“หา?”
ระบบประมวลผลของกานดาถึงกับหยุดชะงักไปช่วงทันทีที่ชโนทัยเอ่ยกับเธอเป็นประโยคแรก ก่อนที่ระบบสมองจะกลับมาทำงานอีกครั้ง ด้วยการคิดคำนวณจากเด็กสมองดีอย่างเธอ
เด็กผู้ชายผมยาว พูดภาษาอังกฤษสำเนียงชัด พูดภาษาไทยสำเนียงลิ้นกระดกไม่ได้ ไม่รู้จักสัมมาคารวะ
ปิ๊งป่อง! หมอนี้เด็กนอกแน่นอน!
“นายเป็นเด็กนอกใช่ไหม”
“Yes Ma'am I am from London. I haven't come back to Thailand since I was 8 years old.”
“มิน่าล่ะถึงพูดแต่ภาษาอังกฤษ ฉันเป็นเด็กลูกหม้อตั้งแต่สมัยมอต้นเห็นหน้านายครั้งแรกก็คิดไว้แล้วว่าไม่คุ้นหน้า แล้วชื่อนายประจำอยู่ห้องอะไรล่ะจะได้พาไปส่ง”
ไอ้หนุ่มทำหน้าบื้อพร้อมตอบกลับมา “Sorry, ma'am, I don't know” ฝั่งกานดาถอนหายใจ
“แล้วจะทำยังไงดีล่ะเนี้ย พอจะมีเอกสารอะไรไหม”
ชโนทัยทำหน้าเหมือนมีหลอดไฟลอยขึ้นใกล้ตัว ก่อนจะหยิบเศษกระดาษยู่ยี่ที่ดูเหมือนขยะออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“Contact with Mr.sataporn meewon”
“สถาพร มี่วอน? เอ้ย...ไม่ใช่สิ ผอ.สถาพร มีวงศ์ ตายล่ะตามหาคนเจอตัวยากด้วย สงสัยต้องลองไปที่ห้องผู้อำนวยดูก่อน อยู่ไม่ไกลจากห้องเรียนมากฉันพอจะเดินไปส่งนายได้”
“Thank you very much ก๊านดาา” ชโนทัยชัดเว่อร์ได้แค่ภาษาอังกฤษเท่านั้น
พวกเขาเดินกันไปที่ตึกอำนวยการที่อยู่ไม่ไกลจากหน้าประตูโรงเรียน ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปบนชั้นสาม มันเป็นตึกที่ไม่ค่อยจะมีเด็กนักเรียนผ่านมาเท่าไหร่นัก เนื่องจากเป็นตึกสำหรับการติดต่องานของโรงเรียนเป็นหลัก ยิ่งพอเป็นเด็กสาวเรียนดีอย่างกานดาเดินมาด้วยก็ทำให้คุณครูที่พบเห็นคิดว่าเธอกำลังมาทำธุระอะไรซักอย่างมากกว่า
“นี้ไงห้องผู้อำนวยการ แต่จะเจอตัวรึเปล่าฉันไม่รู้นะ ถ้าไม่เจอก็นั่งรอในห้องไปก่อนแล้วกันช่วยได้แค่นี้แหละ” กานดาพาชโนทัยมาจนถึงมุดหมายสำคัญจนได้ เขาเปิดประตูและเดินเข้าไปภายในห้อง หญิงสาวผู้ประสบเคราะห์กรรมจึงคิดได้ว่าหมดเวลาของการทำบุญทำทานช่วงเช้าเสียที เธอควรจะกลับไปเข้าชั้นเรียนกับเพื่อนได้แล้ว
ข้าวสุดสวย : ดาเธออยู่ไหนแล้ว
ข้อความปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์พร้อมเสียงเตือน
นู๋กานดา : อยู่ตึกอำนวยการ ตอนนี้อยู่ห้องไหนกัน
ข้าวสุดสวย : ตอนนี้อยู่ห้องโสตกัน รีบมาเลยตอนนี้ครูยังไม่มา
นู๋กานดา : โอเคจะไปแล้วจ้า
กานดาพบจุดรวมกลุ่มของเธอแล้ว เด็กสาวตัดสินใจหันหลังกลับให้กับประตูห้องผู้อำนวยการก่อนที่จะมีมือลึกลับเดิมพุ่งปรี่มาจับเข้าที่ไหล่ของเธออีกครั้ง เธอเกือบกรีดร้องขอชีวิตขึ้นมาแต่ดีที่ควบคุมอารมณ์ทัน ก่อนจะหันกลับไปเจอกับหน้าตาเหยเกบอกบุญไม่รับของชโนทัยที่ผสมปนเปไปกับความหน้าตายอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา
“ว้ายอะไรของนายเนี้ย!”
