจากบริษัทที่คุณขยะแขยงนั่น ... “
มินทิราพูดไปตรงๆอย่างที่ใจคิด เป็นผลให้กานต์หันขวับมาอย่างไม่พอใจ
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง ... ผมไม่อยากไปเหยียบที่บริษัทด้วยซ้ำ”
“ฉันจะฮุบ แล้วขายมันทิ้ง....แล้วก็ไปทำบริษัทอย่างที่คุณต้องการ แต่ถ้าคุณจะฉลาดหน่อย ก็ทำต่อไปเพราะบริษัทนี้ถึงจะเคยเป็นของอดีตแม่เลี้ยงคุณ แต่คุณพ่อของคุณก็สร้างมันมาด้วยมือของท่านเอง ถ้าคุณคิดว่าแค่ที่มาที่ไปจากเงินของผู้หญิงคนนั้น สำคัญกว่าน้ำพักน้ำแรงของพ่อคุณ ก็ตามใจ”
มินทิราเลี้ยวรถเข้าลานจอดรถของคอนโดมิเนียมของชายหนุ่มแม้ว่าจะยังไม่หมดเวลางาน แต่ทั้งคู่ก็ดูเหมือนจะหมดใจในการทำงานในวันนี้แล้ว หญิงสาวก้าวลงจากรถพลางส่งกุญแจให้ชายหนุ่ม
“คิดให้ดีๆนะคะคุณกานต์ ยังไงสักวันหนึ่งสมบัติที่คุณเกลียดพวกนั้นมันก็จะกลายเป็นของคุณ ... ไม่ว่าคุณจะอยากได้หรือไม่อยากได้...แต่คุณยังโชคดีที่สิ่งที่ตกมาถึงคุณคือสมบัติที่เป็นเงินทอง ...ไม่ใช่หนี้เหมือนอย่างฉัน”
มินทิราหันมาพูดกับชายหนุ่มปิดท้ายก่อนที่จะหันกลับไปขึ้นรถตัวเอง ปล่อยให้กานต์ยืนกอดกระเป๋าเงินอย่างครุ่นคิด
..............................................................................
มินทิรากลับมาที่บริษัทแบบคว้าน้ำเหลวอีกครั้ง หากเธอใช้สิทธิ์ตัวช่วยไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรแถมประธานเกื้อก็ยังคอยเมียงๆมองๆมาเหมือนกับจะตอกย้ำสัญญาแลกเปลี่ยน หญิงสาวจึงตัดสินใจจะไปเผชิญหน้ากับปัญหาเสียเลย
“ท่านประธานคะ ดิฉันคิดว่าข้อตกลงของเรามันยังไม่สำเร็จผล ดิฉันขอเลื่อนไปก่อนได้มั้ยคะ”
“อะไรที่ทำให้เธอคิดว่าไม่สัมฤทธิ์ผล ในเมื่อฉันทำให้เธอสำเร็จทุกอย่าง ทั้งเรื่องบัตรเครดิต แล้วก็เรื่องแต่งตั้งเธอเป็นผู้ช่วยเจ้ากานต์มัน”
ร่างสูงนั้นยังคงมองมาราวกับรอคำตอบของเธอ มินทิราจึงได้แต่พยักหน้าอย่างจำยอม
“ถ้าเธอไม่มีข้อโต้แย้ง ...คืนนี้ก็ไปเจอกันที่คอนโดของเจ้ากานต์ เธอมีกุญแจอยู่แล้วนี่”
“คอนโดคุณกานต์...ทำไมต้องไปที่นั่นคะ”
มินทิราอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง หรือว่าที่ท่านประธานบอกว่าเบิ้ลนี่ คือดับเบิ้ลพ่อลูกอย่างนั้นเหรอ?
“คืนนี้เดี๋ยวก็รู้เองแหละมินทิรา ...คุณไปเตรียมตัวให้พร้อมก็แล้วกัน”
เกื้อบอกยิ้มๆอย่างเชิญชวน ... หากเวลานี้มินทิราไม่มีกะจิตกะใจจะมาหลงเสน่ห์เพลย์บอยตัวพ่อ งานนี้สงสัยเธอจะโดนเอารัดเอาเปรียบก็งานนี้
......................................................................................
