บทที่ 35 ตัดมือ!
ตอนนี้เวลานี้ ชายหนุ่มข้างกายเยี่ยหวันหวั่นกำลังปรายตามองใบหน้าที่ทำให้เขาฝันร้ายติดต่อกันมาหลายวัน แววในนัยน์ตาแทบเหมือนกับชีวิตนี้หมดสิ้นแล้ว
ถ้ารู้แต่แรก ให้เขาสอบได้ที่โหล่ก็ยังดีกว่าได้ที่สองนี่
เยี่ยหวันหวั่นมองหลานชายตัวเองที่อยู่ข้างกายด้วยความเห็นใจ “หนุ่มน้อย หักจิตหักใจบ้างนะ หนทางของชีวิตยังอีกยาว ความพ่ายแพ้เล็กๆ น้อยๆ นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
ซือเซี่ยสูดหายใจเข้าลึก พยายามฝืนข่มอารมณ์ที่ใกล้ระเบิดเต็มที “หุบปาก!”
ในที่สุดเยี่ยหวันหวั่นก็หยุดโจมตีบางคน ฟุบตัวบนโต๊ะเริ่มนอนชดเชยต่อ ก่อนหน้านี้ใช้พลังงานมากเกินไป เธอยังชดเชยการนอนไม่ครบ
รอหลังจากทุกคนปรับเปลี่ยนที่นั่งกันเรียบร้อยแล้ว เหลียงลี่หวาพูดขึ้นว่า “การสอบจบลงแล้ว ต่อไปยังมีเรื่องที่สำคัญมากอีกเรื่องหนึ่ง เชื่อว่าทุกคนคงรู้ โรงเรียนได้จัดงานแสดงศิลปะวัฒนธรรมขึ้น เพื่อต้อนรับการตรวจสอบจากฝ่ายบริหารโรงเรียนครั้งนี้ และให้ทุกห้องจัดการแสดงคนละหนึ่งรายการ”
จากการประชุมห้องครั้งก่อน ทุกคนตัดสินว่าการแสดงของห้องเราจะเป็นละครเวทีเรื่อง “เจ้าหญิงสโนว์ไวท์” เจ้าชายกำหนดให้เป็นซือเซี่ยแล้ว แต่ว่า สโนว์ไวท์บทนางเอกยังไม่ได้กำหนดเสียที”
ได้ยินเหลียงลี่หวาพูดถึงงานแสดงศิลปะวัฒนธรรมขึ้นมา ดวงตาของทุกคนพลันเป็นประกาย โดยเฉพาะบรรดาผู้หญิงในห้อง
พูดได้ว่าเพื่องานแสดงศิลปะวัฒนธรรมครั้งนี้ เป็นเหตุให้เด็กสาวในห้องตบตีกันอยู่พักหนึ่งเลยทีเดียว
เหตุผลที่บทนางเอกยังไม่กำหนดตัวเสียทีก็เพราะเด็กสาวหลายคนตบตีกันรุนแรงเกินไป
ครอบครัวของนักเรียนในห้องจำนวนไม่น้อยล้วนมีแบคกราวน์ คดโกงกันอย่างมืดฟ้ามัวดิน[1] ลักลอบขายเสียง ข่มขู่เพื่อนนักเรียนให้โหวตให้ตัวเอง ถึงกระทั่งเกือบจะยกพวกตบกันในโรงเรียน ทำเอาเหลียงลี่หวาปวดหัวอย่างที่สุด เพราะเหตุนี้ถึงได้เลื่อนการคัดเลือกตัวนางเอกมาจนถึงหลังการสอบ
เธอคิดไปคิดมา ไม่สู้จับฉลากไปเลยให้จบๆ ไป ใครก็ไม่ต้องแย่งกันอีกแล้ว
ด้วยเหตุนี้ เหลียงลี่หวาจึงเอ่ยปากพูดต่อไปว่า “เพื่อความยุติธรรม และเพื่อให้นักเรียนทุกคนมีโอกาสเข้าร่วม อาจารย์ขอตัดสินว่า บทนางเอกนี้ ให้ตัดสินโดยการจับฉลาก! สำหรับผลการจับฉลาก ไม่อนุญาตให้ใครมีข้อขัดแย้งทั้งนั้น!”
