"นายแม่" เจอาร์เรียกผู้มาใหม่เสียงแผ่ว ส่งผลให้ชาริทและไอเดียร์หันขวับมองตามอย่างพร้อมเพรียงกัน บริบทรอบตัวเงียบสนิทไปราวกับต้องคำสาปได้ยินเพียงเสียงเดินทุกฝีก้าว ในยามที่สุภาพสตรีผู้นั้นเดินกรีดกรายเข้ามาพร้อมกับเสื้อผ้าแบรนด์เนมทั้งตัว รวมไปถึงกระเป๋าใบใหม่ราคาเฉียดล้าน
"พอดีใจร้อนหน่อย เลยต้องรีบมา" มือเรียวพัดเอาลมอย่างมีจริต ทว่าสีหน้ากับไร้รอยยิ้ม ก่อนชาริทจะดันตัวลุกไปหาอย่างใจเย็น
ไอเดียร์ก็พอจะเดาได้ว่าเธอคนนั้นเป็นใครจึงต้องนั่งลงเช็ดมุมปากให้ลูกน้อย แกะผ้ากันเปื้อนวางไว้ข้างชามข้าวบดแล้วอุ้มลูกชายขึ้นเมื่อสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย การยืนอยู่ข้างชายหนุ่มคงเป็นที่ปลอดภัยที่สุดในตอนนี้ รู้สึกไม่ไว้ใจสายตาคู่นั้นของผู้มาใหม่เลย
แรงสะกิดแขนจากเจอาร์เรียกให้หญิงสาวหลุดจากภวังค์ความคิดชั่วครู่ เริ่มเข้าใจความหมายในตอนที่ มือขวาคนสนิทของชาริทยื่นมือเข้ามาอุ้มลูกชาย หมายจะพาริกเตอร์รีบออกไปด้านนอก
"ไม่ต้องออกไปไหนทั้งนั้น! เจอาร์" ประโยคคำสั่งสามารถหยุดสองขาของเจอาร์ให้หมุนตัวกลับอัตโนมัติ ชาริทยังคงนิ่งไม่ได้โต้ตอบหรือเอ่ยแย้งมารดาเลยสักนิด
"ไม่คิดว่าลูกชายตัวเองจะซุกผู้หญิงเอาไว้" หญิงวัยห้าสิบปีปลายหางตาตำหนิลูกชาย
"ม๊ามาที่นี่ได้ยังไง" ชาริทเปลี่ยนเรื่อง เมื่อเห็นสายตาไม่เป็นมิตรจ้องหน้าหญิงคนข้างๆ
"สวัสดีค่ะ" แทนที่ไอเดียร์จะรู้สึกกลัวเธอกลับยกมือไหว้อย่างนอบน้อม บริสุทธิ์ใจพอว่าตนไม่ได้คิดหาทางจับชาริท ตามสายตาคู่นั้นบรรยายความรู้สึกมองมาที่เธอ
"ที่ต้องอยู่ด้วยกัน เพราะลูกใช่ไหม"
"ค่ะ" ไอเดียร์เป็นเจ้าของคำตอบเมื่อเห็นว่าแม่ของชายหนุ่มคุยกับตน
"งั้น... ถ้าฉันทำให้เด็กหายไปจากเธอกับชาริทล่ะ"
"ฉันคงไม่ยอมแน่ค่ะ" หญิงสาวตอบออกไปตามความรู้สึกจริง เรื่องอะไรเธอจะปล่อยให้คนอื่นมาทำร้ายลูกชายที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ต่อให้อยู่ใกล้อันตรายเธอก็จะปกป้องริกเตอร์สุดชีวิต มันคือสัญชาตญาณของคนเป็นแม่
"งั้นสิ?"
"ค่ะ" ไอเดียร์ตอบกลับประโยคหนักแน่น แต่แฝงไปด้วยความนอบน้อมไม่แข็งกระด้าง ถึงอย่างไรคู่สนทนาก็มีศักดิ์เป็นย่าของริกเตอร์ และเป็นแม่ของชาริทด้วย
"ก็ดี แล้วถ้าฉันมีขอเสนอให้เธอล่ะ"
"..." เมื่อเห็นว่าไอเดียร์ยังคงนิ่ง แม่ของชาริทจึงยื่นข้อเสนอให้ฟัง
"ฉันจะซื้อบ้านใกล้มหาลัยให้หนึ่งหลัง จัดจ้างพี่เลี้ยงเจ้าตัวเล็กให้ทั้งสองกะเช้าเย็น เธอจะได้มั่นใจว่าลูกของเธอถูกเลี้ยงอย่างดี"
"..." ไอเดียร์ยังคงไม่ไหวใจกับข้อเสนอนี้ แม้มันจะค่อนข้างดีเยี่ยมสำหรับเธอในระดับหนึ่ง ที่พักใกล้มหาลัยเป็นสิ่งสำคัญแถมยังมีคนช่วยเลี้ยงลูกในระหว่างเข้าเรียน จึงไม่แปลกที่เธอจะเริ่มลังเล ทว่าต้องชั่งใจครุ่นคิดอยู่นาน มองไม่ออกว่าแม่ของชายหนุ่มจะมาไม้ไหน
"หากเธอต้องการใช้ชีวิตเหมือนก่อนหน้าที่จะพบชาริท ข้อเสนอของฉันก็ไม่เลวนะ" ร่างอรชรเดินผ่านหน้าหญิงสาวไปหย่อนสะโพกลงบนเก้าอี้ไม้อย่างสง่า ไม่แปลกใจเลยที่แม่ของเขาได้สามีเป็นมาเฟีย
