ท่าเรือบริกตัน
รถซุปเปอร์คาร์คันหรูสีน้ำตาลอมส้มวิ่งมาอย่างปราดเปรียวสะกดทุกสายตาที่มันแล่นผ่าน เมื่อถึงจุดหมายก็เปลี่ยนเกียร์แล้วเลี้ยวเข้ามาจอดยังลานจอดรถ เสียงดังกระหึ่มของเครื่องยนต์ดับลงพร้อมกับชายหญิงคู่หนึ่งที่ก้าวลงมาจากรถ ชายหนุ่มอีกคนในชุดเสื้อเชิ้ตฮาวายไม่ติดกระดุมเดินเข้ามา
“มาแล้วเหรอวะไอ้เพื่อนเกลอ! ฉันรอแกตั้งนาน” บารอนเดินเข้ามากอดเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันนานอย่างดีใจ
“ดูแกสบายดีนี่หว่าไอ้บารอน” โลเวลล์ชกเบาๆเข้าที่ท้องซึ่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นเป็นลอน เขาดีใจสุดๆเมื่อได้มาเจอกับเพื่อนรักสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้เจอกันตั้งแต่จบออกมา
“แกก็เหมือนกัน เดี๋ยวนี้หัดไว้หนวดไว้เคราดูเถื่อนขึ้นเป็นกอง” ชายหนุ่มหันไปหาพัณณิตาแล้วโปรยยิ้มหวาน เธอยิ้มบางๆตอบเขา ดวงตากลมโตแอบชำเลืองมองใบหน้าคมที่หล่อเหลาไม่แพ้กับโลเวลล์ ผิวสีคล้ามแดด ดวงตาทีเทาดูลึกลับและทรงเสน่ห์ หนวดเคราที่มีอย่างพองามช่วยเปล่งประกายออร่าออกมา ถ้าจะให้เลือกระหว่างโลเวลล์และบารอนว่าใครหล่อกว่ากันแล้วล่ะก็... เธอก็คงจะตัดสินใจเลือกไม่ถูกอย่างแน่นอน
“สวัสดีครับ ผมชื่อบารอน วัลดัส เป็นเพื่อนของโลเวลล์ ไม่ทราบว่าเลดี้คนสวยอย่างคุณมีชื่อว่าอะไรเหรอครับ” เขาเดินอ้อมโลเวลล์มาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอแถมเขายังก้มหน้าลงมาใกล้จนหน้าฝากแทบจะชนกัน
“เออ... สวัสดีค่ะ ฉันชื่อพัณณิตา ศิลปะการสกุล ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณบารอน” เธอพยายามจะถอยศีรษะให้ออกห่าง แต่เหมือนยิ่งห่าง... เขาก็ยิ่งยื่นหน้าเข้ามาชิด
“ฉันว่าเราขึ้นไปบนเรือกันดีกว่าอย่ามายืนคุยกันอยู่ตรงนี้เลยมันร้อน ไอ้อัลเบิร์ดมาแล้วหรือยัง” โลเวลล์ใช้ร่างกายของตนไปแทนกกลางระหว่างพัณณิตาและบารอนเพื่อกันไม่ให้เพื่อนของเขาทำอะไรลามปามไปมากกว่านี้พร้อมกับส่งสายตาอาฆาต
“มาถึงตั้งแต่ชั่วโมงก่อนแล้ว ป่านนี้คงนั่งดื่มอยู่ที่เล้าท์กับพวกสาวๆโน้น” บารอนทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินนำทั้งสองขึ้นไปบนเรือสำราญของตน โลเวลล์ถือกระเป่าใบใหญ่ของตนโดยไม่ลืมช่วยถือกระเป๋าเดินทางของหญิงสาวด้วยอีกใบ เมื่อผู้โดยสารระดับวีไอพีมากันครบหมดแล้ว เรือสำราญลำใหญ่ก็ค่อยๆแล่นออกจากท่าไปอย่างนิ่มนวล ภายในเรือขนาดใหญ่มีโถงที่โอ่อ่าทันสมัย บันไดกลางซึ่งทำมาจากกระจกปูด้วยคริสตัลซึ่งทำให้บันไดแห่งนี้คล้ายกับประดับด้วยเพรชระยิบระยับวับวาวระลานตาไปหมด กลางโถงมีเปียโนสีดำราคาแพงและโซฟาให้เลือกนั่งอยู่มากมาย