“อาจารย์คะ หนูไม่ขัดข้องค่ะ”
“หนูก็ไม่ขัดข้อง จับฉลากเถอะค่ะ”
สำหรับการตัดสินใจของเหลียงลี่หวา นักเรียนทั้งหลายกลับเห็นด้วยเป็นเสียงเดียวกัน
เดิมทีโอกาสทั้งหมดอยู่ในมือของผู้หญิงไม่กี่คนนั้น ตอนนี้มีโอกาสเท่ากัน ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกันแล้ว คนส่วนใหญ่ย่อมเห็นด้วย
มีเพียงเด็กสาวไม่กี่คนที่เดิมทีมีโอกาสค่อนข้างสูงถลึงตาอย่างไม่ยินยอม โดยเฉพาะ เฉิงเสวี่ย ดาวห้องที่มักจะถูกนักเรียนทั้งหลายเย้าแหย่จับคู่กับซือเซี่ย
เหลียงลี่หวาเห็นเช่นนี้จึงโล่งอก ให้หัวหน้าห้องเขียนชื่อนักเรียนหญิงทุกคนในห้องบนกระดาษเล็กๆ จากนั้นใส่ลงไปในกล่องเล็กๆ กล่องหนึ่ง
“สิทธินี้ ก็ให้นักเรียนซือเซี่ยมาจับละกัน!” เหลียงลี่หวาพูดขึ้น
ไม่อย่างนั้นหากเป็นคนอื่นจับขึ้นมา ถึงเวลาคงยากที่จะเลี่ยงการไม่ยอมรับต่างๆ นาๆ ของเด็กสาวเหล่านั้น
เด็กสาวทุกคนได้ฟังต่างก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว
โอ้โห! เทพบุตรจับฉลากเองเลยนะ!
นี่ถ้าถูกจับชื่อขึ้นมา...ชาติก่อนคงจะทำบุญขนานใหญ่ไว้อย่างแน่นอน!
หัวหน้าห้องอุ้มกล่องเดินไป “ซือเซี่ย”
ตอนนี้ซือเซี่ยกำลังอารมณ์ไม่ดี ไหนเลยจะมีอารมณ์ร่วม ภายใต้สายตารอคอยจำนวนไม่ถ้วน เขายื่นมือออกไปจับกระดาษแผ่นหนึ่งในกล่องอย่างขอไปทีด้วยความรำคาญ แล้วโยนไปให้หัวหน้าห้องโดยไม่แม้แต่จะมอง
หัวหน้าห้องรับกระดาษแผ่นนั้น เกือบจะถูกสายตาของสาวๆ ทั้งหลายทิ่มแทงจนทะลุ
“อะแฮ่ม ผู้ที่ซือเซี่ยจับได้คือ...” หัวหน้าห้องพูดพลางกางกระดาษแผ่นน้อยนั้นออกอย่างระมัดระวัง
กำลังที่จะอ่านชื่อ จากนั้นวินาทีถัดมา...
ทั้งตัวของหัวหน้าห้องกลับเหมือนถูกฟ่าผ่า ตาโตอ้าปากค้างจ้องกระดาษอยู่ตรงนั้น
ซือเซี่ยสังเกตได้ถึงอาการผิดปกติของหัวหน้าห้อง จึงขมวดคิ้วมองไปทางเขา
ท่าทางของหัวหน้าห้อง ทำให้เขาเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง...
ตอนนี้เวลานี้ หัวหน้าห้องแทบไม่กล้าสบตากับซือเซี่ยตรงๆ และยิ่งไม่กล้าไปมองท่าทางของเด็กสาวพวกนั้น จนกระทั่งถูกทุกคนเร่งเร้า ถึงได้กลืนน้ำลาย อ่านอย่างติดๆ ขัดๆ “ผู้...ผู้ที่ถูกจับได้คือ...เยี่ย...เยี่ยหวันหวั่น...”
“นายพูดว่าอะไรนะ?” ชายหนุ่มคว้ากระดาษในมือของหัวหน้าห้องมาดู
เห็นตัวอักษรสามคำบนกระดาษเขียนว่า “เยี่ยหวันหวั่น” อย่างชัดเจน!
เยี่ยหวันหวั่นถูกเสียงหนวกหูข้างกายรบกวนจนตื่นขึ้น เช็ดน้ำลายที่มุมปาก ลืมตาขึ้นมาอย่างมึนงง มองไปที่เพื่อนร่วมโต๊ะ “เป็นอะไรไป...”
