"อยากลงเล่นน้ำจัง" หลังนั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศธรรมชาติอยู่หลายชั่วโมงไอเดียร์ก็เกิดความคิดอยากลงไปเล่นน้ำเเวกว่ายโต้คลื่น ใบหน้ามนเอียงคอสบตาคนข้างๆในเชิงขออนุญาตกลับไร้วี่แวว ...คงไม่ได้เล่นตามเคย
ผิดคาด... เมื่อมาเฟียหนุ่มปล่อยให้เธอได้เล่นน้ำทะเลโดยที่เขายืนกอดอกสีหน้าเคร่งขรึมรออยู่บนฝั่ง เป็นดั่งคำโบราณกล่าวไว้ว่าความสุขมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ เพราะเผลอแป๊บเดียวก็ถึงเวลาห้าโมงเย็น หญิงตัวเล็กจึงต้องเดินกอดตัวเองเดินกลับบ้านพักพร้อมกับชาริท
.
.
ไอเดียร์ชะเง้อคอมองผ่านหน้าต่างหลังอาบน้ำแต่งตัวเตรียมเข้านอนในช่วงสองทุ่มโดยประมาณ ตอนนี้เธอยังไม่เห็นวี่แววของลูกชายและมือขวาคนสนิทของชาริท รู้แต่เพียงว่าช่วงประมาณหกโมงเย็นเจอาร์บอกคุณย่าของริกเตอร์กำลังทำข้าวสำหรับหลาน และขอยืดเวลาออกไปก่อน ให้พ่อและแม่ของหลานรับประทานข้าวมื้อเย็นได้เลย
"เฮ้อ..." ไอเดียร์ถอนลมหายใจจนนับไม่ถ้วน เดินกลับมาทิ้งตัวลงข้างขอบเตียงรอชาริทอาบน้ำเสร็จจะได้ไปตามลูกกลับ จากนั้นให้เขาได้ไปทำงานต่อ ระหว่างรออยู่นั้นโทรศัพท์มือถือของคนในห้องน้ำก็มีสายเรียกเข้า แต่หญิงสาวกลับเลือกเมินเฉยไม่อยากยุ่มย่ามของใช้ส่วนตัวคนอื่น
Rrrr Rrrr Rrrr
เสียงโทรศัพท์ดังอยู่ใกล้มือเรียกให้ไอเดียร์ปลายสายตามอง เมื่อบนหน้าจอยังโชว์เบอร์บุคคลเดิมเกรงว่าจะเป็นเรื่องเร่งด่วนจึงเอือมมือหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูขึ้นมากดรีบอย่างถือวิสาสะ
[ริท กว่าจะรับได้นะ ถือสายรออยู่ตั้งนาน] ปลายสายแทรกขึ้นไม่ปล่อยโอกาสให้เอ่ยทักทาย
"..." ไอเดียร์ชะงักเล็กน้อยเมื่อปลายสายทำเสียงกระเง้ากระงอดราวกับแฟนสาวของชายหนุ่มเจ้าเครื่อง หัวใจดวงน้อยเริ่มบีบรัดเข้าหากันแน่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
[เย็นนี้ว่างไหม เเม่กับพ่อบ่นคิดถึงจะแย่อยู่แล้ว มาทานมื้อเย็นที่บ้าน...]