มินทิรามาถึงคอนโดของกานต์ตอนค่ำตามนัดของประธานเกื้อ หากเมื่อไขกุญแจเข้าไปก็ต้องประหลาดใจ เพราะเห็นเพียงแต่กานต์ที่นอนหลับอยู่เท่านั้น ซึ่งชายหนุ่มเองก็ดูเหมือนจะไม่มีแรงลุกขึ้นมาโวยวายเธอเช่นเดิม จนหญิงสาวต้องเดินไปดูอย่างแปลกใจ
“คุณกานต์....เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
มินทิราเดินอ้อมมาดูชายหนุ่มที่หลับสนิท หากแผลฟกช้ำบนใบหน้าเริ่มช้ำจนเป็นสีม่วง หญิงสาวมองถุงยาที่ยังไม่มีการเปิดแม้แต่นิดเดียวแล้วก็ถอนใจ พลางเอื้อมมือไปปลุกชายหนุ่ม
“คุณกานต์ ตื่นมาทานยาเถอะค่ะ...คุณกานต์”
“หืมมม ... อ้าว ยัยเตี้ย มาทำไม”
เสียงงัวเงียทักขึ้นหากยังไม่มีทีท่าว่าจะขยับส่วนอื่นๆนอกจากปากและนัยน์ตา
“ฉันมีนัดกับท่านประธานที่นี่ ... แต่พอเปิดประตูเข้ามาก็ไม่เห็นมีใครนอกจากคุณ”
“จะใช้เตียงเหรอ...เดี๋ยวฉันไปนอนห้องแซนดี้ก่อนก็ได้”
กานต์ว่าพลางจะลุก หากมินทิราทุบไหล่ไปหนึ่งทีอย่างโมโห
“จะบ้าเหรอ....”
“โอ๊ยยย”
กานต์ร้องพลางกุมไหล่ข้างที่โดนหญิงสาวทุบให้หนึ่งที มินทิราเห็นอาการโอเวอร์แอคติ้งแล้วก็แปลกใจ จึงจัดการแหวกคอเสื้อชายหนุ่มที่ร้องเสียงหลง
“เฮ้ยๆๆ ใจเย็นคุณ อย่าเพิ่งปล้ำผม”
“ไม่ปล้ำหรอกน่ะขอดูหน่อย เป็นแผลจริงๆด้วย เห็นมั้ยละผลของการเห็นแก่เงินน่ะ”
มินทิราว่าพลางหยิบยาจากคลินิกมาทาให้ ก่อนจะจัดยาให้ชายหนุ่มรับประทานด้วย หากกานต์ส่ายหน้าอย่างแรง พลางเอ่ยย้ำ
“ผมไม่กิน คุณเอายาให้ผมกินเยอะขนาดนี้ กะจะฆ่าผมใช่มั้ย”
“ยาจากหมอ...ฉันจัดตามฉลากหน้าซองแล้ว อ้าปาก....”