ซือเซี่ยมองใบหน้าที่น่าตกใจของหญิงสาว ผมเผ้าราวกับผีซาดาโกะ ท่าทางสะลึมสะลือนอนน้ำลายไหลย้อย “...”
อยาก จะ ตัด มือ ข้าง เมื่อ กี้ นี้ ทิ้ง จริง ๆ !
------
[1] อุปมา ถึงการทุจริตทางการเมือง และความมืดในสังคม
บทที่ 36 คนเขามีแฟนนะ
ทันทีที่ผลการจับฉลากออกมา ในห้องเรียนพลันโกลาหล
“เยี่ยหวันหวั่นเหรอ? เจ้าหญิงสโนว์ไวท์น่ะนะ? นายกำลังหลอกฉันเล่นใช่ไหม?”
“หัวหน้าห้องนายทำอะไรน่ะ! จับผีอะไรขึ้นมา?”
ใบหน้าของหัวหน้าห้องเต็มไปด้วยความหมดคำพูดเมื่อเผชิญกับการกล่าวโทษของนักเรียนหญิงทุกคน “นี่...นี่ฉันไม่ได้เป็นคนจับนะ!”
เกี่ยวอะไรกับเขาด้วยเล่า ซือเซี่ยเป็นคนจับขึ้นมาด้วยตัวเองชัดๆ
“ไม่ได้! ซือเซี่ยจะคู่กับคนประเภทนี้ไม่ได้เป็นอันขาด! นี่มันเนื้อเข้าปากเสือชัดๆ ไม่ใช่เหรอ?”
“งานแสดงที่สำคัญขนาดนี้ ให้เยี่ยหวันหวั่นไปแสดง คืออยากจะให้ทุกระดับชั้นมองพวกเราห้อง F เป็นตัวตลกหรือไง?”
บนแท่นพูด ใบหน้าของเหลียงลี่หวาก็เครียดมากเช่นกัน
เยี่ยหวันหวั่น!
ทำไมถึงเป็นเยี่ยหวันหวั่นอีกแล้ว?
แต่ว่าเมื่อครู่เธอได้พูดต่อหน้านักเรียนทั้งห้องไปแล้วว่า ไม่อนุญาตให้ใครคัดค้านผลการจับฉลากเป็นอันขาด ตอนนี้คิดจะเปลี่ยนคนก็หมดหนทางเปลี่ยนแล้ว
เหลียงลี่หวาไร้ซึ่งหนทาง มองไปทางซือเซี่ยแล้วเอ่ยถาม “ซือเซี่ย นายคิดอย่างไร? ในเมื่อเป็นคู่ของนาย”
เวลานี้ ในมือของชายหนุ่มยังคงคีบกระดาษแผ่นนั้นอยู่ ยังคงเชื่อไม่ได้ว่ากระดาษแผ่นนี้เป็นเขาที่จับขึ้นมาด้วยตัวเอง
ชีวิตนี้ของเขาแทบจะไม่เคยประสบกับตัวเลือกที่น่ากลัวขนาดนี้มาก่อน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน คำสองคำเบียดออกจากคมเขี้ยวทั้งสองของชายหนุ่ม “แล้วแต่”
ฉลากที่เขาจับขึ้นมาด้วยมือของตัวเอง หรือว่าจะกลับคำตรงนี้อย่างนั้นหรือ?
ได้ยินซือเซี่ยพูดเช่นนี้ ผู้หญิงทุกคนพากันร้อนใจแล้ว ทั้งหมดกำลังให้เหลียงลี่หวาจัดการจับฉลากใหม่อีกครั้ง
สายตาเหลียงลี่หวาเป็นประกายเล็กน้อยมองไปที่สภาพยุ่งเหยิงไร้ระเบียบของเยี่ยหวันหวั่น ทอดถอนใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยขึ้นว่า “นักเรียนทั้งหลายเงียบกันหน่อย เมื่อครู่อาจารย์ได้พูดแล้วว่า เพื่อความยุติธรรมจึงต้องยึดผลการจับฉลากครั้งนี้ ตอนนี้ซือเซี่ยก็ไม่ได้มีความคิดเห็นเป็นอย่างอื่น ดังนั้นผลการคัดเลือกตัวนางเอกให้เป็นไปตามนี้ ใครก็ห้ามพูดอะไรอีก!”
