“เจ้านายครับ ทำไมคืนนี้ถึงได้เลิกนัดไวจังล่ะครับ เห็นเวลาไปต่อที่คอนโดของหล่อนทีไร ตีสองตีสามโน้นถึงจะโทรให้ผมมารับที่หน้าคอนโด” ปาสคาลที่ถูกเรียกให้มาทำหน้าที่ขับรถแทนโลเวลล์ที่นั่งพิงประตูอยู่ที่เบาะข้างอันแสนสบาย เขาเอามือเท้าคางมองความสวยงามของแสงสียามค่ำคืนในกรุงลอนดอนโดยไม่ใส่ใจคนที่กำลังถามคำถามเขาเลยแม้แต่น้อย
“ถ้าเจ้านายไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไรครับ”
“พ่อของหล่อนโทรมาน่ะ เห็นว่ามีธุระด่วนอะไรซักอย่างแต่ก็คงจะเป็นเรื่องในครอบครัวนั่นแหละ” โลเวลล์ตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย ครอบครัวของเธอช่างวุ่นวายซะจริงๆ แต่ก็ดีแล้วเขาจะได้ไม่ต้องมาคอยเอาอกเอาใจคุณหนูที่มีดีแค่ออดอ้อนและยั่วยวนเท่านั้น
“อ้อ แล้วเจ้านายจะให้ผมจัดหาผู้หญิงไปให้ที่เพนท์เฮ้าส์ไหมล่ะครับ ถึงเจ้านายจะเคยบอกว่าเบื่อขี้หน้าพวกหล่อนแต่ก็คงพอจะเอามาแก้ขัดก่อนได้” ปาสคาลเหลือบมองเจ้านายที่นั่งหลับตาคล้ายอยากจะพักผ่อนเต็มทน
“ไม่ล่ะ คืนนี้ฉันกะว่าจะนอนให้เต็มที่ซักหน่อยเครียดกับงานมาหลายวันแล้ว”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ” ปาสคาลเลี้ยวรถไปยังอีกฝั่งของถนนเพื่อเข้าสู่ถนนเส้นหลักที่วิ่งตรงไปยังตึกดิมีเทอร์ ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้วผู้คนส่วนมากหลับใหลในห้วงนิทราหรือไม่ก็อยู่ตามไนท์คลับต่างๆ รถที่วิ่งอยู่บนถนนน้อยแสนน้อยจนแทบจะนับคันได้ ปาสคาลเร่งเครื่องให้เร็วขึ้นเพื่อที่จะไปถึงเป้าหมายโดยเร็วที่สุด แต่แล้ว...
เอี๊ยด!
วัตถุสีดำเป็นเงาๆวิ่งตัดหน้ารถซุปเปอร์คาร์คันหรู ปาสคาลเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน ล้อรถบดอัดไปกับพื้นถนนจนเป็นรอยเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าด ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านข้างศีรษะเกือบกระแทกกับคอลโซลหน้ารถถ้าไม่ได้เข็มขัดนิรภัยช่วยล็อคตัวเขาเอาไว้ เสียงตุบดังขึ้นเบาๆพร้อมกับวัตถุสีดำที่ทรุดลงไปกองกับพื้น
“เกิดอะไรขึ้น” โลเวลล์หันไปถามเลขาคนสนิทที่ทำหน้าที่สารถี
“ดูเหมือนจะมีคนวิ่งตัดหน้ารถเราน่ะครับ ดึกขนาดนี้จะรีบไปไหนก็ไม่รู้ เดี๋ยวผมจะลงไปดูซักหน่อยนะครับ”
ให้ตายสิวะ! จะถึงอยู่แล้วทำไมต้องมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วยนะ
ปาสคาลเปิดประตูลงจากรถเพื่อไปดูอาการของเจ้าวัตถุสีดำที่เขาเกือบจะขับชนไปเมื่อตะกี้นี้ แสงไฟจากหน้ารถส่องให้เห็นร่างน้อยบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่ง เธออยู่ในชุดเสื้อยืดแขนยาวกับกางเกงยีนส์
