ตอนที่ 1
“ผมว่าคุณรู้ดีนะว่าผมหมายความว่ายังไงคุณมนตรี ... ข้อมูลสำคัญของบริษัทที่รั่วไหลออกไป จนไปถึงมือของคู่แข่งอย่าง บริษัท เดอะเบสต์ ที่ลูกสาวคนเก่งของคุณทำงานอยู่ มันจะเป็นใครไปได้นอกจากคุณ”
ร่างสูงใหญ่ที่นั่งในตำแหน่งประธานของบริษัท เคเคกรุ๊ป เจ้าของแบรนด์กระเป๋าหรูที่ติดอันดับท็อปไฟว์ของเมืองไทย เอ่ยกับชายสูงวัยที่นั่งตรงข้ามอย่างข่มขู่ หากนายมนตรีจ้องกลับเจ้านายของตนอย่างไม่ยอมแพ้และพยายามอธิบาย
“ข้อมูลทุกอย่างของผมเก็บไว้ที่คอมพิวเตอร์ของบริษัททั้งหมด เอกสารก็อยู่ในตู้เอกสารที่มีกุญแจล็อค ผมไม่เคยเอาเรื่องงานกลับไปที่บ้าน และถ้าท่านประธานไม่เชื่อ ท่านประธานก็ไปเปิดกล้องวงจรปิดดูได้เลย ผมไม่ได้เป็นคนทำให้ข้อมูลลับของบริษัทรั่วไหลออกไปแน่นอน”
ริมฝีปากหนายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย จนทำให้ใบหน้าคมเข้มนั้นเกิดริ้วรอยเล็กน้อยหากไม่สามารถกลบความมีเสน่ห์ที่ยังคงฉายชัดแม้ว่าวัยจะล่วงเข้าเลขสี่แล้วก็ตาม
“คุณไปอธิบายกับทีมทนายผมก็แล้วกัน...ทีมการตลาดสรุปออกมาแล้วว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นในเดือนที่ผ่านมาเป็นมูลค่า 50 ล้านบาท ผมคงไม่มีตำแหน่งอะไรให้คุณทำงานที่นี่อีกแล้วคุณมนตรี .... และผมคงไม่ให้เงินชดเชยคุณ เพราะคุณต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายชดใช้หนี้ความเสียหายพวกนี้กับผม!”
ประธานเกื้อ แห่งเคเคกรุ๊ปยืนขึ้นเต็มความสูง จนข่มให้ชายสูงวัยนั้นยิ่งดูหมดสง่าราศีของอดีตผู้จัดการด้านการการเงินและการตลาดแห่งเคเคกรุ๊ปไปโดยปริยาย
นายมนตรี ก้มลงหยิบซองสีขาวพร้อมกับซองเอกสารอื่นๆของเขาแล้วเดินออกจากห้องของประธานบริษัทไป ... ในวัย 50 ปีของชายสูงวัยเช่นเขา ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะต้องมาเกษียณก่อนกำหนดด้วยเหตุผลอย่างถูกไล่ออกเลย ....โดยเฉพาะการถูกไล่ออกด้วยความผิดที่เขาไม่ได้เป็นคนก่อเลยแม้แต่นิดเดียว!
................................................................................................................................................................
“พ่อกำลังจะถูกบริษัทฟ้องร้อง ท่านประธานไม่ฟังพ่อเลย มันไม่ใช่ความผิดของพ่อเลยนะลูก เรื่องที่ข้อมูลลับของบริษัทที่รั่วไหลออกไป”
มินทิราแทบเข่าอ่อนเมื่อฟังผู้เป็นบิดาพูดจบประโยค หญิงสาวกวาดตามองเอกสารปราดเดียวก็พอจะเข้าใจ ข้อมูลสินค้าตัวใหม่ ยังไม่ทันได้ลงสนามก็แพ้เสียแล้ว เพราะข้อมูลดันรั่วไปจนเกิดของเลียนแบบเต็มไปหมด
“พ่อโดนแฮ็กข้อมูลในโน้ตบุ๊คที่บริษัท พ่อไม่รู้จริงๆว่าข้อมูลพวกนั้นมันรั่วไหลออกไปได้ยังไง”
นายมนตรีกล่าวอย่างกลัดกลุ้ม มูลค่าความเสียหายครั้งนี้หลายสิบล้านบาท หาก “เจ้าสัวเกื้อ” ท่านประธานบริษัท KK กรุ๊ป คงไม่ยอมให้เรื่องนี้จบง่ายๆ
มินทิรา คำนวณเงินเก็บคร่าวๆของตนเองแล้วก็ได้แต่ถอนใจ แม้ว่าเธอจะทำงานตำแหน่งใหญ่โตถึงฝ่ายวิเคราะห์และบริหารฝีมือดีในบริษัทส่งออกสินค้ารายใหญ่ของอเมริกาในประเทศไทย แต่ด้วยวัยแค่ 25 อย่างเธอ เงินเก็บไม่ได้มากพอถึงขนาดจะชดใช้ความเสียหายนี้ได้หมดจด
“ยังไงมิ้นก็ไม่ยอมให้พ่อติดคุกหรอกค่ะ มิ้นจะหาทางช่วยพ่อเอง”
“จริงๆพ่อก็คิดว่ามิ้นน่าจะช่วยพ่อได้ เพราะเจ้าสัวท่านต้องการคุยกับมิ้น”
“คุยกับหนูเหรอคะ...คุยทำไมกัน?”
หญิงสาวเอ่ยถามอย่างสงสัย พลางคิดทบทวน เธอไม่เคยเจอกับท่านประธานแห่ง KK กรุ๊ปเลย แต่เรื่องชื่อเสียงนั้นไม่ต้องพูดถึง ก็บริษัทของเจ้าสัวเกื้อนั้นเป็นคู่แข่งกับบริษัทส่งออกที่เธอทำงานอยู่ งานนี้พ่อเธอเลยถูกจับตาเป็นพิเศษอยู่แล้ว
“หรือว่าเค้าสงสัยว่าหนูแอบแฮ้คข้อมูลโน้ตบุ๊คของพ่อคะ”
“พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เรื่องนี้พวกเราอย่าเพิ่งให้แม่เรารู้เรื่องก็แล้วกัน พ่อกลัวว่าแม่แกจะรับไม่ได้ถ้าพ่อต้องถูกฟ้องร้องขึ้นมาจริงๆ”
“พ่อไม่ต้องห่วงค่ะ ในเมื่อเจ้าสัวเกื้อให้โอกาสมิ้นได้เข้าไปพบ มิ้นจะไม่ทำให้มันต้องเสียเปล่า!”