ตอนที่24 : ชัดเจน
"ธัน! สายป่านี้ทำไมยังไม่ตื่นอะ...." หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาในห้องเพื่อเตรียมจะต่อว่าลูกชาย แต่เธอถึงกับพูดต่อไม่ออกเมื่อเห็นภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ภาพที่ลูกชายตัวดีของเธอยังคงนอนหลับอย่างสบายใจเฉิ่มอยู่บนเตียง แถมในวงแขนกว้างยังมีใครบางคนซุกอยู่ในอกด้วย แต่เธอมองไม่เห็นหน้าเพราะเจ้าตัวหันหน้าไปอีกทาง
"ว่าไงคุณ เจ้าธันยังไม่ตื่นอีกเหรอ?" โตมรเดินตามภรรยาเข้ามาในห้อง แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็นเหมือนกับภรรยาเช่นกัน สองผัวเมียช็อคไปชั่วขณะ ทั้งคู่ตาโตอ้าปากค้างที่เห็นลูกชายนอนกอดกับใครบางคน ถ้าเป็นผู้หญิงพวกเขาจะไม่ตกใจอะไรเลย เพราะรู้ดีว่าลูกชายตัวเองนั้นเป็นเสือผู้หญิง แต่ที่ต้องตกใจขนาดนี้เพราะคนที่ลูกนอนกอดดันเป็นผู้ชายน่ะสิ
"ธัน! ตื่น! ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ตื่น!" แต่แล้วคุณหญิงนรินทร์ทิพย์ก็เป็นฝ่ายได้สติก่อน เธอตวาดเสียงดังลั่นพร้อมกับเดินเข้าไปกระชากผ้าห่มออกทันที เผยให้เห็นร่างของสองหนุ่มที่กอดรัดกันแน่นจนเธอต้องช็อคหนักมากกว่าเดิม ร่วมถึงสามีที่ยืนดูอยู่ข้างหลังด้วย
"อือ...เสียงดังอะไรเนี่ย คนจะหลับจะนอน" ธันวาบ่นงึมงำออกมาเบาๆ แต่ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะตื่น เขาไม่สนใจเสียงของผู้เป็นแม่เลยด้วยซ้ำ แต่กลับใช้เท้าเกี่ยวผ้าห่มขึ้นมาแล้วห่มกลับไปเหมือนเดิม จากนั้นก็สวมกอดร่างโปร่งแล้วนอนต่อโดยไม่สนใจอะไรอีก ทำให้สองสามีภรรยาถึงกับปรี๊ดแตกที่เห็นท่าทีไม่สนโลกของลูกชาย
"ธัน!! แกตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ! ตื่น!!" คราวนี้เป็นพ่อที่เดินเข้าไปกระชากผ้าห่มบ้าง ท่านตวาดเสียงดังพร้อมกับเข้าไปเขย่าแขนให้ลูกชายตื่น แต่เจ้าตัวกลับสะบัดแขนทิ้งแล้วนอนต่อเหมือนเดิม จนสุดท้ายกลายเป็นคนในอ้อมกอดที่ได้ยินเสียงโวยวายแล้วลืมตาตื่นขึ้นมาแทน
หมอหนุ่มเบิกตากว้างด้วยความตกใจที่เห็นพ่อกับแม่ของธันวา จึงลุกพรวดขึ้นจากที่นอนอย่างอัตโนมัติจนหลุดออกจากอ้อมแขนแกร่งที่กอดรัดเขาแน่น ทำให้พ่อกับแม่ของธันวาช็อคแล้วช็อคอีกเมื่อได้เห็นโฉมหน้าของผู้ชายที่ลูกนอนกอดแบบชัดๆ
"คุณหมอ!!" สองสามีภรรยาตะโกนออกมาพร้อมกันพลางใช้สายตาจ้องมองใบหน้าหวานที่ดูตกใจอย่างไม่เชื่อสายตา
"คะ...ครับ ผมเอง" หมอหนุ่มตอบรับน้ำเสียงตะกุกตะกัก พลางก้มหน้างุดเพราะไม่กล้าสบตากับท่านทั้งสอง