ชโนทัยโผล่เฉพาะหน้าออกมาจากประตูห้องผู้อำนวยการ ก่อนจะกวักมือเรียกไปมาเหมือนนางกวักกินยาชูกำลัง พยายามเรียกให้กานดาเข้าไปในห้องให้ได้
“อะไรของนายเนี้ย ฉันต้องไปเข้าเรียนแล้ว” แต่หนุ่มเจ้ายังไม่ยอมหยุดยังคงพยายามเรียกให้เธอเธอมาดูอะไรบางอย่าง
“โอเคๆ มีอะไรกันแน่” กานดาก้าวเท้าเข้าไปในห้องผู้อำนวยการก่อนจะพบกับตุ๊กตาหมีตัวยักษ์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้บริหารพร้อมกับเขียนคำว่า
“ไม่ว่างออกไปทำสวนอยู่...”
“ผอ..ออ..เปง....หมี???” ชโนทัยถามเป็นภาษาไทย
“.....” กานดาไม่ได้ตอบอะไร
ผู้อำนวยการสถาพร มีวงศ์ เป็นหนึ่งในผู้บริหารโรงเรียนที่โด่งดังด้านการบริหารงานโรงเรียนที่ยอดเยี่ยมไปทุกส่วน ทั้งด้านการบริหารงบประมาณ พัฒนาหลักสูตร และส่งเสริมกิจกรรมให้กับนักเรียน แต่ก็มีเรื่องซุบซิบนินทาถึงพฤติกรรมแปลกประหลาดที่แกชอบปฏิบัติอยู่ภายในโรงเรียนบ้างก็ว่าแกมีอาการจิตหลอนจากที่เคยไปทหารเกณฑ์ประจำการอยู่ที่ชายแดนภาคใต้ในสมัยหนุ่มๆ และเป็นบุคลากรที่หาตัวพบได้ยากคนหนึ่งของโรงเรียนบ้างก็ว่าการเจอตัวผอ.สถาพรถือว่าเป็นหนึ่งในเรื่องโชคดีของบานเย็นวิทยาลัย
พวกเขาเดินออกมาจากห้องผู้อำนวยการ และคิดว่าน่าจะกลับมาตั้งหลักกันใหม่ การไปห้องธุรการโรงเรียนน่าจะดีที่สุด ถามชื่อแซ่ของชโนทัยกับทางธุรการน่าจะทำให้รู้ว่าเขาอยู่ห้องอะไรง่ายกว่าการตามหาผู้อำนวยการเจ้าของตุ๊กตาหมีที่ออกไปทำสวน
“นายชโนทัย วีระกิตติสกุล เลขที่ 45 ห้อง 3 ค่ะ” กานดาได้ยินถึงกับตกใจกับคำตอบที่ได้จากธุรการผึ้งคนสวยที่ประจำตำแหน่งอยู่
“งั้นก็ห้องเดียวกับหนูเลยสิค่ะครูผึ้ง” ครูธุรการยิ้มพยักหน้าตอบกลับมา
หมายเลขประจำตัวนักเรียนมีนัยยะซ่อนอยู่เสมอในโรงเรียนบานเย็นวิทยาลัยเลขที่ตั้งแต่ 1-20 คือนักเรียนลูกหม้อที่ได้เข้ามาเรียนตั้งแต่มัธยมต้น ส่วนเลขที่ ตั้งแต่ 21 ลงมาส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะของเด็กฝากหรือมาด้วยสิทธิพิเศษอะไรบางอย่าง เช่นโควต้าศิษย์เก่า ลูกคุณครูหรือข้าราชการ หรือในกลุ่มสุดท้ายนั้นก็คือเด็กฝากพลังเงินนั้นเอง
“จู่ๆก็ได้นายเป็นเพื่อนร่วมห้องซะงั้น แถมตลกมากนายได้เลขที่สุดท้ายของห้องด้วย อืม...โอเค...งั้นจากนี้ก็ตามฉันมาเรามีเรียนภาษาอังกฤษที่ห้องโสต” เธอหัวเราะท้องแข็ง ก่อนที่จะฉุกคิดขึ้นได้ว่า
เดี๋ยวก่อนนะแล้วฉันจะบอกเพื่อนๆที่ห้องยังไงเนี้ย เข้าห้องสายแถมโผล่มาพร้อมกับหนุ่มหล่อร่างสูงเนี้ยนะ ฉันต้องถูกเหมารวมว่าเป็นพวกกลุ่มแรดมีแฟนตั้งแต่วันแรกแน่ๆเลยโอ้ย...คิดแล้วก็ปวดหัว!
ชโนทัยสังเกตกานดาที่จ้องมาที่หน้าของตัวเองก่อนจะชี้ไปที่หน้าของตัวเอง
กานดาเขินเล็กน้อยก่อนจะกลบเกลื่อนอาการของตัวเอง“สรุปนายพูดไทยได้ไหมเนี้ย?”