“คุณ! นี่คุณ เป็นอะไรรึเปล่า” ปาสคาลเขย่าตัวหญิงสาวที่นอนกอดตัวเองกลมดิ๊กอยู่บนพื้นถนน เธอเอามือกุมศีรษะคล้ายกับหวาดกลัวอะไรบางอย่าง เขาเขย่าตัวหล่อนหลายครั้งแต่หล่อนก็ไม่ยอมลุกขึ้นมาซักทีเอาแต่พึมพำอะไรซักอย่างเป็นภาษาที่เขาฟังไม่ออก ปาสคาลพยายามร้องเรียกหญิงสาวอยู่นานจนโลเวลล์ที่นั่งรออยู่เกิดความสงสัยจึงลงจากรถมาดูด้วยเช่นกัน
“เธอเป็นอะไรมากไหมปาสคาล” โลเวลล์ก้มลงมองร่างน้อยที่นอนกองอยู่บนพื้นถนน
“ผมดูคร่าวๆแล้วเธอไม่น่าจะบาดเจ็บตรงไหนนะครับ แต่ว่าไม่รู้ทำไมหล่อนถึงไม่ยอมลุกขึ้นมาซักทีเอาแต่พึมพำอะไรก็ไม่รู้” ปาสคาลเหลือกตามองหญิงสาวอย่างหงุดหงิด เขาคงจะถึงตึกดิมีเทอร์ตั้งนานแล้วถ้าไม่มาเสียเวลาอยู่ตรงนี้
“เธออาจจะเจ็บตรงไหนก็ได้เลยทำให้ลุกไม่ขึ้น” โลเวลล์ทรุดตัวลงนั่งยองๆแล้วจับบริเวณข้อเท้าของหญิงสาวเพื่อดูว่าพลิกหรือแพลงตรงไหนหรือไม่อย่างเบามือ
“ผมว่าไม่น่าจะใช่นะครับ เพราะผมมั่นใจว่าผมเบรกรถได้ทันก่อนที่จะชนเธอ” ปาสคาลตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“ถ้านายพูดอย่างนั้นก็คงจะจริง” โลเวลล์มั่นใจในฝีมือการขับรถของปาสคาลมากเพราะในช่วงวันหยุดพักผ่อนเขามักจะไปแข่งรถกันที่สนามแข่งกับเลขาคู่ใจของเขาเสมอจึงทำให้โลเวลล์รู้ว่าฝีมือการขับรถของปาสคาลนั้นไม่เป็นสองรองใครเลยทีเดียวหรือจะเรียกว่ามือโปรก็ได้
“ไม่เอา... อะ ออกไป อย่า... อย่าเข้ามา” เสียงพึมพำดังออกมาจากริมฝีปากบางที่ถูกเม้มจนซีดสนิท ตัวของหญิงสาวนั้นสั่นเทาจนโลเวลล์รู้สึกได้ เขาได้ยินเสียงพึมพำของหล่อนแต่ก็ไม่เข้าใจว่าหล่อนจะสื่อสารอะไรกับเขาเพราะมันเบาเกินไป
“เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ” ชายหนุ่มก้มตัวลงตั้งใจฟังว่าหล่อนจะพูดอะไร
“อย่า... อย่า... ถอยไป ถอยออกไป! ” น้ำเสียงสั่นเครือค่อยๆดังขึ้นกว่าเก่า น้ำตาเม็ดโตไหลหยดออกมาจากดวงตาคู่สวย โลเวลล์ขมวดคิ้วเพราะฟังภาษาที่เธอพูดไม่ออกแต่ดูจากลักษณะท่าทางของหล่อนแล้ว หล่อนคงจะต้องไปเจอกับเหตุการณ์อะไรร้ายแรงมาแน่นอน
“แม่จ๋า แม่จ๋า... พันกลัว ช่วยพันด้วยแม่จ๋า” หญิงสาวร้องไห้หนักขึ้น โลเวลล์ได้แต่ลูบแผ่นหลังของหล่อนเงียบๆเพื่อเป็นการปลอบขวัญ ถึงแม้เขาจะคอยดูแลเทคแคร์ผู้หญิงมามากแต่เหตุการณ์แบบนี้เขายังไม่เคยเจอมาก่อน เมื่อหญิงสาวรับรู้ได้ถึงสัมผัสที่อ่อนโยนคล้ายคลึงกับมารดา หล่อนก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นแล้วโผเข้ากอดคนตรงหน้าทันที โลเวลล์เซล้มอย่างเสียหลัก เนื่องจากเขาเป็นบุรุษจึงทำให้ฤทธิ์ยาที่ถูกความหวาดกลัวกดทับเอาไว้พุ่งสูงขึ้นมาอีกครั้ง
“แฮก แฮก แฮก” ทันทีที่ฤทธิ์ยากำเริบ หล่อนก็หอบหายใจถี่กระชันขึ้น กอดล็อคคอเขาไว้แน่น เล็บยาวสวยที่ไม่ได้ตกแต่งแต้มสีสันใดๆจิกเข้ากับบ่าของชายหนุ่มโดยแรง
“เจ้านายครับ ดูเหมือนว่าหล่อนคงจะโดนวางยาปลุกเซ็กส์มา” ปาสคาลที่สังเกตอยู่นานก็สรุปขึ้น
“ยาปลุกเซ็กส์!?”
