คำพูดของฉือเป่าทำเอาเชียนหัวเราะพรืดออกมา นางอุ้มฉือเป่าขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า "เจ้าสุนัขจิ้งจอกนี่เจ้าเล่ห์ยิ่ง ถึงกับให้ข้าหาผู้หญิงให้สามีตัวเองเลยหรือ"
"ท่านไม่มีความรู้สึกกับเขา ย่อมหาผู้หญิงมาให้เขาได้ แต่เจ้านายพูดเช่นนี้หมายความว่าคิดจะแต่งงานกับลั่วชิงเฉินจริงหรือ" ฉือเป่าเอ่ยพลางยิ้มตาเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว
เชียนหยุดไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยตอบว่า "ตอนแรกข้าไม่คิดว่าจะแต่งงานกับเขา แต่ตอนนี้พอได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้กลับรู้สึกว่าเป็นความคิดที่ไม่เลวเลย หากลั่วชิงเฉินสามารถเป็นฮ่องเต้ได้จริงๆ แล้วเขาจะแต่งตั้งข้าให้เป็นฮองเฮาได้ ข้าแต่งกับเขาก็ไม่เลวเช่นกัน"
"เจ้านายตัดสินใจได้ ถือว่าดียิ่ง" ฉือเป่าถอนใจ เพราะถือว่าตนเกลี้ยกล่อมเจ้านายตัวเองได้
เชียนอุ้มฉือเป่าเอาไว้โดยไม่เอ่ยสิ่งใด
ใช่แล้ว อย่างน้อยๆ ลั่วชิงเฉินก็เป็นคนคนแรกที่ข้าพบบนโลกมนุษย์ และเป็นคนแรกที่ถือว่าเป็นเพื่อนของข้า หากเขาได้เป็นฮ่องเต้และข้าได้เป็นฮองเฮาคอยดูแลวังหลังให้เขาจนกำราบสตรีพวกนั้นได้ก็ถือว่าไม่เลวทีเดียว
เชียนนอนหลับไป จากนั้นนางก็เริ่มฝัน ในความฝันนางเป็นฮองเฮาของลั่วชิงเฉินและคัดเลือกผู้หญิงรูปโฉมงดงามเข้าวังทุกวัน พวกเขาทั้งสองต่างอยู่กันอย่างเคารพกันซึ่งกันและกันไปเป็นร้อยปี
ทว่าลั่วชิงเฉินกลับต่างจากเชียน เขาไม่ได้นอนทั้งคืนเพื่อทำหน้ากากด้วยตัวเองแล้วลงมือวาดดอกปี่อั้นที่เชียนชอบด้วยตัวเองและเขาก็ทำออกมาได้สิบอัน ในระหว่างนั้นคงชิงก็เอามื้อเย็นมาส่งเขาหลายรอบทว่าลั่วชิงเฉินกลับไม่กิน คงชิงจึงบ่นพึมพำบอกว่าเจ้านายของเขาโดนแม่นางอัปลักษณ์ผู้นั้นทำให้ลุ่มหลงเสียแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้นลั่วชิงเฉินเอาหน้ากากที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วใส่ลงไปในกล่องไม้[1]จื่อถานที่งามวิจิตรใบหนึ่ง จากนั้นจึงให้สตรีที่ไว้ใจได้นำไปให้เชียนที่ตระกูลมหาเสนาบดี จากนั้นเขาจึงเก็บสัมภาระของตัวเองแล้วออกจากเมืองเป่ยอันไปพร้อมกับคงชิง
ณ จวนมหาเสนาบดี
ตอนนี้ร่างกายของหลินหวานหว่านดีขึ้นมากแล้วจนนางสามารลงจากเตียงแล้วเดินได้โดยไม่รู้สึกเจ็บปวดแล้ว ตอนนี้นางกำลังเล่นหมากล้อมอยู่กับหลินโยวโยวในห้อง ตอนนั้นเองที่จู่ๆ เหลียนเฉียวก็วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน
"คุณหนูรอง คุณหนูรองเจ้าคะ..." เหลียนเฉียวหายใจหอบกระชั้น
หลินหวานหว่านวางหมากตัวดำลงแล้วเอ่ยอย่างรำคาญว่า "ผีไล่ตามหลังเจ้ามาหรืออย่างไร”