“กินยาเยอะๆ มันไม่ดีต่อตับไตไส้พุง”
กานต์ยังคงต่อรองเมื่อมือเรียวนั้นกำยาไม่ต่ำกว่า 4 เม็ดยื่นมาตรงหน้า
“ดูปากดิฉันชัดๆนะคะ อ้า-ปาก”
“ไม่...อุ๊บบบ” ทันทีที่กานต์อ้าปากตอบ มินทิราก็จัดการบีบปากแล้วยัดยาทั้งหมดใส่เข้าไปทันที ก่อนจะรีบส่งน้ำให้ชายหนุ่มที่ดื่มไปสำลักไป
“แค่ก แค่ก...คุณ...แค่ก แค่ก”
“ห๊า...อะไรนะอ่อ ขอบคุณเหรอคะ ไม่เป็นไรๆๆ”
มินทิราแกล้งเอามือป้องหูพลางยิ้มกว้างอย่างขบขันที่แกล้งเอาคืนชายหนุ่มได้สำเร็จ หากกานต์กำลังตาค้างกับรอยยิ้มแสนหวานนั้นจนลืมสำลักไปแล้ว
“เอาล่ะ คุณนอนพักผ่อนได้แล้ว ... ฉันจะไปรอท่านประธานที่โซฟาข้างนอก”
มินทิราเอ่ยพลางตั้งท่าจะลุกออกไป หากกานต์รีบเรียกหญิงสาวไว้อย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวก่อนคุณ ... นั่งคุยเป็นเพื่อนก่อนไม่ได้หรือ”
“จะคุยอะไรล่ะ บอกไว้ก่อนนะสมองฉันมีแต่เรื่องงาน ฉันคุยเรื่องอื่นๆไม่รู้เรื่อง”
มินทิราแกล้งขู่ หากก็ยอมนั่งลงแต่โดยดี กานต์มองตรงมาที่หญิงสาวพลางเอ่ยถามสิ่งที่สงสัยมาตลอด
“ทำไมคุณถึงยอมทำข้อตกลงบ้าดีเดือดแบบนั้นกับพ่อของผม .... หรือจะเป็นเรื่องหนี้ที่คุณพูดเมื่อเย็นงั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ...พ่อของฉันทำให้บริษัทคุณเสียหาย แต่ฉันไม่เชื่อว่าเป็นความผิดของพ่อ ก็เลยต้องเข้ามาพิสูจน์ความจริงกันหน่อย ... แต่กลับกลายเป็นว่าฉันดันพลาดท่าตกหลุมกับดักที่พ่อคุณวางไว้”
มินทิราแค่นเสียงตอบอย่างสมเพชตัวเอง หากกานต์ยังคงถามต่อ
“คุณเลยต้องมาเจอท่านวันนี้ ที่นี่อย่างนั้นเหรอ”
มินทิราพยักหน้าแทนคำตอบ ใบหน้าเรียวที่ซีดลงกะทันหันทำให้กานต์อดใจอ่อนสงสารไม่ได้ ถึงอย่างไรเธอก็ยังเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งที่กำลังทำเพื่อพ่อ เพื่อครอบครัวอย่างสุดกำลัง
“ถ้าคุณไม่เต็มใจ ผมจะคุยกับคุณพ่อให้”
“คุณพูดจริงหรือเปล่าคุณกานต์”
มินทิราเงยหน้าถามอย่างมีความหวัง ดวงตาเปล่งประกายระยิบระยับจนกานต์ตาพร่า หัวใจเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“จริง...ถึงผมจะดูไม่เอาไหนอยู่บ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมกับพ่อเหมือนกันก็คือ เราจะไม่ฝืนใจใคร ...คุณกลับบ้านไปเถอะ....พรุ่งนี้ผมจะเข้าบริษัทไปคุยกับคุณพ่อให้”
“คุณกานต์ คุณจะเข้าบริษัทอย่างนั้นเหรอคะ ....” มินทิราถามอย่างตื่นเต้น เมื่อกานต์ยืนยันอีกครั้งหญิงสาวจึงแทบจะกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดี
“ขอบคุณมากเลยค่ะคุณกานต์ ....คราวนี้งานจะได้เริ่มทำสักที”
“แต่ฉันมีข้อแลกเปลี่ยน...”
“อีกละ....” มินทิรากลอกตามองบนอย่างเบื่อหน่าย รอยยิ้มราวดอกไม้บานเมื่อกี้หุบลงทันควัน จนกานต์อดหัวเราะกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของหญิงสาวไม่ได้
“ฉันจะเทคโอเวอร์บริษัทนั่น ฉันจะไม่ยอมรับบริษัทนั้นเป็นมรดกจากพ่อ แต่ฉันจะแย่งมันให้มาเป็นของฉัน และเธอก็ต้องช่วยฉัน”
“ได้อยู่แล้ว...จับมือสัญญาเลย”
มินทิรารับปากชายหนุ่ม แม้ว่าจะยังงงกับตรรกะของกานต์ที่ไม่ว่าหญิงสาวคิดยังไงมันก็เหมือนกัน แต่เธอก็ยินดีจะทำมัน เพราะอย่างน้อย เธอจะได้หลุดพ้นจากข้อตกลงจากประธานเกื้อเสียที
................................................