“ครับ เธอคงจะไปเที่ยวไนท์คลับที่ไหนซักแห่งกับเพื่อนๆ แต่ดันถูกเพื่อนของเธอวางยาปลุกเซ็กส์เข้าซะก่อน ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่หล่อนหนีออกมาได้” ดูจากอาการแล้วคงจะโดนขนานแรงไม่น้อย
“นายรู้ได้ยังไงว่าเธอถูกเพื่อนของเธอวางยา” โลเวลล์พยายามแกะมือที่เหนียวติดหนึบยิ่งกว่าตังเมออก
“นั่นเป็นการคาดเดาของผมเท่านั้น แต่ดูอาการของเธอผมมั่นใจว่าเธอจะต้องโดนยาปลุกเซ็กส์อย่างแน่นอน เจ้านายลองสังเกตเธอดีๆสิครับ”
โลเวลล์เอียงคอหันมามองใบหน้าหญิงสาวให้ชัดๆ ใบหน้าของหล่อนแดงกล่ำคล้ายลูกตำลึงสุก เธอหอบหายใจถี่กระชัน ตัวร้อนผ่าว ดวงตาคู่สวยหวานฉ่ำ โลเวลล์ลองเอามือลูบไล้สัมผัสไปทั่วร่างกายของหล่อน หญิงสาวกระตุกไหวเพราะไวต่อการสัมผัส ริมฝีปากบางที่ถูกเม้มจนซีดประกบแนบชิดกับริมฝีปากเขาพร้อมกับจูบอย่างเร่าร้อนทว่าเงอะงะ
“เธอคงจะโดนยาปลุกเซ็กส์เหมือนอย่างที่นายว่าจริงๆ” โลเวลล์กระชับตัวหญิงสาวให้อยู่ในอ้อมกอดแล้วอุ้มตัวหล่อนขึ้น “นายไปสตาร์ทรถไว้ฉันจะพาเธอกลับไปที่เพนท์เฮ้าส์ด้วย”
“หา! เจ้านายเอาจริงเหรอครับ” ปาสคาลอุทานอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“ก็เอาจริงน่ะสิ หรือว่าจะให้ทิ้งเธอนอนอยู่กลางถนนแบบนี้ ไปสตาร์ทรถเร็วเข้า” โลเวลล์เข้าไปนั่งประจำที่ทั้งๆที่มีแม่ปลาหมึกสาวเกาะเกี่ยวเขาอยู่ ซุปเปอร์คาร์คันหรูที่มีที่นั่งสำหรับแค่สองคนเท่านั้น ถือว่าคับแคบมากถ้าเข้าไปนั่งกันถึงสามคนแต่โลเวลล์ไม่รู้สึกเช่นนั้น เขากลับรู้สึกเหมือนกับในฤดูหนาวที่เขาใส่เสื้อโค้ทตัวหนาก็เท่านั้น นั่นอาจเป็นเพราะขนาดตัวของหญิงสาวที่ทั้งเล็กทั้งบอบบางนั่นเอง
ปาสคาลรีบเร่งเครื่องยนต์เพื่อกลับไปยังตึกดิมีเทอร์ให้ได้ไวที่สุด ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีก็มาถึงที่หมาย โลเวลล์เปิดประตูรถแล้วใช้ลิฟต์แก้วสำหรับผู้บริหารขึ้นไปยังเพนท์เฮ้าส์ชั้นบนสุดทันที
“อดทนหน่อยนะครับ” ระหว่างที่รอลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นสูงสุด โลเวลล์ก็คอยพูดปลอบหญิงสาวที่กอดเขาไม่ยอมปล่อย หญิงสาวเผยรอยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือมาลูบคางที่คมเป็นสันของเบาอย่างลืมตัว เอ่ยปากถามเขาอย่างล่องลอย
“คุณ... เป็นใครกันคะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงเบาคล้ายกับคนละเมอ พลางลูบไล้คาง จมูกลามลงไปถึงแผ่นอกด้านล่าง
