รุ่งตะวันก้มหน้าก้มตากินข้าวแบบไม่มองหน้าใคร จนปกเกียรติต้องเตือน
“นี่คุณ ...เอ่อ น้องปราง ค่อยๆกินก็ได้ค่ะ เดี๋ยวจะติดคอเอา”
“พรุ่งนี้ฉันจะไปทำงานที่บริษัทแล้วนะคะ คุณปกคงไม่ว่าอะไร”
ปกเกียรติยังไม่ยอมตอบคำถามหากยังคงกินไปเรื่อยๆราวกับไม่ใส่ใจ รุ่งตะวันจึงเป็นฝ่ายร้อนใจเสียเอง
“นี่คุณปก ฉันพูดคุณได้ยินมั้ย”
“แล้วยังไง....” ปกเกียรติเอ่ยถามกลับพลางตวัดสายตาเข้มจ้องมอง หญิงสาวจึงเอ่ยต่ออย่างที่นึกไว้
“ฉันอยากให้เราเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ฉันไม่อยากให้พิธานรู้”
ปกเกียรติวางแก้วน้ำลงดังกึก ก่อนจะสาดสายตาพิฆาตมาที่เธออีกครั้ง
“แล้วคุณจะปิดไอ้พิธานมันยังไง ตอนคุณท้อง คุณปิดบังมันได้ไม่กี่เดือนหรอก”
ปกเกียรติเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันทั้งที่ในใจเจ็บปวด ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนหัวใจหญิงสาวตรงหน้าได้เลย
“ฉันจะหาทางคุยกับพิธานเอง ฉันมั่นใจว่าพิธานรักฉันมากพอ...”
คราวนี้ปกเกียรติรวบช้อนส้อมแล้วลุกจากโต๊ะไปทันที ในขณะที่รุ่งตะวันเองก็ได้แต่หนักใจ...ถ้าเธอต้องการใบหย่าจากปกเกียรติ คงต้องใช้ลูกเป็นข้อแลกเปลี่ยนนี่แหละ อย่างน้อยเด็กคนนี้ก็จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาจริงๆ ไม่ใช่คนอื่นอย่างเธอ
................................................................................................................................................
และนับตั้งแต่ที่ทั้งคู่ตกลงใจทำเด็กหลอดแก้วด้วยตัวเอง ปกเกียรติก็ให้เธอย้ายไปนอนห้องเดียวกับเขาเสีย เพื่อที่ชายหนุ่มจะได้ดูแลหญิงสาวได้สะดวก ซึ่งแม้รุ่งตะวันจะไม่เต็มใจแต่เธอก็ขัดปกเกียรติไม่ได้เพราะอีกฝ่ายมีอาวุธในมือคือใบหย่า ทุกอย่างดำเนินมาได้อย่างราบรื่นตลอด 3 เดือน สิ่งที่ปกเกียรติเพียรพยายามก็บรรลุผล
ปกเกียรติขยับตัวอย่างตกใจเมื่อร่างเล็กๆที่นอนอิงแอบข้างกายเขาจู่ๆก็ลุกพรวดวิ่งไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะโก่งคออาเจียนจนหมดไส้หมดพุง ชายหนุ่มตามเข้าไปดูพลางช่วยเช็ดหน้าเช็ดตาให้อย่างเป็นห่วง
“คุณเป็นอะไรน่ะรุ่งตะวัน ไม่สบายหรือเปล่า”
ชายหนุ่มเห็นหน้าซีดเซียวของภรรยาแล้วก็ไม่สบายใจ รุ่งตะวันไม่มีแรงแม้แต่จะยืนจนปกเกียรติต้องพยุงไว้ตลอดเวลา
“วันนี้ไม่ต้องเข้าบริษัทสักวันนึงเถอะ ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล”
รุ่งตะวันหลับตาพยักหน้าแต่ดูเหมือนว่าการขยับตัวนิดเดียวก็ส่งผลให้เธอวิงเวียนจนต้องโก่งคออาเจียนอีกครั้ง ปกเกียรติเห็นอาการของหญิงสาวแล้วก็เกือบๆจะมั่นใจ ท่าทางเด็กหลอดแก้วที่เขาเพียรพยายามจะได้ผลแล้ว
“ยินดีด้วยค่ะ คุณแม่ตั้งครรภ์ได้ 4 สัปดาห์แล้วนะคะ”
เสียงคุณหมอยืนยันพร้อมแนะนำวิธีดูแลตัวเองให้กับคู่พ่อแม่มือใหม่จนรุ่งตะวันเบลอ ตอนนี้หญิงสาวมัวแต่คิดว่าจะบอกเรื่องนี้แก่พิธานอย่างไร เพราะแม้ว่าพิธานจะรักเธอ แต่ถ้าหากเขาจับได้ว่าเธอปิดบังเรื่องที่เธอแต่งงานกับปกเกียรติ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะยอมรับเธอได้หรือไม่
“นี่คุณปูเป้...พยาบาลที่เคยดูแลคุณ ผมจะให้เค้าคอยดูแลคุณช่วงที่คุณไปทำงานที่บริษัท”
