มินทิราที่นั่งทำงานอยู่ด้านนอกไม่รู้เลยว่าตัวเธอจะกลายเป็นประเด็นร้อนที่สองพ่อลูกกำลังถกเถียงกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียด หญิงสาวรวบรวมข้อมูลแผนการดำเนินการในไตรมาสก่อนมาเปรียบเทียบก่อนจะวางแผนในการลุยงานในไตรมาสนี้ พลางจดหาชื่อทีมงานที่ตัวเองต้องการในกระดาษเพื่อนำไปเสนอกับกานต์
ชายหนุ่มออกจากห้องบิดามาอย่างใจลอยทำไมสุดท้ายแล้วเป็นเขาที่ต้องถูกบังคับขืนใจแบบนี้ ...ไม่ว่ามินทิราจะก้าวเข้ามาในฐานะไหน ชายหนุ่มก็ไม่อยากได้ทั้งนั้น!
“คุณกานต์ .... ฉันเตรียมเอกสารสรุปมาให้คุณแล้วค่ะ เรามาฟอร์มทีมงานกันเลยมั้ยคะ”
มินทิราเดินตามชายหนุ่มเข้ามาในห้องทำงานของเขา แต่กานต์เอาแต่จ้องมองเธอโดยที่ไม่สนใจสิ่งที่เธอพูดด้วยซ้ำ ชายหนุ่มไล่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็เท้าจรดหัว มินทิราสวมกางเกงสแล็คขายาวพร้อมเสื้อไลท์สูทแบบลำลองสีสุภาพราวกับผู้บริหารรุ่นป้า เมื่อบวกกับใบหน้าเรียวที่ติดจะเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลาทำให้หญิงสาวดูไม่ค่อยน่าคบสักเท่าไหร่ แต่ที่สำคัญสำหรับกานต์ก็คือ แม่นี่ไม่มีความเร้าใจอะไรเลย ไม่ว่าจะเห็นหุ่นหรือหน้าตา ไม่ปลุกใจเสือป่าอย่างแรง
“เธอมีข้อตกลงอะไรกับพ่อฉัน ...สารภาพมาซะดีๆ”
“ถามแบบนี้แสดงว่ารู้มาอยู่แล้ว แล้วจะถามฉันอีกทำไมคะ”
“เธออยากแต่งงานกับฉันมากหรือไง ถึงได้ยื่นข้อเสนอบ้าๆนั่นให้พ่อฉัน”
คราวนี้มินทิราหันมามองคนพูดตาเขียว พลางเค้นเสียงตอบ
“ฉันว่าคุณคงฟังมาคลาดเคลื่อน ข้อตกลงที่พ่อคุณสัญญากับฉันก็คือ ถ้าฉันทำกำไรเกิน 50% ฉันก็จะไม่ต้องแต่งงานกับคุณ”
“ข้อตกลงบ้าระห่ำขนาดนี้ ถ้าคุณไม่อัจฉริยะ คุณก็ต้องอยากแต่งงานกับผมตัวสั่น”
“เสียใจ เพราะฉันเป็นอัจฉริยะไง ฉันถึงยอมรับข้อเสนอ ...แล้วก็ต้องไปลากคุณมาทำงานด้วยไงล่ะ”
กานต์มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างทึ่งจัด ถึงแม้ว่าเขาจะทำงานบ้างไม่ทำบ้าง แต่ก็พอรู้อยู่ว่าการจะทำกำไรให้พุ่งสูงปรี๊ดขนาดนั้นในตอนที่เศรษฐกิจเป็นอย่างนี้นั้นยากเย็นแสนเข็ญเพียงไหน แต่มินทิรายังมั่นใจในตัวเองถึงขนาดกล้าเดิมพันกับพ่อของเขา
“ผมว่าเราไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอกมินทิรา ....ผมจ้างคุณ 5 ล้านบาท ไปทำกิ๊ฟกับผม สัญญาที่คุณตกลงกับพ่อผมไว้เป็นอันจบ”
“การทำงานสำหรับฉันไม่ใช่เรื่องลำบาก แต่ถ้าจะให้ฉันต้องอุ้มท้องลูกของคุณ หรือต้องแต่งงานกับคุณนั่นละคือความลำบากที่สุดในชีวิตของฉัน เพราะฉะนั้นคุณสนใจเอกสารตรงหน้าดีกว่าค่ะคุณกานต์ เราจะทนเห็นหน้ากันแค่ 3 เดือนเท่านั้นแล้วทุกอย่างจะจบ โอเค๊?”