"ไม่ ไม่ ไม่ใช่เจ้าค่ะ คุณหนูรองเจ้าคะ เมื่อครู่นี้มีสตรีนางหนึ่งเอากล่องงามวิจิตรใบหนึ่งมาที่นี่แล้วบอกว่ามีคุณชายคนหนึ่งฝากเอามาให้คุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ ข้าเลยรีบมาแจ้งคุณหนูรองก่อน เพราะคิดว่า...บางทีพวกเราอาจจะหาจุดอ่อนของคุณหนูใหญ่ได้แล้ว" เหลียนเฉียวเอ่ย
"เจ้ากำลังจะบอกว่า...มีคุณชายฝากของขวัญมาส่งให้หลินเชียนเชียนหรือ" ใบหน้าของหลินหวานหว่านปรากฎเป็นรอยยิ้ม
"ใช่เจ้าค่ะ ข้าแอบฟังอยู่ข้างๆ เห็นนางบอกว่าคุณชายลั่วอะไรสักอย่าง หรือไม่ก็คุณชายหลัว แต่ดูรวมๆ แล้วกล่องนั่นไม่ใช่ของธรรมดาเลยเจ้าค่ะ" เหลียนเฉียวพูดพลางพยักหน้า
“โยวโยว วันนี้พวกเราหยุดเล่นหมากล้อมเอาไว้ก่อน พวกเราไปดูหลินเชียนเชียนกันเถิด ไปดูซิว่าผู้ใดกันที่เอาของหมั้นมาให้นาง หากคนผู้นั้นกับนางมีใจต่อกันจริง ข้าจะได้ให้องค์ชายรองทำความปรารถนาของนางให้เป็นจริง" หลินหวานหว่านเอ่ยพลางดึงหลินโยวโยวให้ลุกขึ้น
ด้วยเหตุนี้ สองพี่น้องคู่นี้พร้อมเหลียนเฉียวจึงมุ่งหน้าไปที่จือหลินหย่วนของหลินเชียนเชียนอย่างพออกพอใจ
ฝีเท้าของพวกนางเร็วมาก ตอนที่ไปถึงจึงเป็นตอนที่สตรีที่มาส่งของผู้นั้นเพิ่งไปถึงพอดีเช่นกัน
เมื่อเห็นหลินหวานหว่าน สตรีผู้นั้นจึงเดินเข้าไปทำความเคารพแล้วเข้าใจว่านางคือเชียน "คุณหนูอาเชียน นี่เป็นของที่คุณชายของข้าให้นำมามอบให้ท่าน โดยบอกว่าท่านเป็นคนให้เขาทำมาให้"
แม่นางอาเชียน หลินหวานหว่านหันไปส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้หลินโยวโยวแล้วเอ่ยลากเสียงยาวว่า "คุณชายผู้นั้นคงมีใจให้จริงๆ "
สตรีนางนั้นเป็นเพียงผู้ที่นำของมาส่งเท่านั้นจึงไม่เข้าใจในความหมายของคำพูดหลินหวานหว่าน นางชูกล่องขึ้นมาแล้วเอ่ยต่อไปว่า "ข้านำของมาส่งแล้ว คุณหนูโปรดรับไว้เถิดเจ้าค่ะ"
หลินหวานหว่านส่งสายตาให้เหลียนเฉียว เหลียนเฉียวจึงรับกล่องใบนั้นมา
สตรีผู้นั้นทำความเคารพอีกครั้งและไม่กล้าเอ่ยอะไรมากนัก นางหันตัวแล้วเดินกลับไปตามเส้นทางเดิม
หลินหวานหว่านตั้งใจจะหาเรื่องเชียน นางจึงถือกล่องใบนั้นเอาไว้โดยยังไม่ยอมกลับ แต่กลับยืนอยู่ด้านหน้าจือหลินหย่วนพลางเอ่ยระคนขำออกมาว่า "คิดไม่ถึงเลยว่าคุณหนูใหญ่จะมีความสามารถเช่นนี้ด้วย"
"แถมความสามารถยังมากเสียด้วย หน้าตาอัปลักษณ์ขนาดนั้นกลับสามารถทำให้คุณชายหลัวอะไรนั่นลงมือทำของด้วยตัวเองมาให้นางได้ ข้าอยากจะรู้อย่างยิ่งว่าของสิ่งนี้คืออะไร เจ้าว่า...พวกเราเปิดกล่องดูดีหรือไม่" เสียงของหลินโยวโยวเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับต้องการให้บรรดาคนรับใช้ในจวนที่ผ่านมาแถวๆ นั้นได้ยิน
และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เสียงอันดังของหลินหวานหว่านและหลินโยวโยวทำให้เด็กรับใช้ที่ผ่านไปผ่านมาแถวนั้นชะลอฝีเท้าลง พวกเขาอยากจะเข้ามาใกล้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ก็ไม่กล้าเท่าใดนัก เพราะว่าชุนหลานเคยบอกพวกเขามาก่อนว่าไม่ให้ซุบซิบนินทาในจือหลินย่วน ด้วยไร้ทางเลือกอื่น พวกเขาจึงทำได้เพียงยืนเล่นอยู่แถวนั้น
