"ให้มันเล่นจริงๆเถอะ" ไม่วายข่มขู่ทิ้งท้าย
"ลุงริทขาาา... เฟียไม่มีน้องผู้หญิง" เสียงออดอ้อนดึงมาเฟียหนุ่มหันกลับมาให้ความสนใจหลานสาวที่กำลังเริ่มพูดชัดขึ้น เขายกมือลูบศีรษะโซเฟียด้วยความเอ็นดู ชวนให้สายตาทุกคู่ในห้องโฟกัสไปที่สองคนลุงกับหลานในทันที
"ลองไปขอจากป้าเดียร์นะคะ"
"..." โดยไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดเหล่านั้นดั่งสารกระตุ้นหัวใจเจ้าของชื่อให้เต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง ดูเหมือนว่าโซเฟียจากทำตามคำแนะนำ ปีนลงจากหน้าตักซีรีย์แล้วมาเขย่าแขนเล็กของเธอจนหลุดจากภวังค์
"ป้าเดียร์ขาาา... เฟียอยากได้น้องสาว~" สายตาออดอ้อนไร้เดียงสาทำเอาไอเดียร์รีบย่อตัวนั่งคุยด้วย เธอยังคงปฏิเสธอ้อมๆ ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่หญิงสาวและโซเฟียได้เผลอสนิทสนมราวกับคนรู้จักกันมาก่อน
เรื่องที่เด็กหญิงเอ่ยขอมันคงไม่สามารถเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำสองอีก ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับชาริทกำลังจะจบลงในอีกไม่ช้า
กระทั่งถึงช่วงเย็นหลังส่งครอบครัวเลโอและซีรีย์ขึ้นรถเสร็จ มาเฟียหนุ่มก็ยังคงนิ่งไม่มีท่าทีว่าจะเหนี่ยวรั้งเธอกับลูกเลยสักนิด แม้รู้อยู่เต็มอกว่าพรุ่งนี้เช้าไอเดียร์และลูกชายจะต้องเดินทางกลับไปอยู่ในที่ของตน
.
.
เช้าวันต่อมา
"พี่ดรีมถึงไหนแล้วคะ" ไอเดียร์เเนบโทรศัพท์กับใบหู มืออีกข้างเก็บของลูกน้อยใส่กระเป๋าอย่างเร่งรีบ
[เดียร์! แย่แล้ว]
"เกิดอะไรขึ้น! พี่ดรีม" ร่างกายหยุดการเคลื่อนไหวในทันที ความกลัวต่างๆนานาถาโถมเข้ามาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
[พวกมาเฟียจากไหนไม่รู้ ยืนล้อมบ้านเราไปหมด โทรแจ้งตำรวจมาแล้ว พวกตำรวจก็รีบเผ่นกลับไป]
"..." ดวงตากลมตวัดจ้องหน้ามาเฟียหนุ่มที่กำลังอุ้มลูกน้อยตามสัญชาตญาณบางอย่าง แต่เหมือนชาริทจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรบางอย่าง
"ไม่ใช่คนของฉัน" เขารีบปฏิเสธทันที
"ยังไม่ได้ถาม"
"ก็สายตาเธอมันฟ้อง" ได้เหรอ? เพียงแค่สายตาของเธอก็สามารถตั้งคำถามกับเขาได้เป็นประโยคเชียวหรือ หรืออาจเป็นไปได้ว่าเขาได้ยินเสียงเล็ดลอดจากโทรศัพท์เพราะสัมผัสไวต่อเสียงของพวกมาเฟียมักซับซ้อนยากจะบรรยาย เธอเองก็ไม่เข้าใจและไม่อยากรู้ด้วย เธอจึงหันกลับมาให้ความสนใจกับปลายสายอีกครั้ง
