เจ้าทัพ…
“เก็บคำว่ารักของมึงไปบอกยมบาลในนรกเถอะ!”
ผวัะ!
“อ๊ากก!”
ปัง! ปัง! ปัง!
“เฮ้ย! มันพาคนอื่นมาด้วย!” เสียงปืนหลายนัดที่ดังขึ้นติด ๆ กันทำให้หลายคนที่ยืนล้อมผมอยู่พากันวิ่งหาที่กำบัง ภาพในตาพร่ามัวมองเห็นพี่ชายเกี๊ยวกำลังวิ่งออกไปอีกทาง ขณะเดียวกันก็มีชายชุดดำหลายสิบคนวิ่งกรูกันเข้ามาสาดกระสุนใส่พวกก่อนหน้านี้จนหนีกระเจิงไปหมด
“นายน้อย!” เสียงคุ้นหูของไอ้ซันดังขึ้นขณะที่มันกำลังพยุงผมให้ลุกจากพื้น
“พวกมึงตามพวกนั้นไป ส่วนคนเจ็บตรงนั้นถ้ายังไม่ตายพาไปรักษาพร้อมนายน้อยแต่อย่าเพิ่งปล่อยมันไป อีกพวกตามไปจับเป็นพี่ชายคุณเกี๊ยวมา!” มันหันไปออกคำสั่งกับพวกที่เหลือโดยมีการ์ดอีกสองคนช่วยพยุงผมให้ลุกขึ้น
“มะ ไม่ต้องจับพี่ชายเกี๊ยว…” ผมพยายามตั้งสติก่อนจะพูดต่อ “…แค่ตามไปดูห่าง ๆ ส่งพี่ชายเกี๊ยวให้ถึงที่แล้วบอกกูมาว่าเกี๊ยวอยู่ที่ไหน”
“มึงโทรไปบอกพวกมันใหม่ เปลี่ยนแผนเป็นคุ้มกันห่าง ๆ แทน” ไอ้ซันบอกลูกน้องคนหนึ่งที่ยืนคุ้มกันอยู่ก่อนจะพาผมไปที่รถ
พอผมได้สติก็โดนมันสวดชุดใหญ่เพราะพาตัวเองมาเจออันตรายแถมยังไม่บอกเรื่องนี้กับมัน ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัวแต่รู้สึกโชคดีที่การ์ดคนนั้นขับรถตามผมมาห่าง ๆ แล้วก็รายงานไอ้ซันตลอดเวลาที่ตามติดผมเพราะรู้สึกถึงความผิดปกติ ไม่อย่างงั้นผมคงได้ไปบอกรักยมบาลในนรกเหมือนที่พี่ชายเกี๊ยวบอก
“แล้วมันได้บอกมั้ยว่าตกลงอะไรกับพี่ชายคุณเกี๊ยวบ้าง” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลทำให้ผมค่อย ๆ ลืมตาตื่นจากความฝัน ความฝันที่เกิดขึ้นจริงแต่ก็ผ่านมาแล้ว… ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง
ตอนนี้ผมนอนอยู่ในรถลีมูซีนที่มีระบบการป้องกันแน่นหนา ตรงข้ามผมมีไอ้ซันกับลูกน้องอีกคนหนึ่งของผมนั่งอยู่ ไอ้ซันปรายตามองผมเพียงนิดเมื่อเห็นว่าผมรู้สึกตัวแล้วก่อนจะกดวางสาย
“ยังปวดแขนอยู่มั้ยครับ” มันถามผมก่อนจะหันไปบอกลูกน้องอีกคนที่นั่งอยู่ข้างกัน “มึงเอาน้ำให้นายน้อยดิ๊ หายาให้กินด้วย” คนที่นั่งอยู่ข้างมันพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะยื่นเม็ดยาให้ผม พลันสายตาคมกริบของคนทั้งสองที่จ้องมองมาก็ทำให้ผมชะงักหลังจากรับเม็ดยามาไว้ในมือแล้ว
“เออ กูแดกเองได้ กดดันอยู่นั่นแหละ” ผมตวัดสายตามองพวกมันด้วยความไม่ชอบใจก่อนจะกินยาให้เรียบร้อย ไม่งั้นคงโดนจับกรอกปากเหมือนตอนอยู่ในโรงพยาบาลอีกแน่
พอกินยาแล้วก็นึกถึงใครบางคนขึ้นมา นึกถึงน้ำหวานเย็น ๆ ที่มีคนให้จิบแก้ขมหลังจากกินยา…