"คุณหมอมาอยู่ที่นี่ได้ไงคะ แล้วทำไมถึง..." คุณหญิงนรินทร์ทิพย์หยุดคำถามไว้แค่นั้น แล้วใช้สายตามองคนตรงหน้าด้วยความสงสัย เธอจำได้ว่าหมอไป๋กับลูกชายของเธอไม่ค่อยถูกกัน จึงทำให้เธอแปลกใจไม่น้อยที่เห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันแบบนี้ แล้วไหนจะเมื่อกี้ที่ทั้งคู่นอนกันกลมอีก
"เอ่อ...คือ...คือผม" หมอหนุ่มอึกอักเพราะไม่รู้จะตอบยังไงดี ใจก็เต้นตึกตักกลัวพวกท่านจะสงสัยสัมพันธ์ของตัวเอง จึงใช้มือสวยสะกิดร่างสูงเพื่อให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาช่วยอธิบายแทน
"อือ...มึงจะรีบตื่นไปไหนเนี่ยไป๋ ยังเช้าอยู่เลยนะ" คนโดนสะกิดว่าออกมาเบาๆ ก่อนจะหาวและค่อยๆงัวเงียลุกขึ้นจากที่นอน พลางยกแขนแกร่งขึ้นเพื่อบิดขี้เกียจไปมาอย่างเคยตัว โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาสองคู่จ้องมองเขาอย่างเอาเรื่องอยู่
"เช้าบ้าเช้าบออะไรล่ะ! นี่มันจะบ่ายโมงแล้ว!!" คุณหญิงนรินทร์ที่เอ่ยออกมาด้วยความหงุดหงิด เธอทำหน้าบึ้งแล้วจ้องมองลูกชายอย่างเอือมระอา ส่วนผู้เป็นพ่อก็ยืนอยู่เงียบๆให้ภรรยาจัดการกับลูกชายไป
ธันวาเบิกตากว้างทันทีที่ได้ยินเสียงผู้เป็นแม่ ก่อนจะหันขวับไปมองทางต้นเสียงเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้หูฝาดไป
"แม่!! พ่อ!!" เขาอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อได้เห็นหน้าบุพการีชัดๆ อาการงัวเงียก่อนหน้านี้ได้หายเป็นปลิดทิ้ง ส่วนหมอหนุ่มก็ได้แต่นั่งเงียบไม่กล้าพูดอะไรออกมา เพราะเขาไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะทำยังไงต่อ ใจจริงอยากเดินออกไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด แต่มันจะดูเสียมารยาทจึงทำได้แค่นั่งนิ่งอยู่ที่เดิมแบบนี้
"ไง ตื่นได้แล้วเหรอห้ะไอ้คุณชาย ไหนแกลองอธิบายมาสิ้ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมคุณหมอถึงมาอยู่กับแกที่นี่ แล้วทำไมถึงได้นอนกอดกันแน่นขนาดนั้น" คุณหญิงรัวคำถามออกมาเป็นชุด พลางใช้สายตาเฉี่ยวคมจ้องมองลูกชายกับหมอหนุ่มสลับกันไปมาด้วยความสงสัย ซึ่งผู้เป็นพ่อเองก็ลอบสังเกตอาการของทั้งคู่อยู่เหมือนกัน
"ออ เรื่องนั้น..."
"อะ...เอ่อคืออย่างี้ครับคุณน้า เมื่อคืนผมเมามากไอ้ธันเลยอาสาจะพากลับไปส่งที่บ้าน แต่บ้านผมไกลแล้วมันก็เมาด้วย ผมเลยขอมันนอนที่นี่แทนน่ะครับ" ธันวาทำหน้าระรื่นและกำลังจะตอบ แต่หมอหนุ่มกลับแย่งตอบขึ้นมาซะก่อน เขาพยายามหาเหตุผลต่างๆมาอ้างแล้วส่งสัญญาณให้ธันวาเออออตามด้วย
"จริงเหรอธัน?" คุณหญิงหันไปถามลูกชายอย่างไม่อยากเชื่อ เพราะภาพที่เห็นก่อนหน้านี้ทำให้เธอคิดไปไกลอยู่เหมือนกัน
ธันวาเงียบแล้วครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะหันไปมองใบหน้าหวานเล็กน้อยแล้วตัดสินใจตอบตามความต้องการของตน
"... ไม่จริงครับ! ไป๋โกหก!"
