*บอกก่อนเข้าเรื่อง*
นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหารุนแรงต่อจิตใจเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นใครมีอาการเป็นโรคซึมเศร้าหรืออยู่ในห้วงแห่งความเศร้าหรือมีภาวะซึมเศร้าควรปัดไปอ่านเรื่องอื่น
.
.
.
เอ๋... ไม่ปัดไปเรื่องอื่นหรอ
.
.
.
แน่ใจแล้วใช่ไหม เพราะถ้าแพนเสียคนที่อ่านจากนิยายเรื่องนี้ไป แพนคงเสียใจไปตลอดชีวิต
.
.
.
สัญญาได้ไหม ว่าจะคอยอยู่ข้างกันไปตลอดน่ะ อย่าหนีกันไปไหนนะ
แพนน่ะ
รักทุกคนเลย
นิยายเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลงMy R
*ฝากไว้*
คุณคนอ่านลองเปิดเพลง My R แบบไหนก็ได้ แล้วอ่านดูซิ
ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส
*เสียงเดินขึ้นบันไดไปยังด่านฟ้า*
ฉันได้เดินขึ้นมายังด่านฟ้าที่สูงชันของตึกแห่งหนึ่ง
ฉันได้เดินไปที่ตรงขอบรั้วของด่านฟ้า ขณะ ที่เดินไป ฉันได้มองเห็นเด็กหญิงผมเปียนั่งอยู่ที่ข้างนอกรั้วฉันนั้นจึงตะโกนออกไปว่า
อย่า... ทำแบบ... นั้นเลย
.
แต่ทั้งที่จริงฉันแค่พลั้งปากไป ฉันไม่ได้สนใจเรื่องของ เด็กหญิงผมเปียเลยสักนิด
แต่ฉันก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
ถ้าเด็กหญิงผมเปียคิดจะตัดหน้าฉัน
จากนั้นเด็กหญิงผมเปียได้เริ่มเล่าให้ฟังเรื่องที่เคยได้ยินมาบ้างแล้ว
"คิดว่าจะได้เคียงข้างกันไปตลอด แต่เขากลับมีคนอื่นฉันสมควรตายไปซะก็ดี"
"อย่าพูดเลยน่า บอกมาว่ามันไม่เป็นความจริง จะมาชิงตัดหน้าฉันก็เพียงเพราะเรื่องแค่นี้
แล้วไงอะ ของที่ไม่ใช่ของเราก็ปล่อยไปสิ อยู่ไปยังไงก็เจ็บ ถ้าของที่ต้องการมันไม่เป็นของเธอก็แค่ทำใจ ไม่ได้ถูกขโมยของไปทิ้งที่ไหนก็ดีแล้วนิ"เสียงฉันพูด
"หึ...ดีแล้วหละที่เล่าให้ฟัง นั้นสินะ ขอบคุณนะXXX"
และเด็กหญิงผมเปีย ก็พลันหายไป
"เฮ้อ... เดี๋ยววันพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่"
.
.
.
ณ วันต่อมา
ฉันคิดว่ายังไงก็เป็นวันนี้แน่ๆ
ฉันก็เดินไปที่รั้วของด่านฟ้าและถอดรองเท้าออกมาตามเคย
ฉันได้มองเห็นเด็กหญิงตัวเล็กนั่งอยู่ที่ข้างนอกรั้วฉันจึงตะโกนออกไปว่า
อย่า... ทำแบบ... นั้นเลย
.
แต่ทั้งที่จริงฉันแค่พลั้งปากไป ฉันไม่ได้สนใจเรื่องของ เด็กหญิงตัวเล็กเลยสักนิด
แต่ฉันก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
ถ้าเด็กหญิงตัวเล็กคิดจะตัดหน้าฉัน
จากนั้นเด็กหญิงตัวเล็กได้เริ่มเล่าให้ฟังเรื่องที่เคยได้ยินมาบ้างแล้ว
"อยู่ในห้องเรียนก็โดน เมินโดนบูลลี่ ไม่มีที่ไหนให้ได้อยู่เลย"
"อย่าพูดเลยน่า บอกมาว่ามันไม่เป็นความจริง จะมาชิงตัดหน้าฉันก็เพียงเพราะเรื่องแค่นี้
อย่างน้อยบ้านของเธอยังความรักรอคอยอยู่ใช่ไหม บนโต๊ะยังมีอาหารที่อุ่นรอไว้อยู่ใช่ไหม"เสียงฉันพูด
"ตอนนี้เริ่มจะหิวขึ้นมาแล้วล่ะ ขอบคุณนะXXX" และเด็กหญิงตัวเล็ก ก็พลันหายไป
.