"ชาริทไม่อยู่ค่ะ มีอะไรฝากบอกได้นะคะ" ไม่รู้ผีห่าตนใดเข้าสิงสั่งให้ปากแทรกขัด
[เธอเป็นใครเหรอ ทำไมรับสายแทนริทล่ะ]
"..." กลับเป็นคนถูกถามที่ไม่สามารถให้คำตอบได้ ไอเดียร์กระชับมือถือในมือแน่นขึ้น ทำไมต้องเสียความรู้สึกเมื่อต้องย้อนประโยคนั้นกลับมาถามตัวเอง
[ฮัลโหลค่ะ ยังฟังอยู่ไหม]
"ทำอะไร" เป็นเสียงของชาริทหลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จ ได้ยินเสียงหญิงสาวคุยกับใครบางคนเมื่อเปิดประตูออกมาพบว่าไอเดียร์กำลังถือวิสาสะคุยโทรศัพท์เขา คนถูกถามเอี้ยวตัวกลับไปมองใบหน้าถอดสีเล็กน้อย มันไม่ใช่ความรู้สึกตกใจหรือหวาดกลัว แต่เป็นความรู้สึกหวั่นใจบางอย่าง
"แฟนนายโทรมา" อาการหน่วงที่หัวใจก็ถาโถมเข้ามาทักทาย ไอเดียร์ยื่นโทรศัพท์คืนเจ้าของในตอนที่มาเฟียหนุ่มเดินหน้าเข้าหา บนลำตัวมีเพียงผ้าขนหนูพันรอบเอวสอบอย่างหมิ่นเหม่ ใบหน้าคมและลำตัวยังชุ่มน้ำเล็กน้อย
กลิ่นครีมอาบน้ำอ่อนๆไม่ช่วยให้เธอรู้สึกเคลิบเคลิ้มเลยสักนิด เพราะตอนนี้ชายหนุ่มเองก็ดูนิ่งไปไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงรับโทรศัพท์มาไว้ในมือก้มมองเบอร์โชว์ที่ยังไม่มีการวางสาย
ไม่มีแม้กระทั่งคำแก้ตัวหรือประโยคอธิบายจากชาริท ไอเดียร์ปลีกตัวเดินออกมาท่ามกลางหัวใจที่อ่อนยวบ รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก
ที่แท้เขาก็มีคนรักเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วนี่เอง ไม่แปลกใจเลยเหตุใดชายหนุ่มถึงเมินเฉยไร้ท่าทีมีใจ ความใกล้ชิดสนิทสนมกันคงไม่สามารถมีอิทธิพลต่อหัวใจแกร่งของเขาได้เลย
มือเรียวยกขึ้นกุมหน้าอกข้างซ้ายสัมผัสก้อนเนื้อที่กำลังเต้นตุบตับ เธอไม่ได้รักเขาเสียหน่อยทำไมถึงต้องรู้สึกเจ็บแปลบตรงจุดนี้กัน ไอเดียร์สูดออกซิเจนเข้าเต็มปอดเรียกสติ ก่อนเสยผมปรกหน้าขึ้นพลางเค้นเสียงหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน นี่เธอกำลังเป็นบ้าอะไรกัน ทำไมต้องอาลัยอาวรณ์เหมือนกำลังเสียใจให้เรื่องไม่เป็นเรื่องด้วย
"เธอ" ไอเดียสะดุ้งหลังได้สติอีกทีก็พบว่าชาริทเปิดประตูเรียกอยู่หน้าห้อง
"มีอะไรเหรอ"
"ม๊าจะขอให้ริกนอนที่นั่นด้วยคืนนึง เธอคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม" มาเฟียหนุ่มเอ่ยถามเสียงเรียบ ทว่าว่าประโยคชั่วครู่ราวกับขออนุญาตไอเดียร์ก่อน เขาจะรู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าท่าทีเกรงอกเกรงใจมันทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิด ทำไมต้องทำเหมือนแคร์เธอด้วยในเมื่อเขาก็มีแฟนอยู่แล้วทั้งคน ทำเย็นชาใส่เหมือนวันแรกที่เจอกันยังดีกว่าอีก
"อืม" คนถูกถามพยักหน้า ขืนบอกไปว่าไม่อนุญาตก็ดูจะใจร้ายใจดำ อีกอย่างเธอแทบไม่มีสิทธิ์คัดค้านหรือพูดอะไรแล้ว คิดดูดีๆแล้วเธอน่าจะตอบตกลงรับข้อเสนอเหมือนแพรตอนช่วงเช้า ทุกอย่างระหว่างเธอกับชายหนุ่มจะได้จบกันเสียที