มินทิราเค้นเสียงตอบอย่างโมโห ... พ่อลูกคู่นี้เห็นเธอเป็นสินค้าประเภทไหนกันถึงได้เอาเงินมาขู่เธอกันจัง กานต์ฟังเหตุผลหญิงสาวแล้วก็ชักจะเห็นดีด้วย แต่การทำงานกับตัวเขานั้นมันค่อนข้างสวนทางกันอย่างชัดเจน งานนี้กว่าจะครบสามเดือนเขาอ่วมก่อนแน่
............................................................................................................................
มินทิรากลับบ้านด้วยความอ่อนเพลีย วันนี้เธอปวดล้าทั้งร่างกายและสมองกับการที่ต้องเคี่ยวเข็ญให้กานต์ตั้งใจทำงาน เธอเข้าใจความรู้สึกของท่านประธานขึ้นมาทันที นี่รึเปล่าที่เป็นเหตุผลที่ว่าท่านประธานอยากให้เธอทำงานชดใช้ให้บริษัทเขาไปตลอดชีวิต
“มิ้น กลับบ้านมาแล้วหรือลูก กินข้าวกินปลามาหรือยัง”
นางเดือนเพ็ญเอ่ยทักลูกสาวอย่างรักใคร่ พลางกอดตอบอ้อมแขนเรียวเล็กที่โอบเอวมารดาเอาไว้
“ยังเลยค่ะแม่ หิวชะมัดเลย แม่ทำอะไรกินคะ”
“ผัดสะตอใส่กุ้งของโปรดของมิ้นไงจ๊ะ กินเลยมั้ยเดี๋ยวแม่ตั้งโต๊ะให้”
หญิงสาวพยักหน้ารับ พลางมองดูมารดากุลีกุจอไปเตรียมอาหารให้ ในขณะที่นายมนตรีนั่งดูโทรทัศน์อย่างเหงาหงอย ...ตราบใดที่เธอยังพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้พ่อไม่ได้ นายมนตรีก็ต้องมีตราบาปจนไม่สามารถกลับไปทำงานที่ KK กรุ๊ปได้อีกครั้ง
“พ่อคะ ...ทานข้าวด้วยกันเถอะค่ะ”
“พ่อกับแม่กินแล้ว มิ้นกินเถอะลูก” นายมนตรีเอ่ยตอบบุตรสาวแม้จะใคร่รู้หากก็ไม่กล้าปริปากถามเรื่องที่ทำงาน
มินทิรามองบรรยากาศของครอบครัวแล้วได้แต่ถอนใจ จะมีวิธีไหนบ้างมั้ยที่จะทำให้พ่อกับแม่ของเธอกลับมายิ้มแย้ม และครอบครัวเธอมีความสุขเหมือนเดิม
...............................................................................................................................