"..." ดวงตากลมเอียงมองเสี้ยวหน้าของชาริทเล็กน้อย ใบหน้านิ่งเฉยทำให้ไม่สามารถอ่านใจและความรู้สึกของเขาได้เลยว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ เผลอๆเขาคงรู้สึกเห็นชอบกับข้อเสนอแม่ตัวเองด้วยซ้ำ ที่เธอกับลูกออกไปให้พ้นตาหลังจากก่อกวนชีวิตของเขามาตั้งหลายเดือน
"ฉันไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำร้ายเธอกับหลานตัวเองหรอกนะ" ประโยคนั้นดึงให้ไอเดียร์หันกลับมาสบตาเจ้าของคำพูดอีกครั้ง
"...การที่ลูกชายคนเดียวของฉันไม่มีความสุขในการใช้ชีวิตครอบครัวแบบหลบๆซ่อนๆ ฉันก็จะช่วยให้เธอและชาริทต่างคนต่างใช้ชีวิตอย่างมีความสุข"
"..." สองมือเรียวประสานกับเอาไว้พอหลวมๆ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ฝ่ามือทั้งสองข้างเย็นเฉียบอย่างไม่ทราบสาเหตุ
"ฉันชื่อเหมือนแพร เธอจะได้เรียกถูก"
"ม๊าคิดจะทำอะไร" ชาริทแทรกขึ้นหลังเงียบอยู่นาน จู่ๆมายื่นข้อเสนอนี้ให้กับไอเดียร์โดยไม่เกรงใจเขาเลยสักนิด แถมจะแยกให้เธอไปเรียนใกล้มหาลัยอีก
"ม๊าทำเพื่อริทไง"
"ผมไม่ตลก"
"หึ ดูลูกม๊าเริ่มโมโหนะ" เหมือนแพรกระตุกยิ้ม ตวัดสายตาไปมองหน้าไอเดียร์ระหว่างหญิงสาวเริ่มชั่งใจหาคำตอบพลางมองริกเตอร์เป็นระยะ "ไงจ้ะ ฉันไม่ได้มีนิสัยเหมือนพวกมาเฟียชอบทำร้ายคนอื่นหรอก"
"ม๊ากำลังทำให้ครอบครัวคนอื่นร้าวฉานนะ เผื่อไม่รู้ตัว" ชาริทเหน็บแนมเสียงเรียบ ผู้เป็นแม่คงคิดวางแผนให้เขาแต่งงานกับคนอื่นเพียงเพราะเรื่องธุรกิจ แล้วบทสรุปก็จบเหมือนชีวิตคู่ของตัวเอง กินอยู่ด้วยกันไร้ความรักความห่วงหา
"ตามหาตั้งนาน" เสียงผู้มาใหม่ทำให้ทุกคนหันขวับมองตามอย่างพร้อมเพรียงกัน รวมไปถึงเด็กชายวัยเก้าเดือนชะเง้อคอมองปู่ตาแป๋ว
"นี่คุณยังไม่กลับอีกเหรอ" เหมือนแพรลุกไปหาสามีสีหน้าไม่สบอารมณ์ปนความรู้สึกบางอย่าง ทั้งชาริทและไอเดียร์แทบไม่เชื่อสายตา เนื่องด้วยจางเหว่ยบอกก่อนขึ้นรถวันนั้นว่าเขามีประชุมที่ฮ่องกงสัปดาห์เต็ม และจะกลับไทยมาอีกครั้งเดือนหน้า
"ปล่อยให้ลูกได้พักผ่อนบ้าง"
"เรื่องของฉัน" เหมือนแพรปลายหางตามองหลานเพียงนิด นึกขัดใจที่จางเหว่ยเข้าขัดเสียก่อน
"เลิกใส่ส้นสูงได้แล้ว แก่แล้วใส่ไปก็ไม่สวยหรอก" ผู้เป็นสามีพูดขวานผ่าซากหลังเห็นรองเท้าคู่ใจของเธอถอดอยู่หน้าประตูทางเข้า เพราะเมื่อไหร่ที่ภรรยาสวมใส่มันเธอมักจะมีอาการปวดข้อเท้าตามหลัง
"เหอะ! ไอ้เนกไทนี่จะใส่อะไรนักหนา คิดว่าตัวเป็นหนุ่มหล่อไง" ไม่วายถูกเหมือนแพรตอกกลับ
"หึงก็บอกเถอะน่า" ว่าแล้วจางเหว่ยก็เดินหมุนตัวออกไปข้างนอก ทำให้เหมือนเเพรตามไปพูดแก้ตัวสีหน้าโกรธจัดท่ามกลางสายตาหลายคู่จับตามอง
"เป็นการเอาใจใส่สไตล์คนเถื่อนสินะ" ไอเดียร์ชะเง้อคอเพ่งสายตามองตามแผ่นหลังเหมือนแพร
"ป๊ากับม๊าไม่ได้รักกัน" ชาริทพ่นลมหายใจเบาๆแล้วเดินไปอุ้มริกเตอร์จากอ้อมแขนเจอาร์ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าไอเดียร์เถียงตามหลังในใจ
_______________________________________