"..." หมอหนุ่มอึ้งเมื่อร่างสูงตอบออกมาแบบนั้น เขาพยายามส่ายหัวไปมาเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะพูดอะไร
"แกหมายความว่าไง"
คุณหญิงเลิกคิ้วถามเมื่อได้ยินแบบนั้น ธันวาจึงตัดสินใจบอกความจริงกับท่านทั้งสองไป เพราะยังไงเขาก็ไม่คิดจะปิดเรื่องนี้กับพวกท่านอยู่แล้ว
"ก็หมายความตามที่แม่คิดนั่นแหละ ผมกับไป๋กำลังคบกันอยู่" ชายหนุ่มตอบออกมาหน้าตาเฉย ทำให้ใบหน้าหวานเบิกตากว้างทันที
"เซี้ย! พูดอะไรของมึงเนี่ย ไม่ใช่นะครับคุณน้าอย่าไปฟังมัน" หมอหนุ่มรีบหันไปปฏิเสธกับผู้ใหญ่ทั้งสอง แต่ท่าทางลนลานของเขากลับยิ่งทำให้ทั้งคู่เชื่อว่าธันวาพูดจริง แล้วไหนจะรอยตรงคอที่พ่อของธันสังเกตเห็นตั้งแต่เขาลุกขึ้นอีก
"หึ ไม่ต้องอายหรอกครับคุณหมอ แค่เห็นรอยที่คอพวกผมก็รู้ทุกอย่างแล้ว" คราวนี้เป็นชายวัยกลางคนที่พูดขึ้นมาบ้าง เขาเดินเข้ามาหาทั้งคู่แล้วมองลูกชายด้วยสายตาหยอกล้อ แต่คนหน้าด้านแบบธันวาไม่มาอายกับเรื่องพวกนี้หรอกนะ เขาออกจะภูมิใจด้วยซ้ำที่ทำให้พ่อแม่รู้ว่าเขากับหมอหนุ่มเป็นอะไรกัน
"คือ...คือผม..." หมอหนุ่มพูดไม่ออกเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาทั้งเขินและอายจนไม่กล้าสู้หน้าพวกท่านแล้ว ในใจก็การด่าธันวาที่ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง
"นี่แกไม่ได้ขื่นใจคุณหมอใช่มั้ยห้ะตาธัน ใช่มั้ย!" คุณหญิงนรินทร์ทิพย์ได้สติจึงหันไปถามลูกชายบ้าง เธอไม่อยากจะเชื่อว่าคุณหมอผู้แสนดีจะมาตกหลุมรักคนปากร้ายอย่างลูกชายเธอได้
"โธ่แม่ เห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย ผมกับไป๋คุยกันมาได้สักพักแล้ว แต่เราแค่ยังไม่ได้เปิดเผยอย่างเป็นทางการแค่นั้นเอง"
"จริงเหรอคะคุณหมอ เจ้าธันมันไม่ได้โกหกใช่มั้ย" เมื่อได้ยินแบบนั้น คุณหญิงถึงกับยิ้มกว้างออกมาทันที เธอหันไปถามหมอหนุ่มด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เพราะคิดไม่ถึงว่าลูกชายตัวดีจะทำให้หมอหนุ่มตกหลุมรักได้ และถ้าทั้งคู่รักกันจริงๆเธอจะไม่ขัดขวางอะไรเลย เพราะเธอรู้สึกถูกชะตากับคุณหมอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอแล้ว อีกฝ่ายทั้งน่ารักและอ่อนโยนจนเธออยากจะได้มาเป็นลูกจริงๆ
"คะ...ครับคุณน้า" หมอหนุ่มตอบมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะทุกคนต่างมองกดดันเขาราวกับรอคำตอบ
