บทที่ 77 มาตรฐานการเลือกแฟน
เยี่ยหวันหวั่นที่ถูกสารภาพรักต่อหน้าสาธารณชนอย่างกะทันหันไม่ทันได้ตั้งตัว หัวใจตอนนี้คือพังทลายแล้ว
ในสมองมีเพียงคำว่าหมดกัน หมดกัน...
เธอเพิ่งจะเอาชีวิตรอดจากเคราะห์กรรมอันหนักหน่วงมาได้ ใครจะรู้ว่าจะมีเรื่องหลิงตงตามมาติดๆ
ปัญหาอยู่ที่ตรงไหนกันแน่?
หรือว่าเพื่อที่จะแก้แค้นเธอ หลิงตงเลยวางแผนจีบเธอให้ติดแล้วค่อยทิ้งอย่างนั้นเหรอ?
เยี่ยหวันหวั่นตัดความเป็นไปได้นี้ออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะวิธีการนี้เป็นการทำร้ายตัวเองมากกว่าศัตรู หากสมองของหลิงตงไม่ได้มีปัญหา ไม่มีทางที่จะใช้วิธีนี้ทรมานตัวเองเพื่อแก้แค้นเธอ
คงไม่ได้เป็นเพราะเรื่องเมื่อคืนจริงๆ หรอกใช่ไหม?
ถ้าหากไม่ใช่กลอุบาย เธอคิดไปคิดมาก็มีเพียงเหตุผลนี้เท่านั้นแล้ว
เพียงแค่เห็นเธอตอนไม่ได้แต่งหน้าเท่านั้น อีกทั้งยังแค่แวบเดียว เธอก็เลยไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย คิดกระทั่งว่าตอนนั้นหลิงตงกำลังเมา อาจยังไม่ทันเห็นเธอชัดๆ ใครจะรู้ว่าแค่แวบเดียวจะสร้างความเดือดร้อนใหญ่โตขนาดนี้ให้เธอ
ไอ้โลกเฮงซวยที่มองแต่รูปร่างหน้าตาเอ๊ย!
หลิงตงเป็นบุคคลทรงอิทธิพลในโรงเรียน บุคคลทรงอิทธิพลในโรงเรียนเช่นนี้สารภาพรักกับยัยตัวประหลาดแห่งชิงเหออย่างคาดไม่ถึง เรื่องที่มีอานุภาพระเบิดสูงแบบนี้ ไม่ถึงครึ่งวันก็สะพัดไปทั้งโรงเรียนอย่างแน่นอน ไม่ช้าไม่เร็วจะต้องถึงหูของซือเยี่ยหานอย่างแน่นอน
ด้วยนิสัยของซือเยี่ยหาน แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้สิ่งที่เธอทำมาทั้งหมดในช่วงนี้ล้มเหลวไปอย่างสิ้นเชิง...
เยี่ยหวันหวั่นที่เมื่อครู่ยังหลงคิดว่าจะสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขสักสองสามวันรู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากจะพูดอะไร
"หลิงตง ฉันคิดว่านายต้องไปหาจักษุแพทย์สักหน่อยนะ...” เยี่ยหวันหวั่นยกมือขึ้นกุมหน้าผาก เอ่ยขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
คำพูดของเยี่ยหวันหวั่นพูดออกมาได้ตรงใจทุกคน จนพากันพยักหน้าเห็นด้วยอยู่เงียบๆ
แก๊งเพื่อนซี้หลายคนของหลิงตงถึงขั้นที่แอบวิจารณ์อยู่ในใจ แค่ตรวจสายตาจะพอที่ไหน ที่ควรจะไปตรวจมากที่สุดคือสมองต่างหากล่ะ!
หลิงตงย่นหัวคิ้วจ้องหญิงสาวตรงหน้า แล้วเอ่ยชัดๆ ทีละคำ “เยี่ยหวันหวั่น ฉันจริงจังนะ!”