“คุณหมายถึงผมงั้นเหรอ” โลเวลล์เลิกคิ้วถามกลับ
“ฉัน... ไม่คุ้นหน้าคุณเลย” ” หล่อนขมวดคิ้วพยายามนึกหน้าชายหนุ่มให้ออก แต่นึกยังไงหล่อนก็นึกไม่ออกอยู่ดีว่าเขาเป็นใคร
“มันก็แน่ล่ะสิครับเพราะผมกับคุณเพิ่งจะเคยเจอกันเมื่อกี้นี้เอง เพราะจู่ๆคุณก็วิ่งเข้ามาตัดหน้ารถผมจนเลขาของผมเกือบขับรถชนคุณตาย”
“ขอโทษนะคะ พอดีว่าฉัน... อ๊ะ!” เมื่อได้กลิ่นของบุรุษเพศ อารมณ์วาบหวามก็พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที หญิงสาวบิดกายอย่างทรมานแล้วใช้เล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือหวังว่าความเจ็บปวดนี้จะบรรเทาอาการร้อนรุ่มในตัวของเธอได้
“คุณช่วยฉันด้วย” เธอหอบหายใจถี่แล้วใช้เรียวแขนบางโอบรอบคอ จุมพิตไปทั่วใบหน้าเขา
พระเจ้า! ใบหน้าร้อนรุ่มของเธอมันช่างดูเซ็กซี่ยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น
“อดทนอีกนิดนะครับที่รัก ผมว่าถ้าคุณได้น้ำเย็นมาราดตัวซักหน่อยอาจจะทำให้อาการของคุณดีขึ้น” นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกผู้หญิงว่าที่รัก และดูเหมือนว่าเขาเองก็ไม่รู้ตัวเลยซักนิดว่าพูดอะไรออกไป
“ฉัน... ฉัน... ได้โปรด ฉันอยากได้คุณ” มือบางของเธอเริ่มซุกซน สอดเข้าไปภายใต้เสื้อสูทของเขา ลูบไล้แผ่นอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อโดยตรงทำให้โลเวลล์แทบคลั่ง “สุดหล่อขา ขอฉันนะคะ”
โอ้ว สวรรค์! ทำไมเพียงแค่สัมผัสที่แผ่วเบาของหล่อนถึงปลุกอารมณ์ของเขาได้รุนแรงถึงเพียงนี้นะ
โลเวลล์กัดฟัน ข่มกลั้นอารมณ์ดิบเถื่อนที่ใกล้จะปะทุออกมา เขาอยากจะสนองให้เธอเดี๋ยวนี้แต่ก็ทำไม่ได้ ที่หล่อนเป็นแบบนี้ก็เพราะยานรกนั่น เขาจะไม่ร่วมรักกับใครโดยที่พวกหล่อนไม่สมัครใจโดยเด็ดขาด
“อยู่นิ่งๆสิคุณ” โลเวลล์ดึงมือซุกซนของเธอออก อดทนกับความปวดร้าวที่แทบจะปริแตกออกมา
“ไม่!” หล่อนตะโกนแล้วดึงทึ้งเสื้อผ้าของเขา “ฉันไม่ไหวแล้ว”
“โอ้ว... อย่า...” เปรียบเสมือนฝางเส้นสุดท้ายที่ขาดผึง โลเวลล์ประทับจูบริมฝีปากน้อยอย่างร้อนแรงและดุดันยิ่งขึ้นเมื่อเธอตอบสนองเขา
“อ่า...” เธอคลางเสียงหวานเมื่อเขาถอนริมฝีปากออก “ขอฉันอีกสิคะ”
หญิงสาวยื่นหน้าเข้ามาใกล้หมายจะให้เขาจูบอีกครั้ง โลเวลล์รีบเบือนหน้าหนีทันที รับรองได้ว่าถ้าเขาได้จูบกับหล่อนอีกรอบเสื้อผ้าที่ติดกายหล่อนอยู่คงไม่เหลือแน่
-------------------------------------------------------------------------------------------
รักนักอ่านทุกท่านคะ