"โอ้ย! แม่ดีใจมากเลยค่ะคุณหมอ ต่อไปถ้าเจ้าธันมันทำตัวเหลวไหลคุณหมอโทรมาฟ้องแม่เลยนะคะ เดี๋ยวแม่จะจัดการให้เอง"คุณหญิงนรินทร์ทิพย์เดินไปกุมมือสวยด้วยความดีใจ พร้อมกับบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเอาจริง จนทำให้ธันวาถึงกับเบะปากมองบนกับท่าทางและคำพูดของผู้เป็นแม่
"โห่แม่ นี่แค่วันแรกผมก็กลายเป็นหมาหัวเน่าเลยเหรอ" เขาบอกพลางลอบมองใบหน้าหวานยิ้มๆ คิดไม่ถึงว่าคดีจะพลิกแบบนี้ เพราะตอนแรกเขาคิดว่าแม่จะโวยวายเรื่องที่เขาคบกับหมอหนุ่มซะอีก
"ช่วยไม่ได้ ก็แกอยากทำตัวเหลวแหลกเองทำไมล่ะ" คุณหญิงไหวไหล่แล้วตอบออกมาอย่างไม่แคร์ ก่อนจะเดินไปจูงมือสวยแล้วพาหมอหนุ่มออกไปนอกห้อง ร่างโปร่งพยายามฝืนตัวลุกและเดินตามออกไปช้าๆ เพราะความระบมช่องทางหลังทำให้เขาเจ็บมากพอสมควร แต่ก็ต้องกัดฟันฝืนเพราะไม่อยากให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนรู้
"แม่จะพาเมียผมไปไหนอ่ะ" ร่างสูงตะโกนไล่หลังออกไป ทำให้คนทั้งคู่หันกลับมามองเขาตาเขียวปั๊ด โดยเฉพาะคนหน้าหวานที่จ้องมองเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
"ยังไม่แต่ง! ไม่มีสิทธิ์เรียกเมียค่ะ ไปค่ะคุณหมอ ไปกินข้าวกัน แม่ซื้อของกินมาเยอะแยะเลย" เธอตวาดว่าลูกชายเสียงแข็ง ก่อนจะหันไปบอกหมอหนุ่มด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ทำให้สองพ่อลูกถึงกับส่ายหน้าให้กับความสองมาตรฐานของเธอออกมาพร้อมกัน
'แต่ได้กันแล้วเขาก็เรียกผัวเมียนะแม่' ใจจริงเขาอยากจะตะโกนตอบแม่ไปแบบนั้น แต่พอเห็นสายตาพิฆาตจากคนหน้าหวานจึงทำได้แค่เงียบแล้วปล่อยให้ทั้งคู่เดินออกไปแต่โดยดี เหลือไว้เพียงเขากับพ่อเท่านั้นที่ยังอยู่ในห้อง
"นี่ใช่มั้ย เหตุผลที่แกขอมาบริหารงานที่นี่" ผู้เป็นพ่อเปิดประเด็นถามออกมาอย่างรู้ทัน เมื่อนึกย้อนถึงเหตุการณ์ตอนนั้นที่อยู่ๆลูกชายก็เปลี่ยนใจยอมมาบริหารงานที่กรุงเทพ ซึ่งตอนนั้นเขาเองก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะคิดว่าลูกชายคงเปลี่ยนใจอยากมาบริหารที่นี่จริงๆ จนมาถึงตอนนี้เขาถึงกับบางอ้อเมื่อรู้ความจริงเรื่องของหมอหนุ่ม
"ใช่แล้วครับท่าน เป็นไง? ผมหาลูกสะใภ้ได้ถูกใจใช่มั้ยล่ะ" คนหล่อยักคิ้วตอบออกมาแบบทีเล่นทีจริง จนผู้เป็นพ่อหลุดยิ้มออกมาเมื่อสังเกตเห็นถึงนิสัยที่เปลี่ยนไปของลูกชาย
"แกเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ รู้ตัวมั้ย" น้ำเสียงจริงจังของท่านทำให้ธันวาหุบยิ้มแทบจะทันที เพราะเขารู้ว่าตอนนี้พ่อได้เข้าสู่โหมดจริงจังแล้ว
"รู้สิพ่อ ก็เมื่อก่อนผมไม่สนใจใคร ไม่เคยแคร์ใครหน้าไหนด้วยซ้ำนอกจากคนในครอบครัว ใช้ชีวิตเสเพลไปวันๆ จนกระทั่งผมได้มาเจอไป๋นั่นแหละ ผมรู้สึกอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองขึ้นมาทันที ผมอยากเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อให้เหมาะและเป็นคนที่คู่ควรกับเขา พ่อรู้ปะ ไป๋โคตรมีอิทธิพลกับผมเลยนะเว้ย" ธันวาบอกพร้อมมองสบตากับผู้เป็นพ่อ สายตาคมบ่งบอกชัดเจนถึงรู้สึกที่แสดงออกมา ทำให้ผู้เป็นพ่อรู้สึกภูมิใจไม่น้อยที่ในที่สุดลูกของเขาก็คิดได้ และสิ่งที่เขาดีใจที่สุดคือการที่ลูกได้พบเจอคนดีๆอย่างหมอไป๋
"ฉันดีใจนะที่แกได้เจอคนดีๆแบบนี้ แต่ฉันอยากให้แกลดความเอาแต่ใจของตัวเองลงบ้าง แกรู้ใช่มั้ยว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะทนความเอาแต่ใจของแกได้เหมือนฉันกับแม่แกน่ะ" ผู้เป็นพ่อเดินไปนั่งบนเตียงกับลูก พร้อมกับจับไหล่กว้างให้ลูกชายคิดตามสิ่งที่เขาพูด ซึ่งธันวาก็รับรู้และพยักหน้ารับแต่โดยดี เพราะเขาเองก็รู้ถึงข้อเสียข้อนี้ของตัวเองเหมือนกัน
"ครับพ่อ ผมจะพยายาม" เขาตอบรับเสียงเรียบนิ่ง ทำให้ชายวัยกลางคนเผยรอยยิ้มบางๆออกมา
"ไปล้างหน้าไป เดี๋ยวกินข้าวเสร็จฉันกับแม่จะไปหาเวลแล้ว"
"ครับ" ธันวาตอบรับด้วยรอยยิ้มเมื่อได้ยินแบบนั้น ก่อนจะลุกพรวดจากที่นอนแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป โตมรมองตามหลังและส่ายหัวไปมาให้กับนิสัยเด็กๆของลูกชาย เพราะไม่ว่าลูกจะโตเป็นผู้ใหญ่มากขนาดไหน ก็ยังเป็นเด็กในสายตาเขาเสมอ
เขาลุกจากเตียงแล้วเดินไปหาภรรยากับหมอหนุ่มที่ห้องครัว ทั้งคู่นั่งกินข้าวและพูดคุยกันอย่างอารมณ์ดี หมอหนุ่มดูเขินไม่น้อยที่ภรรยาของเขาเอาอกเอาใจจนออกนอกหน้า ซึ่งเขาเองก็ต้องตอบรับว่ารู้สึกเอ็นดูหมอหนุ่มมากเช่นกัน
เขาไม่ติดขัดอะไรหรอกถ้าทั้งคู่จะคบกัน แต่กลับยินดีด้วยซ้ำที่ลูกได้คบกับคนที่ตัวเองรักและทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น