ชโนทัยยิ้มอ่อนๆก่อนจะส่ายหัวปฏิเสธเบาๆให้กับกานดา
เพื่อนร่วมทางสองคนจึงตัดสินใจเดินกลับไปที่ห้องโสตระหว่างทางกานดาก็อดจะสงสัยไม่ได้ว่าตานี้ทำไมไม่อยู่ที่ลอนดอนต่อ อะไรทำให้เขาตัดสินใจกลับมาไทยเอาตอนโตป่านนี้
“แล้วนายกลับมาอยู่ไทยทำไมน่ะ ถ้าเป็นฉันคงไม่กลับมาง่ายๆแน่ๆ สมัยเด็กๆฉันเคยไปลอนดอนเหมือนกันนะสนุกมากเลยอากาศดี บ้านเมืองก็สะอาดสะอ้าน ตอนนั้นที่ได้ไปก็เพราะพ่อฉันชอบดูทีมเชลซีมากเลยได้ไปดูสองสามครั้ง ได้ไปดูที่สนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ด้วยนะคือใหญ่มาก นายเป็นผู้ชายก็น่าจะชอบเหมือนกันสินะได้ไปดูบ่อยไหมตอนอยู่ที่นั้น ส่วนฉันตอนนี้ถ้าได้ไปอีกคงไม่ไปดูบอลแล้วแหละ คงไปช้อปปิ้งกระจายมากกว่า” ดวงตาเธอเปล่งประกายไปด้วยความสุขเมื่อคิดถึงบรรดากระเป๋าที่เธอชอบ
“.....” เขาเงียบและนิ่งกว่าปกติ เขาดูทั้งไม่อยากตอบและไม่ชอบในประโยคบอกเล่าของกานดา
“เออคือ..ฉันขอโทษนะ..อาจจะถามพวกเรื่องส่วนตัวมากไปหน่อย เราก็พึ่งเจอกันด้วย” เธอรับรู้ได้ถึงการย่างก้าวเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัว
ตูม!
เสียงลูกบอลกระแทกเข้าผนังปูน พร้อมกับเสียงหัวเราะของกลุ่มเด็กผู้ชาย
กานดาเหลือบไปเห็น บุญธรรม เด็กผู้ชายร่างอ้วนเพื่อนร่วมห้องของเธอกำลังสั่นกลัวอยู่ที่โกลฟุตบอลที่ด้านหลังเป็นกำลังแพงปูนพร้อมถูกล้อมด้วยซี่ลวดถักอีกชั้น
มันมีชื่อเรียกว่า “กรง” พื้นที่ของเหล่าเด็กโดดเรียนและการทะเลาะวิวาท
หรือในอีกนามหนึ่งก็คือสนามฟุตซอลของโรงเรียนบานเย็นวิทยาลัย
“เล่นเป็นโกลก็ต้องรับสิบุญธรรม” หนึ่งในเด็กตัวร้ายพูดกับเด็กอ่อนแอที่สั่นเทาใต้คานโกล
“ไม่ไหวหรอกก็นนท์เล่นยิงแรงขนาดนั้น ถ้ารับต้องเจ็บมากๆแน่ๆ”
ตูม!!
คราวนี้ลูกบอลอัดกระแทกเข้ากับตัวบุญธรรมเต็มๆ เสียงของแรงกระแทกอัดแน่นจนถึงรับรู้ถึงความเจ็บปวดของเด็กหนุ่มได้อย่างชัดเจน
“นี้! พวกนายพอได้แล้ว อย่าแกล้งเพื่อนสิ” กานดาเดินเปิดประตูเข้ามาในสนามฟุตซอลอย่างรวดเร็ว
“บุญธรรมทำไมไม่อยู่ในห้อง ทำไมมาเล่นบอลกับพวกนี้เนี้ย ไปคบกับพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เปล่ากานดา...เรามาเข้าห้องน้ำแล้วก็เจอพวกนี้สูบบุหรี่อยู่ จู่ๆก็กอดคอบอกให้เรามาเล่นบอลด้วย แล้วก็บอกให้เราเล่นเป็นโกล แล้วก็ แล้วก็...”
ตูม!!!
คราวนี้ลูกบอลลอยพุ่งห่างจากศีรษะของกานดาไปเพียงไม่กี่คืบ กานดาและบุญธรรมรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากกลุ่มคนตรงข้าม ลูกบอลลอยกระเด็นออกไปนอกกรงฟุตซอลด้วยความแรง
“ว่าไงคนสวยอยากเล่นบอลกับพวกเราไหม” นนท์ วงศ์พิพัฒน์ เด็กชายที่ขึ้นชื่อว่าร้ายติดอันดับโรงเรียน ทั้งด้านการต่อยตีและเรื่องการแกล้งเด็กผู้หญิงที่แย่แบบสุดๆ เขาคือเด็กไม่กี่คนที่ผู้หญิงต้องเตือนกันเองว่าอย่างเข้าไปข้องแวะด้วย ต่างหูระเบิดทั้งสองข้างและเหล็กแหลมที่ฝังอยู่เหนือคิ้วของเขายืนยันความซาดิสท์และร้ายได้เป็นอย่างดี
ตูม!!!!
ลูกบอลลูกเดิมแต่ลอยโค้งจากด้านนอกกรงเฉียดปลายจมูกของนนท์ไปเพียงช่วงคืบเดียว ถ้าพิสัยเปลี่ยนจากเดิมเพียงเล็กน้อยรับรองว่าดั้งของเขาได้หักอย่างแน่นอน
“Of course I want to play too.”
เด็กหนุ่มจากลอนดอนเอ่ยตอบกลับไป