“มีอะไรรึเปล่าครับ” โลเวลล์ถามพัณณิตาเมื่อสังเกตเห็นว่าเธอเงียบต้งแต่ขึ้นมา
“เปล่าหรอกค่ะ แค่คิดว่าบนเรือสำราญลำใหญ่ขนาดนี้แต่กลับมีผู้โดยสารแค่สี่คน ถ้ามีคนพลุกพล่านมากกว่านี้คงจะทำให้บรรยากาศดูคลึกคลึ้นไม่น้อย” หล่อนมองไปรอบๆเห็นแต่เพียงพนักานสาวสวยในชุดกะลาสีเรือเท่านั้น
“แต่ผมคิดว่าแบบนี้ก็ส่วนตัวดีนะครับ คุณเอาของไปเก็บี่ห้องเถอะแล้วเราจะขึ้นไปที่เล้าท์ชั้นบนสุดกัน” โลเวลล์ไขคีย์การ์ดเปิดประตูห้องของตนเพื่อนเก็บสัมภาระและเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้องของพัณณิตานั้นอยู่ไม่ไกลจากห้องของเขาซักเท่าไหร่ ห่างออกไปเพียงสองห้องเท่านั้น สายลมสดชื่นพัดโชยเช้ามาในห้องจากระเบียงที่เปิดโล้งมองเห็นทะเลด้านนอก หญิงสาวนำเสื้อผ้าสองสามชุดแขวนบนราวแล้วเปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดแขนตุ๊กตากับกระโปรงสีม่วงอ่อนแล้วออกจากห้องซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่โลเวลล์ออกมาพอดี
“เสร็จแล้วเหรอครับ งั้นเราไปกันเถอะ” โลเวลล์เปลี่ยนมาใส่ชุดกางเกงขาสั้นแค่หัวเข่ากับเสื้อโปโลสีขาวพอดีตัว เขาพาหล่อนขึ้นไปที่เล้าท์ซึ่งเพื่อนๆทั้งสองของเขารออยู่
“เฮ้ย! มาแล้วเหรอวะ” อัลเบิร์ดที่กำลังนั่งดื่มลิมอนเซลโล่ เครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมกันในอิตาลีอยู่กับสาวๆในเล้าท์ลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหา “สวัสดีครับคุณพัณณิตา ดีใจจริงๆที่ได้พบกันคุณอีกครั้ง”
“ฉันก็ดีใจเหมือนกันค่ะ” เธอพยักหน้าน้อยๆแล้วทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดี่ยว
“เฮ้! ไหงนายถึงได้รู้จักกับแม่สาวน้อยคนนี้ได้วะ” บารอนกระดกเครื่องดื่มในแก้วของตนจนหมดแล้วอ่ยปากถาม
“โลเวลล์เคยพาเธอมากินสเต็กที่ร้านของฉัน เราเลยรู้จักกัน” อัลเบิร์ดโบกมือให้บาร์เทนเดอร์ชงเครื่องดื่มให้ตนอีกแก้ว
“สเต็กที่ร้านของคุณอร่อยมากๆ ฉันยังอยากที่จะหาโอกาสไปทานมันอีกซักครั้ง” พัณณิตาคลี่ยิ้มบางๆซึ่งทำให้บารอนที่กำลังจ้องใบหน้าของหล่อนอยู่นั้นยิ่งถูกใจเข้าไปใหญ่ ดวงตากลมโตน่ารัก ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูน่าประทับจูบ จมูกเล็กๆกระจุ๋มกระจิ๋มที่ประดับอยู่บนใบหน้าพร้อมกับแก้วขาวๆน่าหม่ำ เธอตรงสเป็คของเขาทุกอย่าง!