"เดี๋ยวเดียร์จะหาทางออกให้ พี่ดรีมกับพ่อแม่อย่าเพิ่งออกจากบ้านตอนนี้นะคะ เดียร์ขอเวลาสิบนาที"
[เดียร์จะทำอะไร] น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยจากปลายสาย
"เชื่อเดียร์นะคะ" เธอย้ำอีกรอบเพื่อให้ปลายสายคลายกังวลแทนการให้คำตอบ เพราะไม่รู้จะพูดยังไงให้ดรีมเข้าใจความสัมพันธ์ของเธอและพ่อของลูกได้
[ก็ได้] ดรีมเสียงอ่อนลง เนื่องด้วยตอนนี้ไม่มีทางเลือกแล้ว ครั้นจะพึ่งพาเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จนปัญญา
"ค่ะ" ไอเดียร์กดวางสายพี่ชาย พ่นลมหายใจอย่างปลงตกก่อนมองหน้ามาเฟียหนุ่มอย่างชั่งใจ ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเดินไปหย่อนสะโพกมนลงข้างๆคนตัวโตและลูกชาย
"ชาริท นายช่วยไปไล่มาเฟียพวกนั้นให้หน่อยได้ไหม" ไอเดียร์เอ่ยขอร้องอย่างกล้าๆกลัวๆ ไม่แน่ใจว่าเขาจะยอมยื่นมือช่วยหรือเปล่าเพราะที่ผ่านมาชาริทก็ไม่ได้แสดงออกชัดเจนว่าเขาพร้อมจะทำเพื่อเธอได้ทุกเรื่อง
"ฉันไม่ใช่ยาพ่นยุง" เขาเบือนหน้าหนี คล้ายกำลังปฏิเสธ
"พี่ชาริท~" ไม่รู้อะไรดลใจให้เธอเรียกเขาแบบนั้น พร้อมเกาะต้นแขนแกร่งเอียงหน้าซบไหล่กว้างอย่างออดอ้อน ในขณะที่ลูกชายแหงนมองหน้าแม่และพ่อสลับกันไปมาไร้เสียงอ้อแอ้ คล้ายกำลังรอดูปฏิกิริยาของคนเป็นพ่อเช่นกัน
"ขนลุก" เขาดันหน้าผากมนออกห่าง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคำพูดนั้นส่งผลให้หัวใจแกร่งเต้นแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุ นับวันยิ่งรู้สึกไม่เป็นตัวเองเข้าไปใหญ่
"ช่วยหน่อยนะคะ"
"ผีเข้าหรือไง"
"สรุปว่าช่วยใช่ไหม" ปกติแล้ว หากเขาไม่พึงประสงค์จะรีบเอ่ยปฏิเสธไปในทันที นั่นก็เท่ากับว่าครั้งนี้เขายอมช่วยเหลือตามคำพูด
.
.
"ใส่ชุดแบบลูกน้องนายเลย" ความเงียบภายในรถถูกทำลายด้วยคำพูดของไอเดียร์ เมื่อเธอชะเง้อคอยาวมองหน้าบ้านที่ถูกรายล้อมไปด้วยกลุ่มชายฉกรรจ์ชุดดำผ่านกระจกใส
"ชุดแบบนี้มันมีแค่ลูกน้องฉันหรือไง" เขาเอียงหน้ามาตำหนิ ไม่กล้าเสียงดังเพราะเกรงว่าลูกน้อยที่กำลังหลับปุ๋ยบนหน้าตักจะตื่นขึ้นงอแง ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างเอือมระอาก่อนวางลูกชายบนเบาะรถแล้วเหวี่ยงขาเรียวลงหลังเจอาร์เปิดประตูให้