วันนั้นหลังจากที่โดนพี่ชายของใครบางคนเล่นงานเข้าผมก็ได้เข้าพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลหลายวัน นอกจากแขนหัก กระดูกแขนแตกจนต้องใช้เหล็กมาดามเอาไว้แล้วก็ยังมีแผลช้ำในที่เกิดจากการถูกเตะอีก ดีหน่อยที่ท่อนเหล็กฟาดโดนแขนผมแค่ข้างเดียว ไม่งั้นคงต้องดามแขนสองข้างแล้วก็ใส่เฝือกสองข้างแน่
กว่าจะรบเร้าขอออกจากโรงพยาบาลได้ก็โดนหมอด่าไปหลายรอบเพราะแผลยังไม่หายดี ดีหน่อยที่ไอ้ธามรู้จักหมอคนนั้นเลยช่วยพูดให้ได้ออกมาเร็วขึ้น แต่ผมคงต้องไปโรงพยาบาลบ่อย ๆ เพื่อเช็กแขนที่ยังไม่เข้าที่เข้าทาง ไม่อย่างนั้นอาจพิการได้เพราะมีความเสี่ยงที่เหล็กในแขนจะเคลื่อนสูง
“คนของเราบอกว่าคนของฝ่ายตรงข้ามที่ออกจากคุกมาพร้อมพี่ชายคุณเกี๊ยวฆ่าตัวตายไปแล้วครับ มันถูกส่งเข้าคุกหลังจากที่รู้ว่าคุณเกี๊ยวเป็นคนสำคัญของนายน้อยเพื่อไปตีสนิทกับพี่ชายคุณเกี๊ยว พวกนั้นรู้ว่าคุณหนูเจ้าสองกำลังช่วยพี่ชายคุณเกี๊ยวอยู่ก็เลยวางแผนให้พี่ชายคุณเกี๊ยวเรียกนายออกมา บวกกับพี่ชายคุณเกี๊ยวกำลังอยากฆ่านายน้อยอยู่พอดีก็เลยร่วมมือด้วย” ไอ้ซันเงยหน้ามาสบตากับผมพร้อมกับรายงานบางอย่างให้ฟัง ยิ่งฟังก็ยิ่งหงุดหงิด
“แล้วพวกที่เหลือล่ะ” ผมถามต่อ
“ตายหมดแล้วครับ ถูกยิงตายบ้าง ฆ่าตัวตายบ้าง”
“…”
“แต่เช็กข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของคนที่มันติดต่อกับพี่ชายคุณเกี๊ยวแล้วอ่านดูข้อความเก่า ๆ ที่เคยคุยกัน พี่ชายคุณเกี๊ยวไม่ได้ตกลงที่จะทำงานกับพวกมันนะครับ แค่ตกลงว่าจะล่อนายน้อยออกไปให้พวกมันเก็บเฉย ๆ” ไอ้ซันพูดต่อ
“แค่นั้นเหรอ?”
“ถ้าให้เดาคงเพราะนายน้อยกำลังจะรับช่วงต่อจากนายท่าน พวกนั้นก็เลยต้องการลดทอนอำนาจฝั่งเราลง”
“พี่ชายเกี๊ยวเกลียดกูถึงขนาดอยากฆ่าเลยเหรอวะ” ผมไม่ได้สนใจเรื่องของฝ่ายตรงข้ามแต่อยากรู้ว่าทำไมพี่ชายเกี๊ยวถึงทำแบบนั้น
“ทำน้องเขาขนาดนั้นถ้าเป็นผมคงจ้างนักฆ่ามาเก็บแล้วล่ะครับ” ลูกน้องที่นั่งอยู่ข้างไอ้ซันพูดขึ้นพร้อมกับถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ผมจำได้ว่ามันเป็นคนเดียวที่เกี๊ยวคุยด้วยมากที่สุด เพราะมันช่วยงานในผับแล้วก็ดูแลความเรียบร้อยในผับช่วยผมก็เลยสนิทกับเกี๊ยว
ไม่นานนักรถลีมูซีนที่ผมนั่งมาก็เลี้ยวเข้าไปจอดในลานจอดรถประจำท่าเรือแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต
“ซี๊ด!” ผมนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเดินลงจากรถแล้วเผลอแกว่งแขนจนรู้สึกเจ็บ เฝือกอันใหญ่ที่ห่อหุ้มเอาไว้ก็เกะกะชะมัด เหล็กที่ดามแขนผมเอาไว้เพราะกระดูกแตกก็ยังไม่เข้าที่เข้าทาง ทำให้เสียวแปลบเวลาขยับและปวดตลอดเวลาจนต้องกินยาระงับปวดไว้
“ทำไมไม่รอให้แผลหายดีก่อนแล้วค่อยมาครับ ถ้าคุณพบรักกับคุณเบียร์เห็นเข้าต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ดีไม่ดีเรื่องอาจถึงหูนายท่านกับนายหญิงแล้วพวกผมก็คงซวยกันหมด” เสียงบ่นของไอ้ซันดังตามหลังผมมาหลังจากที่ผมก้าวขาลงจากรถ
“มึงเลิกบ่นกูสักทีดิ๊ซัน ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ กูรำคาญ” ผมตวัดสายตาดุ ๆ ให้มัน มันถึงได้ยอมเงียบลงก่อนจะรีบเดินตรงไปยังท่าเรือตรงหน้าโดยมีบอดี้การ์ดอีกสี่คนเดินตามหลังผมมา ตั้งแต่เกิดเรื่องผมก็ไม่เคยได้ไปไหนมาไหนคนเดียวอีกเลย คิดไม่ออกเลยว่าถ้ารับช่วงต่อจากพ่อแล้วจะเป็นยังไง
“มึงแน่ใจนะว่าคนของเราเห็นพี่ชายเกี๊ยวที่ท่าเรือนี้” ผมหันไปถามไอ้ซันก่อนจะปรายตามองไปยังผู้คนรอบ ๆ ที่เดินขึ้นลงเรือกันเป็นกลุ่ม
“ครับ เมื่อวานคนของเราบอกว่าพี่ชายคุณเกี๊ยวมาที่ท่าเรือนี้แต่ไม่ได้ตามต่อเพราะเรือเต็มพอดี พอจะขึ้นเรือรอบถัดไป เรือก็ออกไม่ได้เพราะพายุเข้า แล้วตอนที่เราตามสัญญาณโทรศัพท์มือถือของคุณเกี๊ยวเมื่อหลายวันก่อน สัญญาณก็หายไปบนท่าเรือนี้ก่อนจะไปโผล่ที่ป่าช้าวันนั้นแหละครับ” ไอ้ซันตอบก่อนจะเดินเข้าไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่หัวเรือไม่ไกลนัก ก่อนจะพูดคุยอะไรบางอย่างพลางชี้ไม้ชี้มือไปด้วย
ผมไม่ได้มาเอาคืนที่พี่ชายเกี๊ยวทำร้ายผม แต่ผมตั้งใจแล้วว่าจะปรับความเข้าใจกับเธอและขอโอกาสเริ่มต้นกันใหม่ เริ่มต้นในแบบที่ไม่ได้มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ผมอยากเริ่มจีบเธอเหมือนกับคู่รักอื่น ๆ
“เรือท่านี้ส่งผู้โดยสารกระจายออกไปอีกสามท่าในตัวเมือง แล้วก็สี่เกาะใกล้ ๆ นี้ครับ” ไอ้ซันเดินกลับมาบอกก่อนจะยกมือขึ้นบังแดดเพราะเริ่มร้อนแล้ว
“แล้วเราจะรู้ได้ยังไงวะ ว่าเกี๊ยวกับพี่ชายไปอยู่ที่ไหน”
“ผมว่าเราไปโรงแรมคุณพบรักก่อนดีมั้ยครับ ยืนตรงนี้นานไปเกินผมได้สุกแน่ ๆ เลย” มันไม่ได้ตอบคำถามแต่เดินหนีผมไปราวกับว่าไม่ได้ขอความเห็น
“แล้วพวกมึงจะใส่สูทมาทะเลเพื่อ?” ผมถามมันก่อนจะปรายตามองพวกที่เหลือที่เดินตามผมมาด้วยความหงุดหงิด แทนที่จะแต่งตัวปกติเหมือนชาวบ้านจะได้ไม่ผิดสังเกต นี่ถ้าให้ไปสืบงานพวกมันคงโดนสั่งเก็บก่อนชาวบ้านเขา
“ใส่ชุดอื่นแล้วไม่ชินนี่ครับ”
“งั้นมึงก็ร้อนต่อไป”
***ฝากเอ็นดูอีบุ๊คของอิพี่กับยัยน้องในธัญวลัยด้วยนะคะ