เยี่ยหวันหวั่นย่อมต้องปฏิเสธแน่อยู่แล้ว เธอไม่อาจมีชนักติดหลังใดได้ แต่เธอก็ไม่สามารถพูดออกไปต่อหน้าทุกคน ว่าตัวเองมีแฟนแล้ว การมีความรักในวัยเรียนเป็นการทำผิดกฎของโรงเรียน ถ้าถูกจับได้ก็จะถูกบันทึกเป็นความผิดอีกหนึ่งกระทง เธอไม่เหมือนหลิงตงหรอกนะ ที่มีพ่อเป็นผู้บริหารโรงเรียนก็เลยไม่ต้องเกรงกลัวอะไร
เพราะฉะนั้น เยี่ยหวันหวั่นจึงทำได้แค่พูดว่า “ขอโทษที ไม่ว่านายกำลังล้อฉันเล่น หรือว่าจริงจัง ฉันก็ไม่สนใจนาย!”
สีหน้าของหลิงตงพลันแข็งทื่อ “เพราะอะไร? ทำไมถึงไม่สนใจฉัน?”
เยี่ยหวันหวั่นเห็นหลิงตงยืนรั้นอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางเคร่งเครียดจริงจังผิดไปจากปกติ ราวกับถ้าไม่ได้คำตอบจะไม่ยอมเลิกรา จึงทำได้เพียงพูดว่า “เพราะว่านายไม่มีคุณสมบัติตามมาตรฐานในการเลือกแฟนของฉันน่ะสิ”
“ถ้าอย่างนั้นมาตรฐานในการเลือกแฟนของเธอคืออะไร? ฉันมีตรงไหนที่ดีไม่พอ? เธอพูดมาสิ ฉันจะแก้ไข!” หลิงตงรีบเอ่ยขึ้นทันที
“แม่เจ้า... พี่ตงถูกเล่นของใส่หรือเปล่าเนี่ย...”
“นี่ต้องไม่ใช่พี่ตงของฉันแน่ๆ จะต้องถูกอะไรสักอย่างเข้าสิงแล้วแน่ๆ!”
“แม่มันเถอะ ยัยตัวประหลาดนี่ทำอะไรกับพี่ตงของฉันกันแน่?”
เดิมทีคิดว่าเมื่อหลิงตงได้ยินคำปฏิเสธของเยี่ยหวันหวั่นแล้วจะระเบิดความโกรธ ใครจะไปคิดว่ายังจะพูดจาเกรงอกเกรงใจอย่างนี้อยู่อีก ยังบอกอีกว่าจะเปลี่ยนแปลงเพื่อเธอ แก๊งเพื่อนซี้ทั้งหลายของหลิงตงสับสนไปหมดแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนักเรียนที่กำลังมุงดูอยู่ ทุกคนต่างรู้สึกว่าทัศนคติต่อโลกของตัวเองถูกระเบิดปรมาณูถล่มใส่
เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจ หลิงตงเอ๋ย อย่าโทษฉันเลย นี่เป็นสิ่งที่นายถามเองนะ
ด้วยเหตุนี้ เยี่ยหวันหวั่นจึงเอ่ยขึ้นว่า “มาตรฐานข้องแรกของฉันคือ...อย่างน้อยต้องหล่อกว่าซือเซี่ยร้อยเท่า!”
หลิงตงนิ่งอึ้งอยู่นานถึงจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง “เธอกำลังล้อเล่นอยู่เหรอ?”
ซือเซี่ยที่อยู่ด้านข้างถูกพาดพิงอย่างกะทันหัน “...”
เยี่ยหวันหวั่นทำหน้าเคร่งขรึม “ฉันจริงจัง!”
บทที่ 78 ฉันดูเหมือนคนโสดหรือไง
หลังเลิกเรียน ภายในเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งวัน ข่าวดังระเบิดนี้ก็เผยแพร่ไปทั่วชิงเหอแล้วยังไปถึงโรงเรียนม. ปลายรอบๆ หลายโรงเรียนด้วย
ทุกคนต่างรู้เรื่องที่พี่ใหญ่หลิงตงจากชิงเหอสารภาพรักกับสาวอัปลักษณ์เบอร์หนึ่งของชิงเหอเยี่ยหวั่นหวันแล้วโดนปฏิเสธ แล้วยังรู้ด้วยว่าหญิงอัปลักษณ์ที่สมองพิการพูดอวดขั้นสุดว่ามาตรฐานในการเลือกแฟนตัวเองจะต้องหล่อกว่าซือเซี่ยอีก...