แล้วไม่นานธันวาก็ตามมาสบทป ทั้งสี่นั่งกินข้าวและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะคุณหญิงนรินทร์ทิพย์ที่แฉวีรกรรมตอนเด็กของลูกชายให้หมอหนุ่มฟังอย่างออกรสออกชาติ จนธันวาถึงกับหน้างอคอหักที่โดนผู้เป็นแม่เผาจนไม่เหลือชิ้นดี
แต่ทุกคนก็ดูจะมีความสุขกันมากที่ได้นั่งพูดคุยกัน คุณหญิงนรินทร์ทิพย์ดูจะเอ็นดูว่าที่ลูกสะใภ้อย่างหมอไป๋จนลูกชายตัวจริงอย่างธันวากลายเป็นหมาหัวเน่าไปเลย แต่เขาก็มีความสุขที่พ่อกับแม่ยอมรับในความรักของเขา เพราะในชีวิตนี้เขาไม่แคร์ใครมาก็ไปกว่าท่านทั้งสองแล้ว (ถ้าไม่รวมเมียอ่ะนะ)
"แม่ไปนะคะลูก อย่าลืมเรื่องที่แม่บอกล่ะ รีบโทรมาฟ้องถ้าเจ้าธันมันนอกลู่นอกทางนะ ได้ยินมั้ย!" หญิงวัยกลางคนหันมากำชับกับหมอหนุ่มด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะหันไปทพตาดุใส่ลูกชายที่ยืนอยู่ข้างหลัง
"ครับคุณน้า" หมอหนุ่มตอบรับยิ้มๆ ก่อนจะหันไปมองร่างสูงที่ยืนหน้างออยู่ข้างหลังตน
"คุณแม่ค่ะ ต่อไปให้เรียกแม่ว่าแม่นะ โอเคมั้ย" เธอพูดทวนให้หมอไป๋เปลี่ยนสรรพนามในการเรียก เพราะคำว่าน้าดูจะห่างเหินกันเกินไป
"ครับ...คะ..คุณแม่" หมอหนุ่มเอ่ยเรียกด้วยสีหน้าขัดเขิน เขาไม่ชินที่ต้องเรียกอีกฝ่ายแบบนี้เลย แต่ก็เลี่ยงไม่ได้เพราะคุณหญิงมองกดดันเขาอยู่
"ดีมาก งั้นแม่ไปแล้วนะ ดูแลกันดีๆล่ะ ไว้แม่จะมาเยี่ยมบ่อยๆนะ" เธอลูบหัวหมอหนุ่มอย่างเอ็นดู ก่อนจะหันไปส่งสายตาให้ลูกชายประมาณว่าดูแลลูกสะใภ้แม่ให้ดีๆล่ะ จากนั้นเธอก็ยิ้มหน้าบานขึ้นรถไป โตมรเองก็หันมายิ้มบางๆให้ทั้งสอง ก่อนขึ้นแล้วรถหรูตามภรรยาไป รถหรูคันดำขับเคลื่อนออกจากบ้านไปช้าๆ โดยมีเจตเป็นคนขับให้เหมือนเดิม
"ปะ เข้าบ้านกันเถอะ" ธันวาบอกแล้วเดินกุมมือสวยกลับเข้าไปในบ้าน โดยที่หมอหนุ่มเองก็ยอมเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปแต่โดยดี จนเดินมาถึงโซพาห้องรับแขก ร่างสูงจึงทิ้งตัวลงแล้วดึงให้ร่างโปร่งนั่งลงมาบนตักที่เขาเอาหมอนมารองไว้
"ทำอะไรของมึงเนี่ย ปล่อย" หมอหนุ่มบ่นแล้วทำท่าจะลุกหนี แต่ร่างสูงก็สวมกอดเขาแน่นจนทำให้เขาลุกหนีไปไหนไม่ได้
"กูดีใจนะที่มึงเข้ากับพ่อแม่กูได้" ธันวาเอ่ยบอกเสียงอ่อนโยนพร้อมกับซบหน้าลงกับแผ่นหลังของหมอหนุ่มอย่างออดอ้อน เขาสูดดมกลิ่นหอมเข้าเต็มปอด เพราะกลิ่นกายเฉพาะตัวของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกดีมากจริงๆ
เมื่อโดนอ้อนแบบนี้มีที่หรือหมอหนุ่มจะไม่ใจอ่อน เขาปล่อยให้ร่างสูงกอดได้ตามใจ แล้วหันไปโอบรอบคอบอกกับอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนไม่แพ้กัน
"ก็พ่อแม่มึงใจดีไง"
"ขอบคุณนะ ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตกู ขอบคุณมากจริงๆ" คนหล่อบอกเสียงหวานพร้อมกับมองสบตาดวงตาหวาน หมอหนุ่มถึงกับใจสั่นเมื่อโดนสายตาคมจ้องมองอย่างไม่วางตา เขาเหมือนโดนสะกดจนไม่สามารถละสายตาจากอีกฝ่ายได้
"อืม...กูก็ขอบคุณมึงเหมือนกันนะ ที่รักคนธรรมดาอย่างกู" หมอหนุ่มตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะใช้มือสวยลูบสัมผัสใบหน้าหล่ออย่างอ่อนโยน จนทั้งคู่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกของกันและกัน
"ถึงมึงจะเป็นคนธรรมดาสำหรับใคร แต่มึงเป็นคนพิเศษสำหรับกูนะ...คบกันนะไป๋ กูอยากให้มึงเป็นของกู กูไม่อยากให้ใครมายุ่งกับมึงอีก คบกับกูนะ" ธันวาตัดสินใจพูดในสิ่งที่เขาอยากพูดมาตั้งนานแล้ว เพื่อให้ความสัมพันธ์พวกเขาชัดเจนสักที คนอื่นจะได้ไม่กล้ามายุ่งกับคนของเขาอีก โดยเฉพาะไอ้คิม...ไอ้สารเลวนั่น
"..." หมอหนุ่มเงียบไม่ได้ตอบอะไรออกมา เขาเหมือนช็อกไปชั่วขณะที่อยู่ๆอีกฝ่ายก็มาขอคบแบบนี้ ทั้งที่ความจริงเขาอยากได้ยินคำๆนี้มาตั้งนานแล้วแท้ๆ แต่พอถูกขอขึ้นมาจริงๆถึงกับไปไม่เป็นซะงั้น
"ว่าไงครับ...คบกับกูได้มั้ย" เมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่เงียบจึงเอ่ยถามขึ้นมาอีกรอบ ทำให้หมอหนุ่มได้สติแล้วรีบก้มหน้างุดทันทีด้วยความเขิน
"อืม" เสียงตอบรับดังขึ้นมาเบาๆเหมือนพูดให้ตัวเองได้ยินคนเดียว แต่ธันวากลับได้ยินชัดเหมือนอีกฝ่ายมาพูดกระซิบบอกที่ข้างหู ใบหน้าหล่อผุดรอยยิ้มกว้างออกมาทันที แต่ก็รู้สึกอยากแกล้งจึงทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเอ่ยถามคนหน้าหวานอีกรอบ
"อะไรนะ กูไม่ได้ยิน"
"ก็บอกว่าอืมไง" คราวนี้ดังขึ้นมาอีกหน่อย แต่ธันวาก็ยังทำเป็นไม่ได้ยินเหมือนเดิม
"อีกทีสิ้ ขอดังๆ"
"โอ้ย! ก็กูบอกว่าคบก็คบงะ...