"เข้านอนเถอะ วันนี้ลูกค้าแคนเซิล" เนื่องด้วยลูกค้าคนสำคัญประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้ไม่สามารถเดินทางมาทันเวลากำหนดจึงได้รีบโทรขอยกเลิก และขอเลื่อนเป็นพรุ่งนี้ในช่วงเที่ยงวันแทน ซึ่งชาริทก็ไม่เรื่องมากเพราะชายหนุ่มก็อยากพักผ่อนอยู่กับครอบครัว
"..." ไอเดียร์ปลายหางตามองใบหน้าคมเล็กน้อย ก่อนแทรกตัวเข้าห้องไปล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างไม่ยอมพูดจา ไม่รู้ตัวเลยว่าพฤติกรรมเปลี่ยนไปของตนพานให้อีกฝ่ายขมวดคิ้วงุนงง
ชาริทเอื้อมมือปิดสวิตช์ไฟ แล้วสาวเท้าตามขึ้นไปล้มตัวลงข้างคนตัวเล็กที่กำลังหันหลังให้ มือหนาดึงผ้าห่มผืนใหญ่ขึ้นปกคลุมลำตัวไอเดียร์จนถึงไหล่มน
ดวงตากลมยังเหม่อมองท่ามกลางแสงไฟสลัวและความเงียบสนิท สติไม่อยู่กับร่องกับรอยคิดอะไรเรื่อยเปื่อย พยายามดึงตัวเองจากความคิดที่ชาริทอยู่ในเรื่องนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าแต่กลับไม่เป็นผล
ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่นสัมผัสได้ถึงพลังงานจากท่อนแขนคนด้านหลัง กำลังสอดแทรกใต้ผ้าห่มเข้ามาสวมกอดพอหลวมๆ เพียงแค่เขาออกแรงรั้งแผ่นหลังบางก็ชนเข้ากับแผงอกกว้าง ความขุ่นเคืองก่อนหน้านี้ถูกแทนที่ด้วยไออุ่นจากอ้อมแขนแกร่ง แม้ไม่รู้สึกเต็มใจแต่ก็ไม่ได้ผลักไส
"นายไม่ควรทำกับฉันแบบนี้นะ" ความเงียบมิดถูกทำลายลงด้วยประโยคตักเตือน
"ทำแบบไหน"
หญิงสาวเค้นเสียงในลำคออย่างเย้ยหยัน ช่างหน้าด้านตอบกลับเสียจริง นี่เขาไม่รู้จริงๆหรือไม่สนเรื่องผิดชอบชั่วดีกันแน่ การอยู่กินกับผู้หญิงอีกคนแถมมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอีกที่ มันไม่ต่างจากผู้ชายเห็นแก่ตัวเลยสักนิด ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นเขามีเรื่องผู้หญิงมากวนใจ และไม่ออกอาการเป็นเสือผู้หญิงก็เผลอลืมแอบชื่นชมในนิสัยไม่มักมาก ที่ไหนได้...
"นายมีแฟนก็ควรจะให้เกียรติแฟนนะชาริท" หญิงสาวเริ่มเสียงแข็ง
"ฉันมีแต่เมีย"
"..." มือเรียวเผลอกำผ้าห่มแน่นขึ้นด้วยความผิดหวัง ความรู้สึกถูกเขาทำลายแทบไม่มีชิ้นดี มันจุกยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์เสียอีก ทำไมต้องทำให้เธออยู่ในสถานะเมียน้อยด้อยคุณค่าด้วย การถูกประณามจากครอบครัวใหญ่มันยังไม่เจ็บเท่ากับคนที่เธอไว้ใจผลักให้ล้มลงจุดต่ำสุดของชีวิต
"ทำไมเงียบ'
"งั้นฉันก็ไม่ต่างจากเมียน้อยสินะ" น้ำเสียงสั่นเครือประชดประชัน บ่อน้ำตาถูกความอับอายกระตุ้นให้มันผลิตสายธารแห่งความเสียใจออกมาโดยอีกคนไม่อาจรับรู้ได้
"ฉันมีเธอคนเดียว จะไปมีหลวงมีน้อยทำไม"
_______________________________________
วิ่งงงงงงงง!!!!
***ช่วยสละเวลากดไลก์ให้น้อนหน่อยน้าาา🥺🥺