ในหอประชุมเล็กของโรงเรียน
หลิงตงนั่งอยู่ที่นั่งแถวสุดท้ายที่ไกลออกไป มองอย่างเลื่อมใสไปทางเยี่ยหวั่นหวันที่กำลังฝึกซ้อมการแสดงอยู่
โดนเยี่ยหวั่นหวันปฏิเสธต่อหน้าทุกคนอย่างขายหน้าแล้ว เขากลับยังไม่ตัดใจ
ที่นั่งข้างเขาริมหน้าต่างมีซือเซี่ยนั่งอยู่
หลิงตงยื่นบุหรี่ให้
ซือเซี่ยเปิดดวงตาที่เป็นประกายขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน ไม่ได้รับบุหรี่
หลิงตงเห็นเขาไม่รับ ตัวเองเลยจุดบุหรี่ สูดเข้าไปลึก จากนั้นถามด้วยหน้าตาเคร่งเครียด “ซือเซี่ย เยี่ยหวั่นหวันคือผู้หญิงที่ฉันชอบ เป็นพี่น้องกันก็ระวังท่าทีหน่อย ฉากจูบนั่น นายต้องใช้มุมกล้องช่วย ห้ามจูบจริง!
ทันใดนั้นใบหน้าซือเซี่ยดูเหมือนจะแตก “นายคิดมากไปแล้ว”
หลิงตงก็น่าจะรู้สึกว่าตัวเองคิดมากไป ซือเซี่ยมีชื่อเรื่องดูคนที่หน้าตา กับเยี่ยหวั่นหวันที่หน้าตาแบบนั้นเขาไม่มีทางเข้าใกล้แน่นอน ยังไงหน้าตาของเยี่ยหวั่นหวันตอนนี้ถือว่าปลอดภัยมาก
“พี่ตง!”
ตอนนี้ เฉิงเสวี่ยโมโหเดินบึ่งมาตรงหน้าหลิงตง ใบหน้าเล็กสวยนั้นโมโหจนแทบจะบิดเบี้ยว “พี่ตง พี่ทำอะไรอยู่เนี่ย? อย่าบอกฉันนะ ว่าพี่ชอบยัยอัปลักษณ์เยี่ยหวั่นหวันนั่นจริง!”
หลิงตงกรอกตามองเฉิงเสวี่ยที่กระทืบเท้าอย่างโมโหอยู่ “อืม ชอบจริงๆ”
เฉิงเสวี่ยสำลักพูดไม่ออก “พี่บ้าไปแล้วหรือ? ชอบใครไม่ชอบ ไปชอบเยี่ยหวั่นหวัน พี่รู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ทุกคนพูดถึงพี่ว่ายังไง! ทุกคนพูดกันว่าพี่บ๊องไปแล้ว!”
“ก็คิดว่าฉันบ๊องไปก็แล้วกัน!” หลิงตงพ่นควันบุหรี่เป็นรูปวงกลม ทำสีหน้าเหมือนคนอื่นเมามาย ตัวเองเป็นผู้ตื่นรู้อยู่คนเดียว
หลังซ้อมการแสดงเสร็จ
หลิงตงรีบเข้าไปต้อนรับเยี่ยหวั่นหวัน “เธอไม่อยากกินข้าวกับฉันก็ได้ ฉัน... ฉันส่งเธอกลับหอพัก...”
เยี่ยหวั่นหวันขมวดคิ้ว “หลิงตง ก่อนหน้านี้ฉันบอกไปแล้ว...”
หลิงตงรีบขัดเธอ “ฉันรู้ฉันหน้าตาไม่ดีพอ แต่เธอดูแต่หน้าตาอย่างเดียวไม่ได้นะ!”
ได้ฟังคำนี้ เยี่ยหวั่นหวันยิ้มมุมปากขึ้นมาทันที เขาต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์พูดเรื่องรูปร่างหน้าตาที่สุดไม่ใช่หรือ?
“อยู่ๆ คุณก็ชอบฉัน เป็นเพราะเมื่อคืนคุณเห็นที่ฉันไม่ได้แต่งหน้า?” เยี่ยหวั่นหวันถามออกไปตรงๆ
หลิงตงไม่ปฏิเสธ พยักหน้าตอบ “อืม”
เยี่ยหวั่นหวันเลิกคิ้ว “ดังนั้นหมายความว่า คุณแค่ชอบหน้าตาของฉันเท่านั้น?”