รุ่งเช้ามินทิราไปถึงบริษัทแต่เช้าเช่นเคย หากห้องทำงานของกานต์ยังคงว่างเปล่า หญิงสาวจึงกดเบอร์โทรศัพท์จิกชายหนุ่มไม่ยั้ง
“ยัง ยังไม่เข็ดอีก...อย่าหาว่ามินทิราคนนี้เป็นขาโหดแล้วกัน”
หญิงสาวกดวางโทรศัพท์พลางคว้ากุญแจรถก้าวออกไป ทันทีที่มาถึงหน้าห้องของกานต์ มินทิราก็ลังเลใจเล็กน้อยด้วยกลัวว่าจะเข้าไปจ๊ะเอ๋กับอีกฝ่ายแบบคราวที่แล้วอีก จึงเลือกที่จะกดออดแล้วรอชายหนุ่ม หากหญิงสาวกดจนปุ่มแทบจะพังแล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะออกมา มินทิราจึงตัดสินใจไขกุญแจเข้าไป คราวนี้ในห้องเพนท์สูทหรูไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตใดๆเลย จนมินทิราประหลาดใจ
หญิงสาวกดเบอร์โทรศัพท์หาชายหนุ่มอีกครั้ง แต่ก็ไร้สัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่คุณเรียก
“อย่าให้ฉันรู้นะว่าคุณอยู่ที่ไหนคุณกานต์ .....โธ่เอ้ย! แล้วฉันจะประชุมวางแผนการตลาดได้ยังไงเนี่ย”
มินทิราโมโหจนแทบอยากจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง ...หญิงสาวเดินกระแทกส้นออกจากห้องชายหนุ่มไปอย่างหงุดหงิด ก่อนจะปิดประตูห้องเพนท์เฮ้าส์หรูเกือบพัง แต่ในขณะที่กำลังยืนรอลิฟท์อย่างหงุดหงิดอยู่นั้น เธอก็เห็น “แซนดี้” แม่ลูกครึ่งเผือกโนตมเดินสวนออกมาจากลิฟต์ลอยหน้าลอยตาผ่านหน้ามินทิราไปอย่างเยาะเย้ย
“คุณคะ...ดิฉันขอรบกวนสักครู่”
มินทิรารีบเดินเข้ามาดักหน้า พลางคุยกับแม่ลูกครึ่งสาวอกภูเขาไฟที่ตอนนี้ชี้หน้าเธอตรงระดับสายตาพอดิบพอดี ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายมองลงมามินทิราจึงรู้สึกเหมือนกับว่า เธอกำลังถูกแม่มะพร้าวนี่เหวี่ยงใส่ทางสายตาและหน้าอก
“คุณพอจะติดต่อคุณกานต์ได้มั้ย ดิฉันมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับเค้า”
“กานต์เขาคงไม่ว่างจะคุยกับเธอ เพราะเขาน่าจะยังไม่ตื่น”
“แต่ฉันเข้าไปดูในห้องเขาแล้ว เขาไม่ได้นอนอยู่ที่นั่น”
แซนดี้ส่ายหน้าคล้ายกับจะตำหนิว่าเธอช่างรู้น้อย พลางบอกกับมินทิราราวกับเป็นผู้ที่กำชัยชนะเอาไว้อย่างสิ้นเชิง
“เขานอนที่ห้องฉันจ้ะแม่หนูน้อย....ห้องติดๆกันนั่นไง เขาเพิ่งซื้อให้ฉันเมื่อวาน”
มินทิราเบิกตาโต...นี่เขาถึงขนาดซื้อห้องใหม่เพื่อจะได้หลบเธออย่างนั้นเหรอ ... หนอยยยย อย่าคิดว่าจะหนีฉันพ้น
หญิงสาวเข่นเขี้ยวอย่างอาฆาต ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องที่แซนดี้บอกพลางกดออดระรัว ในขณะที่แซนดี้ยืนมองอย่างระอาใจ .... แม่สาวน้อยคนนี้นี่ช่างตื้อและดื้อดึงจริงๆ
เสียงออดดังไม่เกิน 3 ครั้ง ประตูก็เปิดออก พร้อมกับร่างหนาที่พันเพียงผ้าเช็ดตัวจะโถมเข้าฟัดมินทิราแบบที่หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว
“กรี๊ดดดดด...............”