ส่วนเชียนนั้น นางยืนอยู่ด้านบนหอด้านบนตั้งนานแล้ว ดังนั้นนางจึงมองเห็นหลินหวานหว่านกับหลินโยวโยวแย่งของที่ลั่วชิงเฉินเอามาให้นางไปอย่างไรอย่างชัดเจน
"คุณหนูใหญ่ คุณหนูรองทำเกินไปแล้ว เห็นชัดๆ ว่าตั้งใจจะใส่ร้ายคุณหนู พวกเราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ" อวี้จู๋มองไปยังพวกของหลินหวานหว่านอย่างโมโห
เชียนวางฉือเป่าลงแล้วหมุนตัวไปอีกทาง "ไป ลงไปดูกันเถิด"
อวี้จู๋พยักหน้าแล้วรีบเดินตามไปทันที
……
"พี่รองดูสิ กล่องใบนี้งามประณีตอย่างยิ่ง แถมบนกล่องยังมีตัวอักษรคำอวยพรสลักเอาไว้อีก ทั้งยังมีอัญมณีฝังเอาไว้ด้วย แค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ของที่จะหาได้ทั่วไป คุณชายหลัวผู้นี้ที่คุณหนูรู้จักจะต้องเป็นคุณชายที่ร่ำรวยอย่างแน่นอน" หลินโยวโยวเอ่ยพลางรับกล่องใบนั้นมาจากเหลียนเฉียว
นางชอบกล่องใบนี้อย่างยิ่ง เพราะนางไม่เคยเห็นกล่องที่งามประณีตเช่นนี้มาก่อนที่ต้าเหลียง
หากแย่งมาจากหลินเชียนเชียนได้ นั่นคงจะดีไม่น้อย
"รวยหรือไม่รวยกล่องด้านนอกไม่อาจบอกอะไรได้ เจ้าต้องดูของที่อยู่ด้านในต่างหาก เร็วเข้า เปิดกล่องออกจะได้ให้ทุกคนได้เห็น เพราะจวนมหาเสนาบดีอันต่ำต้อยของเราและพวกสาวรับใช้จะได้เห็นของมีค่ากับเขาบ้าง" หลินหวานหว่านเอ่ยพลางพยักหน้าให้หลินโยวโยว
ใบหน้าของหลินโยวโยวปรากฏรอยยิ้มที่มีเลศนัยพลางเปิดกล่องออก เมื่อเห็นของที่อยู่ด้านใน ความรู้สึกอิจฉาเชียนเมื่อครู่ก็หายไปและหัวเราะออกมา “ข้าก็นึกว่าของมีค่าอะไร ที่แท้ก็เป็นของที่ไม่มีราคาเท่านั้น นี่มันหลอกลวงตาผู้อื่นชัดๆ”
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของหลินโยวโยว หลินหวานหว่านก็ยื่นหน้ามาดู เมื่อเห็นว่าเป็นหน้ากาก หลินหวานหว่านก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเช่นกัน “ข้าก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรไม่ดี นางก็คงอยากได้แต่ของพวกนี้กระมัง เขาส่งหน้ากากมาให้นางคงเพราะเห็นว่านางอัปลักษณ์ ไม่อยากเห็นให้เสียสายตากระมัง”
“โธ่เอ๊ย น่าขำจริงๆ เดิมทีหลินเชียนเชียนก็น่าเวทนาพออยู่แล้ว ยังจะมีคนใช้วิธีเช่นนี้ดูถูกนางอีก ข้าก็นึกว่า...ข้าก็นึกว่า...” หลินหวานหว่านเอามือกุมท้องหัวเราะ เสียงของนางดังกังวานคล้ายกลัวว่าผู้อื่นจะไม่ได้ยินว่านางกำลังพูดว่าอะไร
“เจ้านึกว่าอะไรรึ” เสียงเย็นเฉียบของเชียนดังออกมาจากด้านใน
หลินหวานหว่านรีบหยุดหัวเราะ แล้วหยิบหน้ากากออกมาถือเล่นอันหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ข้าก็นึกว่าคุณชายหลัวจะมีใจต่อเจ้าแล้วเป็นปรปักษ์กับองค์ชายรองเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะแค่รังเกียจเจ้า หลินเชียนเชียน สภาพเช่นเจ้า ชายใดจะกล้าเอา!”