"พี่เจคะ ฝากริกด้วยนะคะ" ไอเดียร์ไม่รอเจอาร์ตอบกลับ รีบผลุนผลันลงตามชาริทไปหลบด้านหลัง ทันทีที่คนตัวโตหยุดฝีเท้านิ่งเพ่งมองไปที่กลุ่มชายฉกรรจ์ไอเดียร์จึงอาศัยจังหวะนั้นชะโงกหน้าออกไปสำรวจว่าเป็นมาเฟียกลุ่มไหน ทั้งที่ไม่แน่ใจว่าจะรู้จักหรือเปล่า
"ทำไมพวกเขาก้มหัวให้นายด้วยล่ะ" ดวงตาลอกแลกมาทางเสี้ยวหน้าคมสลับกับร่างสูงโปร่งหนึ่งในชายชุดดำซึ่งหน้าจะเป็นหัวหน้าแก๊ง กำลังสาวเท้ายาวเข้าทางพวกเธอ
"มาทำอะไรที่บ้านหลังนี้" เขาเอ่ยถามทันทีที่ผู้ชายตรงหน้าหยุดฝีเท้าก้มหน้าเล็กน้อยคล้ายกับทำความเคารพหรือไม่ก็เป็นการให้เกียรติ
"นายซื้อบ้านหลังนี้ครับ"
"ไม่จริง! พวกนายอย่ามามั่วนะ" ไอเดียร์ก้าวออกมาเถียง ความหวาดกลัวตกผนึกไปอัตโนมัติ ในเมื่อพ่อกับแม่เรียกให้เธอมาอยู่ที่บ้านแล้ว เหตุฉุกเฉินอะไรถึงจะต้องขายบ้านด้วย
"ไอ้เกอร์อยู่ไหน" ชาริทปลายหางตามองคนตัวเล็ก จากนั้นหันมาเอาคำตอบจากทีเค
เอี๊ยดดด...
ตั้งคำถามยังไม่ขาดคันรถสปอร์ตหรูที่เเล่นมาด้วยความเร็วก่อนคนขับจะเบรคกะทันหัน ส่งผลให้รถลากเป็นทางยาวราวกับถนนสาธารณะเป็นสถานที่แข่งประลองความเร็ว
ชาริทกระแทกลมหายใจด้วยความเบื่อหน่ายในตอนที่ไทเกอร์เปิดประตูรถสปอร์ตเหวี่ยงขายาวราวกับนายแบบลงมาในชุดสูทดำ จากนั้นคว้าแว่นตากันแดดขึ้นมาสวมใส่สีหน้าเคร่งขรึม มุ่งมาทางชาริทและมือขวาคนสนิทของเขา
"ดูเหมือนว่างนะ" ไทเกอร์เอ่ยทักทายก่อน
"มึงซื้อบ้านหลังนี้?" ชาริทพยักไปทางบ้านของไอเดียร์บอกจุดตำแหน่ง จนลืมสังเกตสีหน้างุนงงของไทเกอร์เมื่อเขาถอดเเว่นกันแดดออก เพ่งสายตามองบ้านเลขที่
"ไม่ กูซื้อไว้บ้านเลขที่สี่ศูนย์สาม" ทว่าบ้านของไอเดียร์เป็นบ้านเลขที่สี่ศูนย์สองซึ่งอยู่ใกล้กัน
"แล้วลูกน้องมึงทำงานภาษาอะไร" เขาตำหนิ ยังดีที่ทีเคไม่ปล่อยให้ลูกน้องพรวดพราดเข้าไปในบ้านสร้างความตกใจให้กับพ่อแม่ของหญิงสาวเสียก่อน
"ภาษาไทยสิ" ว่าแล้วไทเกอร์ก็สวมแว่นตากันแดดอีกครั้ง
"แยกไม่ออก ...ว่าลูกน้องหรือเจ้านายปัญญาอ่อน" ไทเกอร์หัวเราะเสียงต่ำแว่วให้ได้ยิน ไม่ได้เดือดดาลกับคำเหน็บแนมของชาริท
"อย่างน้อย... กูก็ไม่แย่งนมลูกกินนะ หึ" มือหนาตบไหล่กว้างชาริท จากนั้นเดินสาวเท้าไปยังบ้านที่ทำการซื้อไว้เพื่อสำหรับให้ภรรยาสาวมาพักผ่อนกับลูกน้อย หากวันไหนเกิดเบื่อบ้านหลังใหญ่ก็เปลี่ยนที่พักผ่อน ย้ายมาโซนนอกเมืองแทน
"ไอ้พวกเวร"
_____________________________________
พ่อ!!!! 5555555