หลายชั่วโมงต่อมา
"ชาริท" ไอเดียร์เรียกมาเฟียหนุ่มตามหลังในตอนที่เขาอุ้มลูกเดินนำไปขึ้นรถ ตั้งแต่ที่เขาพูดกับเธอในช่วงสายจนถึงตอนนี้ก็ยังไร้วี่แววจะยอมสนทนาด้วย ไม่รู้เธอไปเผลอทำอะไรให้เขาไม่พอใจนักหนา
"หยิ่งชะมัด" เธอต่อว่าเสียงเบา พร้อมกับแยกเขี้ยวใส่เมื่อเขาก้าวขึ้นไปบนรถเรียบร้อย ไม่ยอมมองหน้าเธอเลยสักเสี้ยวเดียว ไอเดียร์กระแทกลมหายใจด้วยความหงุดหงิด ก่อนตามขึ้นไปนั่งข้างๆคนขี้งอน
บริบทในรถยนต์คันหรูเงียบสนิทมีเพียงเสียงคลื่นจากเครื่องยนต์เล็ดลอดเข้ามา จังหวะลมหายใจของคนตัวโตเรียกให้หญิงสาวเอียงหน้ามองเขาอีกครั้ง ลองชวนคุยอีกสักตั้งหากไม่ประสบผลสำเร็จขอเป็นฝ่ายยอมแพ้รอวันที่อีกฝ่ายหายจากความขุ่นเคือง
"นี่ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเผลอทำอะไรให้นายไม่พอใจ แต่ถ้านายไม่อยากคุยด้วยฉันก็จะไม่ยุ่ง"
"..." ไร้ปฏิกิริยาโต้ตอบ ชาริทยังคงนั่งนิ่งกอดริกเตอร์ที่นั่งบนตักพอหลวมๆ
แล้วทำไมเธอต้องมานั่งแคร์ความรู้สึกของเขาล่ะ? ก็ในเมื่อที่ผ่านมาก็ต่างคนต่างใช้ชีวิตใครมัน มันน่าเจ็บใจที่ไม่สามารถหยุดความคิดเหล่านั้นได้ เพียงแค่ถูกเมินเฉยก็รู้สึกกระวนกระวายใจเสียเอง หรือเธอกำลังรัก... ไม่ได้นะ! เธอจะเผลอหลงรักผู้ชายอันตรายอย่างชาริทไม่ได้
ไอเดียร์สะดุ้งเล็กน้อยหลุดจากภวังค์หลังโต้เถียงกับตัวเองในความคิด เมื่อมือเล็กของริกเตอร์ยืนมากุมนิ้วชี้เธอ รั้งไปแตะบนหลังมือคนเป็นพ่อ และมันก็ทำให้มาเฟียหนุ่มก้มหน้ามองการกระทำของลูกเช่นกัน
หัวใจแกร่งดั่งหินผากระตุกวูบกับการกระทำไร้เดียงสา ลูกชายคงไม่อยากเห็นพ่อกับแม่ทำตัวห่างเหินกันถึงได้แหงนหน้าขึ้นสบตาคนเป็นพ่อสื่อสารเป็นนัยๆ คนไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆกลับต้องมารู้สึกอ่อนไหวเพียงเพราะแก้วตาดวงใจอ้อนวอนผ่านสายตา
'ทำไมถึงน่าเอ็นดูขนาดนี้ ลูกป๊า' เขาได้แต่คิดในใจ ยอมละสายตาจากลูกน้อยช้อนขึ้นสบตาแม่ของลูกแทน
"ฉันบอกตอนไหนว่าไม่อยากคุย" เขาพูดทำลายความเงียบครั้งแรก ประโยคนั้นดั่งน้ำเย็นชะโลมหัวใจเหี่ยวเฉาให้พองโตขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ รอยยิ้มคลายกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้าจิ้มลิ้มโดยเธอไม่รู้ตัว
แม้มาเฟียหนุ่มจะดูไร้เหตุผลในบางเรื่อง แต่สุดท้ายแล้วเขากลับเป็นคนเดียวที่คอยตามใจเธอทั้งที่เกิดมาแทบไม่ถูกพ่อแม่ตามใจเลยสักครั้ง
"ขอบใจที่พามาเที่ยวนะ" มือเรียวยื่นขึ้นไปบีบแก้มสากเบาๆพร้อมกับทำหน้ามันเขี้ยว ทำราวกับว่ามาเฟียหนุ่มเป็นเด็กไม่เกรงใจสีหน้าเคร่งขรึมของเขาเลย
"เล่นพอหรือยัง" ประโยคราบเรียบทำให้ความดีใจก่อนหน้านี้ถูกแทนที่ด้วยสติสัมปชัญญะครบถ้วน เตือนให้รู้ว่าภายในรถยังมีลูกน้องของเขาอีกสองคน
แทบแทรกแผ่นดินหนี มือเล็กทั้งสองข้างรีบดึงกลับมาประสานกันไว้บนหน้าตักรู้สึกเย็นเฉียบ เมื่อครู่นี้เขาจะรู้สึกโกรธเคืองหรือเปล่า ความสนิทสนมทำให้เธอกล้าแสดงออกกับเขาอย่างลืมตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
...อย่างไรก็ตามสองหนุ่มสาวต้องกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม ยังคงรักษากฎเกณฑ์เอาไว้ ไร้สถานะ
.