มินทิราหวีดร้องเสียงดังเมื่อมือหนาตะปบไปที่หน้าอกของเธอแบบเต็มๆในขณะที่อีกมือตวัดเอวรั้งตัวเธอไปจนชิดพร้อมกับริมฝีปากหนาที่บดจูบลงมาอย่างเร่าร้อน
แซนดี้ถลาเข้ามาแยกทั้งคู่ออกจากกันด้วยความหึงหวง จนถุงโจ๊กแกว่งไปโดนลูกรักอีกฝ่ายที่แทบทะลุผ้าเช็ดตัวออกมา เป็นผลให้กานต์กระโดดถอยออกมาอย่างไวพลางกุมปืนใหญ่เอาไว้อย่างเป็นห่วง
“โอ้ย...ร้อนๆๆๆ อ้าวแซนดี้....อ๊ะ ยัยเตี้ย! นี่มาได้ไงเนี่ย”
สองสาวที่ยืนประจันหน้ากันนั้นกำลังคุกรุ่นทั้งคู่ แต่ด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แซนดี้นั้นแทบจะกินเลือดกินเนื้อมินทิรา หากมินทิราที่เพิ่งโดนปล้ำจูบแล้วยังมาโดนอีกฝ่ายชี้หน้าใส่ก็ยิ่งโมโหหน้าดำหน้าแดงใส่ผู้ชายคนเดียวที่เป็นต้นเหตุ
“คุณมันแย่ที่สุดเลยคุณกานต์ ถ้าคุณไม่ให้ความร่วมมือกันแบบนี้แสดงว่าคุณอยากแต่งงานกับฉันใช่มั้ย”
“แต่งงาน!....นี่มันอะไรกันคะกานต์ อธิบายมาให้ดีๆนะคะไม่งั้นคืนนี้อด...”
แซนดี้ถลึงตาใส่แฟนหนุ่มอย่างโกรธจัด หากกานต์ได้แต่ยืนหน้าทำหน้าอ้อนวอนต่อคู่ขา พลางหันไปตำหนิมินทิราอย่างรุนแรง
“เพราะเธอคนเดียว ยุ่งไม่เข้าเรื่อง กลับไปแล้วไม่ต้องมาที่นี่อีก”
“ฉันไม่ไป จนกว่าคุณจะเข้าบริษัทไปพร้อมๆกับฉัน ทุกคนรอคุณเริ่มประชุมคุณจะมามัวแต่กกผู้หญิงอยู่อย่างนี้ไม่ได้นะคะ มันทำให้ฉันเดือดร้อน”
“แต่ฉันจะเดือดร้อนก็เพราะเธอ....เมื่อไหร่เธอจะเลิกวุ่นวายกับฉันเสียทีห๊ะ...โน่นไปหาพ่อฉันเลย แล้วไปบอกพ่อฉันด้วยเลยว่า ฉันยินดีให้เธอมาเป็นแม่เลี้ยง ดีกว่ามาเป็นเมียฉัน”
กานต์ตวาดใส่หญิงสาวอย่างอารมณ์เสีย โดยที่ไม่ทันสังเกตว่าจู่ๆมินทิราก็นิ่งงันไป พลางถามเสียงสั่นระริก
“คุณว่าอะไรนะคะ...จะให้ฉันมาแม่เลี้ยงคุณอย่างนั้นเหรอคะ”
“ใช่...ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มเติมก็ติดต่อพ่อฉันได้เลย เชิญ....”
ชายหนุ่มออกปากไล่อย่างไม่ไยดี หากมินทิรารู้สึกก้าวขาไม่ออก สองพ่อลูกนี้เล่นตลกอะไรกับเธอกันแน่ ไหนท่านประธานบอกว่าหากเธอแพ้เดิมพันเธอจะต้องแต่งงานกับกานต์ลูกชายของเขา แต่นี่กลับกลายเป็นว่ากับพ่อหรือลูก ใครก็ได้คนใดคนหนึ่งอย่างนั้นหรือ....
มินทิราแค่นยิ้มให้กับตัวเอง...เงินห้าสิบล้านบาท ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงไร้ศักดิ์ศรีได้ขนาดนี้ ...หญิงสาวเชิดศีรษะขึ้นอย่างทะนงตน ... เธอจะทำให้สองพ่อลูกนี้สยบอยู่ใต้ฝ่าเท้าเธอให้ได้!