ปกเกียรติเอ่ยเมื่ออีกฝ่ายยังยืนยันว่าจะไปทำงานตามปรกติ แม้ว่าเขาจะขอร้องให้รุ่งตะวันหยุดพักหากหญิงสาวกลัวว่าพิธานจะระแคะระคายจึงไม่ยินยอม ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงแค่ให้พยาบาลไปคอยช่วยดูแลเท่านั้น
“เป้จะคอยเป็นเลขาช่วยคุณหนูปรางอีกแรงนะคะ คุณปรางไม่ต้องเป็นห่วง”
พยาบาลสาวร่างเพรียวเอ่ยกับหญิงสาวที่เคยเจอเมื่อสามปีก่อน แต่พอได้มาเจอกันอีกทีปูเป้ก็ต้องตกตะลึง ปรางสุดาเปลี่ยนไปมากจริงๆ จากเด็กสาวซูบซีดอมโรคคนนั้น กลับกลายเป็นสาวสะพรั่งที่แม้แต่ผู้หญิงด้วยกันยังอิจฉา รูปร่างแบบบาง ใบหน้าเรียวเล็ก ริมฝีปากจิ้มลิ้มและดวงตาใสกระจ่างนั่น ...เธอไม่แปลกใจนักที่วันนี้คนที่เคยเป็นพี่ชายจะกลายสถานะเป็นสามีแทน
“ดิฉันเกรงใจคุณเป้จริงๆค่ะ แค่งานพยาบาลก็หนักพอแล้ว ต้องมาดูแลฉันที่บริษัทอีก”
“แค่ไม่กี่ชั่วโมงเองค่ะ เป้รับมือไหวอยู่แล้ว”
พยาบาลสาวใบหน้ากลมแป้นยิ้มให้อย่างน่ารัก จนรุ่งตะวันอดยิ้มตอบไม่ได้ คุณพยาบาลร่างเพรียวแต่ใบหน้ากลมราวกับเด็กหญิงสุขภาพดีทำให้ใครเห็นใครก็อดเอ็นดูไม่ได้
ปกเกียรติมองสองสาวยิ้มให้กันแล้วก็เบาใจ บอกตามตรงว่าเขาไม่อยากให้รุ่งตะวันห่างหูห่างตาเลย สามเดือนที่ผ่านมาเป็นฮันนีมูนแสนหวานสำหรับเขาจนเขาอยากให้ทุกอย่างมันยืดเวลาออกไป หากรุ่งตะวันต่างหากที่กลับอยากจะเร่งวันเร่งคืนเพื่อให้ครบตามกำหนดที่เขาจะหย่าให้เธอสักที
........................................................................................................................................
“ฉันมีความจำเป็นที่จะต้องอุ้มบุญให้กับที่บ้านค่ะ”
รุ่งตะวันเลือกที่ปั้นเรื่องโกหกให้พิธานสบายใจ อย่างน้อยๆเธอจะยังสามารถปิดบังเรื่องที่เธอแต่งงานแล้วกับปกเกียรติไว้ได้
“มันหมายความว่ายังไงกันรุ่งตะวัน ผมไม่เข้าใจ”
พิธานรับฟังเรื่องราวจากหญิงสาวมาได้คร่าวๆ ใบหน้าอันแสนมีเสน่ห์ดูซีดเซียวจนข่มให้ดวงตาสีน้ำตาลทองหมองลงจนแทบไม่เหลือประกาย
“ที่บ้านฉันมีความจำเป็นที่ต้องทำตามพินัยกรรมของท่านนายพลค่ะ หลังจากที่ปรึกษากับทุกฝ่ายแล้วก็ทนายอุดมแล้ว ทุกคนลงความเห็นว่า เราควรจะทำเด็กหลอดแก้วแล้วให้ฉันเป็นคนอุ้มบุญ จะได้ตัดปัญหาเกี่ยวกับเรื่องพินัยกรรมของท่าน และฉันเองที่เป็นผู้รับมรดกก็จะได้ไม่ต้องยุ่งยากเรื่องนี้อีก”
“ที่คุณบอกว่าขอเวลา 1 ปี ก็เพราะเรื่องอุ้มบุญนี้น่ะหรือรุ่ง”
พิธานถามเสียงอ่อนแรง .... จริงอยู่ว่าเขาคิดที่จะแต่งงานอยู่กินกับหญิงสาวแต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องพันธุกรรมทำให้เขาไม่คิดที่จะมีลูกกับรุ่งตะวัน และไม่เคยคิดด้วยว่ารุ่งตะวันจะต้องอุ้มลูกของใคร แม้จะต้องทำเพื่อครอบครัวก็เถอะ
“ผมต้องการเวลาทำความเข้าใจสักพักรุ่ง ผมหวังว่าคุณคงจะเข้าใจ”
รุ่งตะวันได้แต่ยิ้มรับคำขอจากเขา....แค่ความจริงเพียงครึ่งเดียว ดูเหมือนว่าพิธานเองจะมีกำแพงกับเธอขึ้นมาหนึ่งชั้นทันที ....ไม่รู้ว่าอีก 9 เดือนหลังจากนี้ จะเพียงพอให้พิธานทำใจได้หรือไม่....
................................................................................................................................................