แบบนั้นเองฉันทำได้แต่พูดคุยเท่านั้น ทำได้แค่ฟังคำที่อยากระบายออกมาจากใจ และพยายามให้เดินไปในทางที่ดีและถูกต้องตามที่ต้องการ
แต่กลับกัน ไม่มีใครที่จะรับฟังปัญหาของฉันได้
จนมาวันหนึ่งฉันได้เจอเด็กใส่เสื้อคลุมไหมพรมสีเหลือง
ที่ต้องทุกข์ระทมใจในเรื่องราวเดียวกัน ฉันไม่รู้เลยว่าเธอนั้นเป็นคนที่เท่าไหร่แล้ว
"อยากจะหยุดแผลที่มีตอนนี้ และอยากจะจบมันลง และไม่อยากจะกลับบ้านไปเพราะถ้ากลับบ้านไปคงได้แผลเยอะกว่าเดิมแน่ๆ
บนด่านฟ้านี้คงทำให้มันหมดไปจากชีวิตได้ฉันจึงขึ้นมา" เธอนั้นบอก
ทั้งที่จริงก็แค่พลั้งปากไปฉันไม่ได้สนใจหรือใส่ใจเรื่องของเธอสักนิด
ไม่คิดไม่ฝันเอาไว้เลยด้วยซ้ำแต่ฉันกลับตะโกนเรียก เด็กใส่เสื้อคลุมไหมพรมสีเหลือง
อย่าทำแบบนั้นเลย!
ฉันไม่รู้เลยว่าฉันจะห้ามเธอยังไงดี
ไม่มีสิทธิ์เลยที่ฉันจะเหนี่ยวรั้งเธอเอาไว้ในตอนนี้
"แต่ขอทีเถอะ ช่วยไปให้พ้นหน้าสักที
ยิ่งมองหน้าเธอก็ยิ่งปวดร้าวไม่ไหว"
"วันนี้พอแค่นี้ละ กัน" เด็กคนนั้นพูดกับฉันก่อนที่จะพลันหายไป
ณ วันถัดมา
และวันนี้ไม่มีใครอยู่เลย มีแค่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่อยู่บนด่านฟ้าแห่งนี้ ไม่มีใครที่จะขัดขวางทางฉันได้อีกแล้ว
ฉันค่อยๆถอดผ้าคลุมไหมพรมสีเหลือง
และค่อยๆคลายผมเปียออกมา
และไปนั่งที่ขอบรั้ว
และเด็กตัวเล็กคนนี้ ก็ถึงเวลา สักทีที่จะกระโดด ด่านฟ้าไป
.
.
.
*สรุปตั้งแต่ต้นจนจบ:สำหรับคนที่ไม่เข้าใจ*
มีเด็กคนหนึ่งที่พยายามจะฆ่าตัวตายแต่มีเด็กสาวผมเปียขัดไว้ เด็กสาวผมเปียก็ได้ระบายเกี่ยวกับเรื่องความรักให้ฟังและเด็กสาวผมเปียก็ได้หายไป
และวันต่อมาได้มีเด็กหญิงตัวเล็กมาขัดขวางการฆ่าตัวตาย เด็กหญิงตัวเล็กคนนั้นได้ระบายเรื่องที่โรงเรียนใก้ฟัง และสุดท้ายเด็กหญิงตัวเล็กคนนั้นก็ได้หายไป
แล้วคราวนี้ก็มีคนอื่นมาระบายให็ฟังที่ด่านฟ้าเรื่อยๆ
และจนมาวันหนึ่งได้พบกับเด็กใส่ผ้าคลุมไหมพรมสีเหลืองมาระบายแล้ว เด็กคนนั้นรับไม่ไหว จึงพลั้งปากไปว่า "แต่ขอทีเถอะ ช่วยไปให้พ้นหน้าสักทียิ่งมองหน้าเธอก็ยิ่งปวดร้าวไม่ไหว"
และเด็กใส่ผ้าคลุมสีเหลืองคนนั้นก็พลันกายไป
และในวันสุดท้ายไม่มีใครอยู่และเด็กคนนั้นก็ได้ถอดผ้าคลุมสีเหลืองและคลายผมเปียและกลายเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนนั้น
ง่ายๆเลยก็คือ เด็กสาวผมเปีย เด็กหญิงตัวเล็ก เด็กที่ใส่ผ้าคลุมสีเหลืองนั้นคือเด็กคนนั้นที่คอยห้ามให้คนอื่นตายและทั้ง3คนนั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้เด็กคนนั้นมีชีวิตต่อ ทั้งเรื่องความรัก ทั้งเรื่องที่โรงเรียน ทั้งเรื่องที่บ้าน เด็กคนนั้นพยายามหาเหตุผลที่จะไม่ตายยนั้นเอง
แต่ เหตุผลที่มีย่อมหมดลง เมื่อเหตุผลที่จะอยู่ต่อหมด ก็ถึงเวลาที่ต้องตาย
*ปล.*
นิยายเรื่องนี้ไม่มีเจตนาจะพยายามที่จะล่วงละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด ถ้าไม่พอใจอะไรก็สามารถคอมเม้นหรือ รีวิวไว้ได้ แล้ว แพนจะพัฒนาต่อไป
และแพนอยากจะเป็นกำลังใจให้คนที่เป็นโรคซึมเศร้า(ที่เป็นโรคซึมเศร้าจริงๆไม่ใช่พวก wonna be)
ขอให้ผ่านมันไปได้ด้วยดีนะครับ
แพนจะเขียนนิยายเรื่อยๆเลยหละ
และสุดท้ายนี้แพนฝากไว้ว่า
"หัวเราะเถอะถ้ามันตลกจริงๆ ร้องไห้เถอะถ้ามันเศร้าหรือเครียดจริงๆ แสดงออกให้คนอื่นเห็นว่าเข้มแข็งได้ แต่อย่าหลอกตัวเองว่าเราอ่อนแอไม่เป็น"