“จะอยากมีชายใดได้ข้าหรือไม่นั้นก็เป็นเรื่องของข้า ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า!” ระหว่างพูดเชียนก็แย่งหน้ากากมาจากมือของหลินหวานหว่าน เมื่อเห็นรูปดอกปี่อั้นที่วาดไว้ สายตาของนางก็เริ่มแข็งกร้าวขึ้นมา
“ไม่เกี่ยวกับข้าก็จริง แต่คนภายนอกเขารู้กันหมดว่าเจ้าเกี่ยวข้องกับองค์ชายรอง หลินเชียนเชียน เจ้าฟังให้ดี แม้ว่าองค์ชายรองจะมีคุณธรรม แต่ก็มิใช่จะให้เจ้าเหยียดหยามเขาเช่นนี้ได้ ชื่อเสียงของเจ้าเสื่อมเสียคนเดียวก็พอแล้ว อย่าทำให้องค์ชายรองต้องถูกหัวเราะเยาะไปด้วย หากข้าเป็นเจ้า...” หลินหวานหว่านพูดพลางเหลือบตาไปมองรอบๆ ตัว
“เจ้าจะบอกว่า หากเจ้าเป็นข้า เจ้าจะเป็นฝ่ายยกเลิกการแต่งงานกับองค์ชายรอง เพื่อทำให้ความหวังของเจ้าเป็นจริงงกระมัง” เชียนเอ่ยพลางแย่งกล่องมาจากมือของหลินโยวโยว
เมื่อได้ยินเชียนพูดถึงเรื่องราวในใจของตัวเอง หลินหวานหว่านก็เริ่มเดือดดาล แต่กลับแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง แล้วจ้องไปที่หน้ากากในมือของนาง “เจ้าอย่ามาเปลี่ยนเรื่องหน่อยเลย วันนี้พวกเราจะคุยกันเรื่องหน้ากากนี่ต่างหาก เจ้าว่าสตรีที่เอาแต่อยู่ในเรือนเช่นเจ้าจะมีบุรุษนำหน้ากากมามอบให้ได้อย่างไร”
“ไม่เกี่ยวกับเจ้า” เชียนเอ่ยสี่คำนี้ออกไปอย่างไม่ใส่ใจ
หลินหวานหว่านเอามือข้างหนึ่งเท้าสะเอว ส่วนมืออีกข้างชี้หน้าเชียนด้วยท่าทางของผู้หญิงจัดจ้านผู้หนึ่ง “จะไม่เกี่ยวกับเจ้าได้อย่างไร ข้ามิอาจทนเห็นเจ้าทำลายชื่อเสียงของตระกูลหลินได้! ตอนนั้นเจ้าไปแก้ผ้าอยู่กลางถนนอย่างไร อย่าคิดว่าข้าจะลืม! ตระกูลหลินของเราต้องเสื่อมเสียเพราะผู้หญิงอัปลักษณ์อย่างเจ้าจนหมดสิ้นแล้ว!”