หลิงตงเม้มปาก “ฉันยอมรับว่าฉันชอบหน้าตาเธอ เธอ... เธอสวยจริงๆ ... แต่หญิงงามที่เพียบพร้อมนั้นเหมาะสมกับชายหนุ่มที่ดี ฉันไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องผิดอะไรที่ชอบเพราะเธอสวย!”
ความตรงไปตรงมาของหลิงตงนั้น ทำให้เยี่ยหวั่นหวันไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เลยได้แต่พูดว่า ที่จริง ฉันมีแฟนอยู่แล้ว”
“เธอว่าไงนะ?” ได้ยินประโยคนี้ หลิงตงเปลี่ยนสีหน้าทันที หลังจากนั้นครู่ใหญ่ก็ดูเย็นชาขึ้นมา “เธอไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้มาปฏิเสธฉัน”
เยี่ยหวั่นหวันทำหน้าช่วยไม่ได้ “ฉันดูเหมือนคนโสดมากหรือ?”
หลิงตงขมวดคิ้ว “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพียงแต่...”
โทษเขาไม่ได้ที่ไม่เชื่อ เพราะที่ผ่านมาเยี่ยหวั่นหวันใช้ใบหน้าอัปลักษณ์แสดงให้คนเห็นมาตลอด จะมีแฟนได้ยังไง?
“แฟนเธอตรงตามมาตรฐานที่เธอตั้งไว้?” หลิงตงเปลี่ยนมาถามกลับ
เยี่ยหวั่นหวันพยักหน้าทันที “ตรง”
พอเยี่ยหวั่นหวันพูดแบบนี้ หลิงตงหน้าบึ้งขึ้นมาทันที อีกทั้งยังมั่นใจว่าเธอกำลังหลอกตัวเองอยู่ “เยี่ยหวั่นหวัน เธอไม่ต้องหาข้ออ้างหลอกฉันแล้ว เธอมีสิทธิ์ปฏิเสธฉัน ฉันก็มีสิทธิ์ตามจีบเธอเหมือนกัน ฉันจะไม่ยอมแพ้!”
เยี่ยหวั่นหวันถอนหายใจ “แล้วทำยังไงคุณถึงจะเชื่อว่าที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริง?”
ทำไมแต่ละคนได้ยินว่าเธอมีแฟนถึงไม่มีใครเชื่อเลยนะ? ดูคนที่หน้าตาเกินไปแล้วนะ! ไม่เชื่อว่าจะมีคนที่มีรสนิยมเป็นเอกลักษณ์มาชอบผู้หญิงแบบเธอหรือ?
หลิงตงมองเยี่ยหวั่นหวัน ครุ่นคิดแล้วพูดขึ้นมา “นอกจากว่าฉันจะเห็นเขาด้วยตาตัวเอง”
เห็นด้วยตา?
พาซือเย่หายมาเจอคนที่ชอบเธอ คนที่กำลังจีบเธออยู่ เธอไม่อยากอายุยืน อยากจะตายหรือไง?
เฮ้อ... ไม่ได้...
พาแฟนไปเจอหลิงตง ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้...
เยี่ยหวั่นหวันไตร่ตรองอยู่นานมาก ในที่สุดก็ลองหยั่งเชิงมองไปทางหลิงตงแล้วพูดขึ้นมา “คุณแน่ใจว่าเจอเขาแล้วคุณจะตัดใจ?”
หลิงตงไม่ตกหลุมพรางเธอ พูดตอบอย่างระมัดระวัง “แน่นอน ถ้าเขาหล่ออย่างที่เธอว่าจริง หล่อกว่าซือเซี่ยเป็นร้อยเท่า”
เอางั้นก็ได้ ดูสิว่าอยากจะไปลากใครมาออกหน้าก็ทำไม่ได้ เธอจะไปหาผู้ชายที่หล่อกว่าซือเซี่ยเป็นร้อยเท่ามาจากไหน...
“ได้สิ คุณให้ฉันคิดก่อน คือว่า แฟนฉันเขายุ่งมาก ถ้าฉันนัดเวลาได้แล้วจะไปบอกคุณ” เยี่ยหวั่นหวันพูด
หลิงตงยังคิดว่าเธอแกล้งอยู่ ไม่ได้สนใจเลย “ได้”