“คุณพัณณิตาเคยขึ้นเรือสำราญมาก่อนหรือยังครับ เรือของผมเป็นยังไงบ้าง”
“ฉันยังไม่เคยขึ้นเรือสำราญมาก่อนเลยค่ะ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของฉัน... เรือของคุณสวยงามมาก ฉันคิดว่าเป็นพระราชวังลอยน้ำซะอีกนะคะเนี่ย”
“ไม่ขนาดนั้นเหรอครับ... งั้นให้ผมพาคุณชมให้ทั่วเรือไหมล่ะครับ ยังมีอีกหลายที่ที่จะทำให้คุณตะลึง” บารอนจับมือหญิงสาวดึงให้ลุกขึ้น พัณณิตาหันไปมองโลเวลล์พร้อมกับส่งสายตาซึ่งชายหนุ่มก็เข้าใจความหมายของเธอทันที
“แกจะไปไหนวะโลเวลล์” บารอนเอ่ยถามเมื่อเห็นเขาลุกขึ้น
“ก็คิดว่าอยากจะไปเดินชมเรือเหมือนกัน ฉันไปด้วยแกไม่มีปัญหาอะไรไม่ไหม” บารอนมองหน้าเพื่อนรัก สีหน้าของเขาไม่เหมือนกับคนที่อยากจะไปเดินเล่นเลยซักนิด... แต่มันกลับคล้ายสีหน้าของคนที่กำลังหึงหวง
“เฮ้ย! บารอน ปล่อยให้ไอ้โลเวลล์พาเธอไปเดินชมเรือเถอะว่ะ แกมานั่งคุยกับฉันดีกว่า” อัลเบิร์ดที่นั่งอยู่กวักมือเรียกเพื่อนรัก สาวๆที่ซุกอยู่ที่อกรีบส่งสายตาชะม้อยชม้ายเชิญชวนให้เขาอยู่ต่อทันที บารอนถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์พลางปล่อยมือของพัณณิตาออก
“งั้นก็ฝากด้วยแล้วกัน นายคงไม่พาเธอหลงหรอกนะโลเวลล์” เขากระแทกตัวนั่งลงตามเดิม
โลเวลล์พาหญิงสาวขึ้นมานั่งเล่นบนชั้นดาดฟ้าซึ่งมีสระว่ายน้ำที่มีคลื่นจำลองรวมถึงอ่างจากุซซี่ที่ยื่นออกไปในทะเล ทั้งสองนั่งเงียบไม่มีใครพูดจา
“ขอโทษนะคะ ดูเหมือนว่าฉันเป็นสาเหตุให้พวกคุณทั้งสองทะเลาะกันซะแล้ว” ถึงแม้จะรู้ว่าตนเป็นสาเหตุแต่เธอก็ไม่อยากจะมากับเขาแค่สองต่อสอง อย่างน้อยๆถ้ามีโลเวลล์ไปด้วยหรือว่าไปกับเขาเธอจะรู้สึกปลอดภัยกว่า
“ไม่ต้องห่วงหรอกนะครับ ผมกับบารอนเราทะเลาะกันบ่อยๆโดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง ผมกับมันสเป็คสาวคล้ายกันน่ะครับ คุณไม่ต้องคิดมาก”
“นั่นคงไม่ใช่สาเหตุหรอกนะคะ เพราะอย่างฉันเนี่ยคงไม่ใช่สเป็คของเขาหรอกค่ะ พวกสาวๆชุดกะลาสีที่นั่งอยู่ข้างๆเขาสวยกว่าฉันเยอะ”
โลเวลล์เอียงคอมองหน้าหญิงสาวพลางคิดในใจ
ใครว่าล่ะ เธอหน่ะตรงสเป็คของพวกเขาทุกอย่างเลยต่างหาก
“คุณเองก็เป็นคนสวยนะครับ” ชายหนุ่มอยากจะบอกกับหล่อนเหลือเกินว่าเธอคือผู้หญิงที่ตรงสเป็คของเขาทุกอย่าง แต่เขาก็เลือกที่จะเงียบไว้ไม่พูดออกไป