อื้อ" และเมื่ออีกฝ่ายโมโหแล้วเงยหน้าขึ้นเพื่อจะตอบ ธันวาจึงใช้โอกาสนั้นประกบจูบริมฝีปากบางทันที หมอหนุ่มเบิกตากว้างเมื่อโดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว จะขัดขืนก็ขัดขืนไม่ได้เพราะถูกคนเจ้าเล่ห์จับท้ายทอยไว้ ริมฝีปากบางถูกขบเม้มอย่างต่อเนื่อง จนหมอหนุ่มเผลอเผยอปากให้ธันวาส่งลิ้นร้อนเข้ามาในโพรงปากบางอย่างง่ายดาย ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กอย่างช่ำชอง จนในที่สุดหมอหนุ่มก็อ่อนระทวยและจูบตอบอีกฝ่ายอย่างลืมตัว ดวงตาหวานค่อยๆปิดลงช้าๆ ก่อนจะใช้แขนเรียวโอบรอบคออีกฝ่ายไว้ แล้วปล่อยให้ร่างกายตอบสนองไปตามความรู้สึก
"อื้อออ" ทั้งคู่จูบกันอยู่เนิ่นนาน จนเมื่อร่างสูงรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่ติดขัดจึงค่อยๆผละริมฝีปากออกมา
"หวาน มึงหวานมากเลยรู้ตัวมั้ย" ธันวาเอ่ยบอกเสียงแผ่วเบาพร้อมกับจ้องมองใบหน้าหวานด้วยสายตาหวานหยดย้อย ทำให้หมอหนุ่มเขินจนต้องซบหน้าลงกับอกแกร่ง แต่ธันวาก็ทันได้เห็นใบหน้าหวานที่แดงก่ำไปทั้งหน้าและลามไปถึงหูของอีกฝ่ายอยู่ดี
"ไอ้บ้า! มึงมันขี้ฉวยโอกาสที่สุด" ว่าพลางทุบอกแกร่งไม่หยุด เขาทั้งเขินทั้งอายจนอยากจะมุดแผ่นดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด คนอะไรไม่รู้ทำเขาเขินได้ตลอดจริงๆ
"บ้ายังไงก็ผัวมึงนะ ฮาๆๆ" ธันวาหัวเราะร่าแล้วบอกออกมาอย่างชอบใจ ทำให้หมอหนุ่มเขินหนักยิ่งกว่าเดินจนต้องลุกขึ้นหนี แต่ร่างสูงก็เร็วกว่าจึงสามารถคว้าแขนเรียวเอาไว้ได้
"โอ๋ๆๆ ไม่แกล้งแล้วครับไม่แกล้งแล้ว มานั่งนี่มา" บอกเสียงหวานพร้อมกับดึงให้ร่างโปร่งกลับมานั่งบนตักเหมือนเดิม
"มึงแม่ง!" ปากสบถออกมาอย่างงอนๆ แต่ตัวก็ยอมกลับไปนั่งบนตักแกร่งแต่โดยดี ใบหน้าหวานบูดบึ้งจนร่างสูงรู้สึกเอ็นดูไม่น้อย
"เราเป็นแฟนกันแล้วนะ ฟอดดด" เอ่ยบอกยิ้มๆแล้วขโมยหอมแก้มเนียนอย่างเอาแต่ใจ
"ไอ้ธัน! มึงนี่มัน...มัน....โอ้ยยย! กูไม่คุยกับมึงแล้ว" ใจอยากตะโกนด่า แต่พอเจอใบหน้ายิ้มกริ่มก็ด่าไม่ออกซะอย่างงั้น จึงเลือกลุกหนีออกไปจากตรงนั้น เพราะถ้าขืนอยู่ตรงนี้นานกว่านี้ เขาต้องถูกแกล้งไม่จบไม่สิ้นแน่ๆ
"ทำไมน่ารักจังวะ" คนหล่อพึมพำตามร่างโปร่งออกไป ใบหน้าหล่อเผยยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุข วันนี้ถือเป็นวันดีสำหรับเขามากจริงๆ เพราะแค่เขาได้หมอหนุ่มเป็นแฟน และพ่อแม่ยอมรับในความรักของเขา แค่นี้เขาก็ถือว่านิพพานแล้วล่ะ...
To be continued...
มาแล้วค่ะตามสัญญา หวังว่าทุกคนคงจะชอบกันนะคะ 😁😊💗 *ยังไม่ได้แก้คำผิด หรือตรวจสอบค่ะ ว่างๆจะมาแก้ให้นะคะ ช่วงนี้ไม่ว่างจริงๆ ขออภัยในความไม่สะดวกด้วยค่ะ