อันที่จริงแล้วหลินหวานหว่านจะไม่เอ่ยเช่นนี้จะเป็นการดีกว่า เพราะเมื่อเอ่ยขึ้น เชียนจึงส่งกล่องที่อยู่ในมือให้อวี้จู๋แล้วหันกลับมาพูดว่า “ใช่แล้ว หากน้องรองไม่เอ่ยเรื่องนี้ ข้าคงลืมไปแล้ว ข้าต้องขอขอบคุณน้องสาวของข้าจริงๆ เจ้ากับพิงถิงจวิ้นจู่แสดงละครได้ดียิ่ง! ข้าสวมเสื้อผ้าอยู่ดีๆ เหตุใดถึงหลุดออกได้ พวกเจ้าไม่รู้จริงๆ หรือ”
“เจ้า เจ้าพูดเหลวไหลอะไร เจ้าคิดจะสาดโคลนให้พวกเรางั้นหรือ หลินเชียนเชียน นังผู้หญิงไม่รู้จักอายทั้งยังร้ายกาจ เห็นชัดๆ ว่าเจ้าอยากจะดึงดูดความสนใจของผู้อื่น ยังจะมาใส่ร้ายว่าพวกเราเป็นคนทำอีก!” เสียงของหลินหวานหว่านดังขึ้นเรื่อยๆ นางทำเช่นนี้เพื่อต้องการจะปกป้องความผิดของตัวเอง
“ฮ่าๆ” เชียนปิดปากหัวเราะโดยที่ไม่เอ่ยสิ่งใด
ส่วนหลินหวานหว่านนั้น เดิมทีนางก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้องอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นเชียนยิ้มโดยไม่พูดไม่จาเช่นนี้นางก็เริ่มรู้สึกสับสนขึ้นมา
“หลินเชียนเชียน เหตุใดไม่พูดต่อเล่า เจ้าเป็นใบ้ไปแล้วหรือ เรื่องน่าขายหน้าของตัวเองแท้ๆ ไม่รู้ตัวเชียวหรือ”
“ใช่แล้ว เรื่องสกปรกที่ตัวเองทำแท้ๆ กลับมิรู้? น้องรองเจ้าต้องลองถามตัวเองดีๆ นะ” เชียนเอ่ยพลางหันตัวกลับไป ทว่าหลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เหลือบกลับมามองแล้วเอ่ยกับหลินหวานหว่านว่า “เมื่อครู่นี้ข้ายังไม่ได้บอกเลยว่าน้องรองลงมือกับชุดของข้า แต่เจ้ากลับพูดออกมาเอง แบบนี้หรือไม่ที่เรียกว่ายังไม่ทันถามแต่สารภาพออกมา อีกอย่างความผิดของเจ้าได้แสดงออกมาบนหน้าอยู่แล้ว”
“ข้า...แสดงออกมาอะไรกัน หลินเชียนเชียน เจ้านี่ชอบพูดจาเหลวไหลยิ่ง นังอัปลักษณ์! นังชั้นต่ำ! ข้าไม่ฉีกปากเจ้าก็ดีเท่าไหร่แล้ว” เชียนทำเอาหลินหวานหว่านเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง ระหว่างที่นางพูดก็แทบอยากจะพุ่งตัวออกไป
ทว่าเหลียนเฉียวกับหลินโยวโยวกลับขวางนางเอาไว้
“พวกเจ้าจะมาขวางข้าไว้ทำไม ให้ข้าได้สั่งสอนนังแพศยาคนนี้เถอะ!” หลินหวานหว่านแทบจะพุ่งตัวออกไป
“พี่รอง อย่าเลย...” หลินโยวโยวส่ายหน้า
เชียนหันหน้ากลับมายิ้มแล้วมองไปยังหลินโยวโยวกับเหลียนเฉียว แล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างเนิบนาบ “ใช่แล้ว พวกเจ้าขวางนางไว้ทำไม ให้นางมาจัดการข้าเลยสิ ถึงอย่างไรมารดาของพวกเจ้าก็เป็นคนดูแลที่นี่อยู่แล้ว พวกเจ้าอยากจัดการใครก็ได้ทั้งนั้น”
“หลินเชียนเชียน เจ้า! [2]ปากสุนัขของเจ้าไม่เคยงอกงาช้างออกมาเลย”
“เอ๋ ความหมายของน้องรองคือ ปากสุนัขของเจ้าสามารถงอดออกมาได้งั้นหรือ” เมื่อเชียนเอ่ยจบก็ยิ้มพลางโบกมือไปมาแล้วพาอวี้จู๋เดินกลับเข้าไปด้านใน
“หลินเชียนเชียน เจ้ากล้าว่าข้าเป็นสุนัขรึ เจ้าคอยดูข้าเถิด!”
[1] 紫檀ไม้จื่อถาน ไม้จำพวกไม้พยุง
[2] 狗嘴里吐不出象牙 ปากสุนัขไม่เคยงอกงาช้างออกมา หมายถึง คนปากเสียไม่เคยเอ่ยคำพูดดีๆ