“คุณชมแล้วฉันรู้สึกเขินๆยังไงก็ไม่รู้ เราไปดูที่ชั้นอื่นกันดีกว่านะคะ” พัณณิตาดึงแขนเขาให้ลุกขึ้นจากม้านั่ง เขาพาเธอไปเดินชมที่อื่นต่อ
“เรื่องอะไรวะที่แกจะคุยกับฉัน” บารอนวางแก้วเครื่องดื่มของตนลงบนโต๊ะแล้วจ้องหน้าเพื่อนรักอีกคนที่กำลังจูบนัวเนียกับแม่สาวอกภูเขาไฟอย่างไม่อายผีสางเทวดาใดๆทั้งสิ้น
“หืม... ก็เปล่านี่ ไม่มีอะไร” เขาอ้าปากรับลูกเชอร์รี่ที่สาวข้างกายอีกคนใช้ปากป้อนให้ถึงที่
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วแกจะเข้ามาขัดฉันทำไมไม่ทราบ! ฉันเกือบจะได้ไปสวีทกับแม่สาวตรงสเป็คนั่นอยู่แล้วเชียว” บารอนพูดอย่างขัดใจเมื่อเสียโอกาสไปอย่างไร้เหตุผล
“ฉันว่าแกตัดใจจากหล่อนไปซะดีกว่า คุณพัณณิตาน่ะไอ้โลเวลล์มันเป็นเจ้าของแล้ว” อัลเบิร์ดผลักสาวไปนั่งข้างๆแล้วพูดกับบารอนอย่างจริงจัง “มันบอกฉันเองกับปากว่าเธอเป็นแฟนมัน”
“ก็คงจะเหมือนคนก่อนๆล่ะมั้ง อีกไม่นานเดี๋ยวมันก็ทิ้ง” ชายหนุ่มเอนหลังไปพิงพนัก ยกขาขึ้นมานั่งไขว่ห้าง
“ฉันว่าครั้งนี้มันเอาจริงว่ะ ดูมันสิขนาดแค่จับมือมันยังไม่กล้าจับสุ่มสี่สุ่มห้าเลย... ฉันว่ามันจริงจังร้อยเปอร์เซ็น”
“โว้! เพื่อนเราจะเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วเหรอวะเนี่ย เดี๋ยวคืนนี้ต้องจัดปาร์ตี้สละโสดให้มันซะหน่อยแล้วว่ะ” บารอยพูดยิ้มๆพลางตัดใจจากพัณณิตา ถ้าเพื่อนของเขามาก่อนเขาก็ไม่มีสิทธิที่จะเข้าไปแย่งเว้นแต่เธอจะถูกเขาสลัดทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว
“เอาสิ ไหนๆเราก็ได้มาอยู่พร้อมหน้ากันสามคนแล้ว โอกาสแบบนี้ไม่ใช่หาได้ง่ายๆ”
บารอนพยักหน้าแล้วเดินขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าโดยมีอัลเบิร์ดตามไปด้วยอีกคน เขาถอดเสื้อเชิ้ตฮาวายออกแล้วกวักมือเรียกพนักสาวที่อยู่ใกล้ๆ หล่อนรีบเดินเข้ามาอย่างรู้หน้าที่ทันี เสื้อเชิ้ตและเครื่องแบบพนักงานถูกถอดออกวางกองไว้ข้างสระ ร่างเปลือยเปล่าในชุดบิกีนี่บิดเลื้อยไปมาอย่างยั่วยวนอยู่ใต้ผิวน้ำ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีนักอ่านทุกท่านค่ะ ตอนนี้มาอัพให้นักอ่านแก้เหงากันนะคะ
รักนักอ่านทุกท่านค่ะ