ตอนนี้ไม่กลัวเยี่ยหวันหวั่นจะก่อเรื่อง กลับกลัวว่าเยี่ยหวันหวั่นจะไม่ก่อเรื่อง
คิดถึงตรงนี้ เหลียงลี่หวามองไปทางเยี่ยหวันหวั่นพลางเอ่ยเตือน “งานแสดงศิลปะวัฒนธรรมครั้งนี้สำคัญมาก ถ้าเธอทำพังละก็ แม้แต่ฉันก็ปกป้องเธอไม่ได้!”
จนตอนนี้เอง เยี่ยหวันหวั่นถึงได้สติ
ทำไมแค่เธอสัปหงกไปเดี๋ยวเดียว ก็ถูกเลือกให้แสดงเป็นเจ้าหญิงสโนว์ไวท์อะไรนั่น ซ้ำยังกลายเป็นหนามแทงตาของผู้หญิงทุกคนอีก?
ชาติก่อนเธอถูกซือเยี่ยหานจับกลับไปเพราะจดหมายรักฉบับนั้น จึงไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น ทำให้เธอไม่ทันได้ตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย
ถ้าหากรู้แต่แรก ตีเธอให้ตายเธอก็จะยับยั้งไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้น!
ด้วยความขี้หึงและความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของหวงแหนของตาซือเยี่ยหาน ถ้าหากรู้ว่าเธอแสดงเป็นคู่รักกับชายอื่นที่โรงเรียน อีกทั้งตอนสุดท้ายยังมีฉากจุมพิต...
นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ !
“โอ้โห! ฉันนอนอยู่เฉยๆ ดันโดนยิงซะได้” เยี่ยหวันหวั่นขยำผมตัวเองจนยุ่งเหยิง จนแทบจะหลุดออกจากหัว
ส่วนซือเซี่ยที่อยู่ข้างกายเห็นปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้ของเยี่ยหวันหวั่น ใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นมืดคล้ำจนฝนแทบตกแล้ว
คนที่นอนอยู่เฉยๆ แล้วดันโดนยิงคือใครกันแน่?
คาดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะทำท่าเหมือนเจอความซวยครั้งใหญ่
“เดี๋ยวก่อนค่ะ...อาจารย์! หนูขอสละสิทธิ์์ได้ไหมคะ?” เยี่ยหวันหวั่นรีบยกมือขึ้น
เมื่อได้ยินคำนี้ เหล่าสาวๆ ที่กำลังเต็มไปด้วยความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรมพลันโกรธถึงขีดสุด
โอ้โห! เยี่ยหวันหวั่นยัยตัวประหลาด! พ่อเทพบุตรไม่รังเกียจเธอ เธอกลับกล้าสละสิทธิ์!
ใบหน้าเหลียงลี่หวาเปี่ยมไปด้วยความโมโหทันที “เยี่ยหวันหวั่น เธอคิดว่าโรงเรียนเป็นที่บ้านของเธอหรือไง? ถึงได้คิดอยากจะทำอะไรก็ทำ! ไม่มีกฏระเบียบสักนิด อย่าลืมสิว่าตอนนี้เธอยังอยู่ในช่วงคุมความประพฤติ!”
ฟังคำข่มขู่ของเหลียงลี่หวาจบแล้ว เยี่ยหวันหวั่นลอบก่นด่าเสียงเบา “ยัยผี!”
เวลานี้เอง ผู้ชายข้างกายทนไม่ไหวอีกต่อไป “เยี่ยหวันหวั่น! ใครกันแน่ที่เป็นยัยผี?”
เยี่ยหวันหวั่นหรี่ตามองเดือนโรงเรียนบางคนข้างกายที่เกือบถูกเธอยั่วโมโหจนทะลุฟ้า พลางเท้าคางบ่นพึมพำโอดครวญ “คนเขามีแฟนนะ ถ้าเกิดถูกแฟนฉันรู้เข้าแล้วหึงขึ้นมาจะทำยังไง? ฉันรู้สึกแย่มากเลยนะ!”
ซือเซี่ยมองใบหน้าของเยี่ยหวันหวั่นที่หากมองนานสักหน่อยคงถูกทำลายจิตวิญญาณไปแน่แล้ว พลันนิ่งเงียบ
ผู้หญิงคนนี้มีแฟน...
แฟนของเธอ...คงจะตาบอดสินะ...