.
หลายวันต่อมา
แกร่ก~
ไอเดียร์มองผู้มาใหม่ที่เปิดประตูเข้ามาอย่างถือวิสาสะ ก่อนสวมเข็มขัดนักศึกษาชิ้นสุดท้ายให้เรียบร้อย หากบอกว่าเธอชินชากับการกระทำไร้มารยาทของเขาก็ดูจะตรงไป
"วันให้เจไปมหาลัยด้วยนะ" ชาริทเป็นฝ่ายเริ่มคุย พักนี้รู้สึกได้เลยว่าเขาเริ่มพูดคุยกับเธอมากขึ้นกว่าเดิม
"ทำไมล่ะ" ปกติเธอก็เดินทางไปคนเดียวโดยไม่เป็นภาระหรือพึ่งใครอยู่แล้ว จะมีก็แต่บางวันที่ชาริทบังคับให้นั่งรถไปด้วยกัน
"ศัตรูฉันมาฝั่งไทยเผื่อมันเล่นสกปรก ส่วนเธอจะไปไหนมาไหนโทรขออนุญาตฉันก่อน ห้ามทำตามใจตัวเองเพราะตอนนี้มันไม่ปลอดภัย"
"ห้ามอะไรของนาย นายมีศัตรูแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันเล่า" คนถูกปราบปั้นหน้าบึ้งตึง เก็บหนังสือและสมุดโน๊ตใส่ในกระเป๋าเตรียมตัวออกไปเรียน
"ให้เจตามไปด้วย เชื่อฟังกันหน่อยมันยากหรือไง" ชาริทใช้เสียงดุตักเตือน คนตัวเล็กจะรู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าบางครั้งเธอก็ดื้อยิ่งกว่าลูกเสียอีก
"ฉันไม่เป็นอะไรหรอกน่า... อีกอย่างต่อให้โดนยิงฉันเป็นคนเจ็บไม่ใช่นายซะหน่อย" ไอเดียร์แสร้งทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งที่ก้อนเนื้อข้างซ้ายเริ่มสั่นไหวกลัวอยู่ไม่น้อย
"ทำไมดื้อนักวะ!"
"ก็มันจริงนิ" ต่อให้เธอเจ็บตัวหรือเป็นอะไรไปเขาก็ไม่สะทกสะท้านอยู่ดี
"ฉันกล้ารับกระสุนแทนเธอนะ เผื่อไม่รู้"
"ทำเป็นพูด" ทั้งที่ปากสวนกลับทันควัน แต่ประโยคนั้นมันเป็นดั่งเครื่องกระตุ้นหัวใจให้เต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง ชายหนุ่มกล้าที่จะรับความเจ็บปวดแทนเธออย่างนั้นหรือ
"ให้เจไปด้วย" ชาริทย้ำเตือนอีกครั้งเมื่อหญิงสาวในชุดนักศึกษาถือกระเป๋าเดินผ่านหน้าตั้งท่าจะออกจากห้อง
"ไม่" ไอเดียร์เอี้ยวกลับมาตอบ แล้วรีบจ้ำอ้าวออกจากห้องไปโดยเร็ว ไม่ได้เอะใจหรือว่ากลัวอันตรายตามที่ชายหนุ่มตักเตือน เธอไม่มีอะไรเกี่ยวพันกับเขาแล้วเหตุใดจะตกเป้าหมายฝ่ายตรงข้าม ...แค่คิดก็นึกขำ
.
.
มหาลัย
การบรรยายในห้องเรียนที่แสนอึดอัดทำให้ไอเดียร์หายใจไม่ทั่วท้อง รู้สึกกระอั่กกระอ่วนไปหมด เนื้อหาสำคัญในการเรียนครั้งนี้ไม่สามารถเข้าโหมดประสาทรับรู้ของเธอได้เลย สายตาหลายคู่ลอบมองสุภาพบุรุษใบหน้าหล่อข้างกาย ผู้มีอิทธิพลต่อสมาธิของนักศึกษาสาวหลายชีวิตในห้อง
"ชาริท นายไม่ต้องเล่นใหญ่ก็ได้" ไอเดียร์เอียงหน้าไปกระซิบเบาๆเมื่อรู้สึกประหม่าไม่น้อย ยิ่งวิชานี้ติวเตอร์ยืนบรรยายอยู่หน้าห้องยิ่งแล้วเข้าไปใหญ่
"ฉันให้โอกาสเธอแล้ว"
____________________________________
พ่อมา!😆
เเค่คิดว่าจะลงต่อปีหน้า Feedback โหดมาก 55555