รุ่งตะวันตกใจจนอ้าปากค้างเมื่อเห็นชัดว่าร่างสูงที่ยืนขวางประตูอยู่นั้นเป็นใคร ก่อนจะเอ่ยทักทายอย่างฝืดเฝื่อน
“สวัสดีค่ะคุณปก....มาเยี่ยมกันถึงที่ไม่บอกล่วงหน้าเลยนะคะ”
“ถ้าบอกผมจะได้เห็นอะไรเด็ดๆงั้นหรือ...ผมว่าเราต้องคุยกันใหม่แล้วล่ะ น้องปราง”
รุ่งตะวันเดินตามอีกฝ่ายขึ้นไปที่ห้องพักอย่างคอตก ไม่รู้ว่าอีตาคุณหมอนี่เห็นอะไรบ้างเธอกลัวฝันอันแสนหวานจะกลายเป็นฟองสบู่แตกด้วยน้ำมือของคุณผู้ปกครองนี่แหละ
“คุณร่ำร้องว่าอยากมาเรียนต่อด้านสถาปัตย์ที่อเมริกานี่ ผมก็ไม่ขัดข้อง แต่คุณควรเข้าใจขอบเขตของตัวเองหน่อยได้มั้ยว่า...อะไรที่ทำได้หรือ....ทำไม่ได้”
น้ำเสียงห้วนนั้นติดจะหงุดหงิดจนรุ่งตะวันได้แต่นิ่งฟังก่อน ปล่อยให้เขาร่ายยาวต่อไป
“น้องปรางยังเด็ก ควรที่จะตั้งใจเรียน แต่นี่อะไรทันทีที่ผมมาถึง ผมก็เห็นคุณออกไปเที่ยวเตร่กับไอ้หนุ่มฝรั่งตาสีทองนั่น....”
“ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรนี่คะ แค่ไปเที่ยวดูพิพิธภัณฑ์กันมาเฉยๆเอง”
รุ่งตะวันตอบด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะปรกติที่สุด หากตาเข้มยังจ้องเธออย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ผมยื่นคำขาดนะรุ่งตะวัน....น้องปรางจะต้องเรียนที่นี่ด้วยประวัติที่ไม่ด่างพร้อย และนับจากนี้ถ้าคุณกลับบ้านเกิน 1 ทุ่ม ผมจะบินมารับตัวคุณกลับเมืองไทย ...ถ้าเรียนเมืองนอกแล้วมันห่างหูห่างตานัก ก็กลับไปเรียนที่เมืองไทยแล้วกัน!”
“นี่มันจะลิดรอนสิทธิเสรีภาพมากเกินไปหน่อยมั้ยคุณหมอ ไอ้ที่คุณเป็นห่วงน้องสาวคุณเนี่ยฉันก็เข้าใจ แต่ฉันไม่ใช่เด็กประถมแล้วมั้ยที่ต้องขีดเส้นใต้เวลากลับบ้าน”
“ถ้าคุณทำไม่ได้ ผมจะให้คุณเรียนสาขาอื่นที่มันสามารถกลับบ้านได้ตรงเวลา อันที่จริงกิจการของที่บ้านที่คุณต้องรับผิดชอบก็มี แต่การที่ผมยอมให้คุณเรียนสถาปัตย์มากกว่าบริหารธุรกิจ ก็เพราะผมเห็นแก่คุณ แต่ถ้าคุณไม่เห็นแก่ผมบ้างก็เลิกเรียน แล้วกลับเมืองไทยไปทำงานเลยก็น่าจะดีกว่า”
ปกเกียรติตั้งกฎใหม่เองกะทันหัน จนหญิงสาวตามไม่ทัน และดูท่าว่าจะเอาจริงอย่างที่พูดด้วย เพราะตอนนี้สีหน้าชายหนุ่มคล้ายกับจะเตือนเธอว่าเขามีตั๋วบินกลับเมืองไทยให้เธอได้ตลอด 24 ชั่วโมง
“โอเคก็ได้... 1 ทุ่มก็หนึ่งทุ่ม มีอะไรจะสั่งห้ามอีกมั้ย จะได้รับรู้ไปทีเดียว”
“ห้ามใจแตก....”
“อะไรนะ!!!!” รุ่งตะวันร้องเสียงหลง พลางจ้องหน้าชายหนุ่มแบบไม่เชื่อหู หากปกเกียรติยังคงขมวดคิ้วพลางเอ่ยย้ำเสียงเข้ม
“ห้ามมีแฟน...เข้าใจมั้ย สถานะที่อนุญาตได้แค่ ‘เพื่อน’ ต้องการให้ผมอธิบายคำจำกัดความเพิ่มมั้ย”
ปกเกียรติถามย้ำเมื่ออีกฝ่ายหน้าแดงขึ้น จนชายหนุ่มแปลกใจ...หรือที่ป้านวลรายงานเขาว่ารุ่งตะวันมีเพื่อนสนิทเป็นไอ้หนุ่มฝรั่งหน้าหล่อนั่นมันจะเข้าข่าย “เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ” ซะแล้วมั้ง
“ผมให้เวลาคุณแค่ 3 ปีรุ่งตะวัน คุณต้องเรียนจบกลับเมืองไทย”
“3 ปี คุณบ้าหรือเปล่าคุณหมอ ...สถาปัตย์นะ”
“เอ้า...ไหนคุณเคยบอกว่า เคยร่ำเรียนมาจนจบเป็นมัณฑนากรทำงานจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเมืองไทยแล้วไง หรือที่คุณบอกผมว่าคุณคือรุ่งตะวันนี่...คุณโกหกผม”
ปกเกียรติย้อนเอาคำพูดอีกฝ่ายมาทำให้หญิงสาวต้องจนมุมด้วยคำพูดตัวเอง ...รุ่งตะวันมองผู้ชายตรงหน้าอย่างโมโห แทนที่เธอจะได้เรียนไปทำงานไปสบายๆ กลับต้องมาคร่ำเคร่งเร่งเรียนให้จบเร็วๆ 3 ปี กับมหาลัยที่นี่ เธอจะมีเวลาหายใจหรือเปล่ายังไม่รู้เลย
“นับถอยหลังได้เลยรุ่งตะวัน อีกสามปีผมจะมางานรับปริญญาของคุณ”
....................................................................................................................