เกี๊ยว…
หลังจากพี่เจ้ากลับไปได้สักพัก คนของพี่เจ้าก็เอาข้าวของเครื่องใช้ของฉันมาให้ ฉันใช้เวลาจัดห้องไม่นานนักก็เสร็จเรียบร้อยเพราะข้าวของไม่เยอะมาก คิดว่าจะนอนพักสักหน่อยเพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว แต่ก็มีสายเรียกเข้าจากเบอร์คุ้นเคยโทรเข้ามาอีก
ครืด ครืด ครืด
สายเรียกเข้า >>> พี่ทัพ
“เฮ้อ! โทรมาอีกแล้ว” ฉันฟุบหน้าลงกับหมอนด้วยความเหนื่อยหน่ายเมื่อเห็นชื่อของใครบางคนโชว์ที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ นี่ไม่ใช่สายแรกที่พี่เขาโทรมาหาฉัน ตั้งแต่ที่ฉันก้าวขาขึ้นรถพี่เจ้าถิ่นและพี่เขาวิ่งตามจนเลยหน้าผับมา ฉันก็ต้องตัดสายพี่เขาทิ้งเป็นว่าเล่นเพราะเขาเอาแต่โทรเข้ามาตลอด
“อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว ขอนอนพักก่อนไม่ได้รึไง” ฉันพึมพำกับตัวเองก่อนจะปิดเสียงโทรศัพท์มือถือเอาไว้แล้วนอนต่อ ถึงในใจจะมีอะไรมากมายที่อยากพูดคุยกับพี่เขาแต่อีกใจก็เตือนตัวเองว่าให้ก้าวออกมาไม่งั้นจะถอนตัวไม่ขึ้น อีกอย่างฉันไม่อยากผิดสัญญากับพี่เจ้า ไม่อย่างงั้นคงช่วยพี่กันต์ให้ออกมาเร็ว ๆ ไม่ได้ ที่สำคัญคือตอนนี้ฉันง่วงนอน!
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“อื้อ〜” เสียงเคาะประตูด้านนอกดังขึ้น ทำให้ฉันที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาต้องรีบมองหานาฬิกาเป็นอันดับแรกเพื่อดูเวลาก่อนจะดีดตัวลุกนั่งด้วยอาการหงุดหงิดเพราะถูกรบกวนเวลานอน
“เวลาหกโมงเช้าแบบนี้ใครกันนะที่มาเคาะห้อง หรือว่าจะเป็นพี่เจ้า?” คิดได้แบบนั้นก็รีบกระโดดลงจากเตียงไปเปิดประตู แต่แล้วภาพตรงหน้าก็ทำให้ฉันต้องแปลกใจ
แกร๊ก!
“เอ่อ…” หญิงวัยกลางคนสวมชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยมองหน้าฉันพร้อมกับถอนหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะพูดบางอย่างด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดออกมา
“หนูเกี๊ยวที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่เมื่อคืนนี้ใช่มั้ย?” สีหน้าเบื่อหน่ายของคนตรงหน้ามองมาที่ฉันก่อนจะพูดต่อ “ช่วยลงไปคุยกับแฟนหนูให้ป้าหน่อย เขามาโวยวายจะเข้ามาในตึกให้ได้ตั้งแต่เช้ามืดแล้ว เดี๋ยวอีกหน่อยหัวหน้าป้ามาเข้าเวรแล้วป้าจะโดนว่าเอา”
“คะ? แต่หนูไม่มีแฟนนะคะ” ฉันถามกลับด้วยท่าทีตกใจ ไม่ใช่ว่าใครบางคนมาหาฉันหรอกนะ ตกลงพี่เขาจะไม่ปล่อยฉันไปจริง ๆ ดิ
“ป้าไม่รู้นะว่าเราสองคนมีปัญหาอะไรกัน แต่ช่วยไปบอกไอ้หนุ่มหน้าหล่อนั่นกลับไปได้มั้ย โวยวายตั้งแต่เช้ามืดแล้วนักศึกษาคนอื่นเขากลัวกันจนไม่กล้าเดินออกจากตึก”
“เอ่อ… / หรือจะให้ป้าแจ้งตำรวจ?”
“แจ้งเลยก็ได้ค่ะป้า หนูกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“เราพูดเองนะ ไม่ใช่ว่าพอป้าแจ้งตำรวจจับเขาแล้วมาคืนดีกันทีหลังแล้วมาพาลโกรธป้าล่ะ” คุณป้ามองฉันด้วยแววตาคาดโทษก่อนจะเดินถือไม้กระบองสีดำออกไป ฉันได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับปิดประตูลงด้วยความสับสน
“เล่นแรงไปหรือเปล่านะ แจ้งตำรวจจับเลยเหรอ” เฮ้อ!
“แต่พี่เขาก็มาโวยวายสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นนี่นา รวยขนาดนั้นคงไม่ติดคุกหรอกมั้ง” คิดได้แบบนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเองเพราะคงนอนต่อไม่หลับแล้ว
ฉันใช้เวลาจัดการตัวเองสักพักก่อนจะออกมาทำความสะอาดห้องและหาอะไรกิน ดีหน่อยที่ห้องพักของฉันมีตู้เย็นและไมโครเวฟเลยไม่ลำบากมาก เมื่อวานก่อนมาถึงที่นี่พี่เจ้าก็พาแวะซื้อของสดแล้วก็อาหารแช่แข็งมาไว้ให้ด้วย
ติ้ง!
เสียงแอปพลิเคชันไลน์ที่ดังขึ้นทำให้ฉันละสายตาจากหนังสือนิยายที่กำลังนอนอ่านอยู่ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ชื่อของใครบางคนที่ส่งข้อความเข้ามาทำให้ฉันลังเลที่จะเปิดอ่าน
“เปิดอ่านสักหน่อยก็ได้มั้ง แค่ไม่ออกไปเจอหน้าก็คงไม่เป็นไรแล้ว”
พี่ทัพ : จะเล่นแบบนี้ใช่มั้ย
ข้อความเก่าที่ถูกส่งมาตั้งแต่เมื่อคืนในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่พี่เจ้าพาฉันออกมาจากผับ ทำให้หัวใจฉันกระตุกวูบเพราะกลัวว่าพี่เขาจะทำอะไรแปลก ๆ ยิ่งรู้ว่าเขามีอำนาจมากพอที่จะลากตัวฉันออกไปจากตึกนี้ได้ก็รู้สึกกลัวขึ้นมา
พี่ทัพ : เธอคิดว่าจะหนีฉันได้ก็ลองดู ถ้าฉันยังไม่อนุญาตเธอก็ไม่มีสิทธิ์ไปจากฉัน
ถ้าหากเมื่อคืนนี้ฉันเปิดอ่านข้อความพวกนี้ฉันคงนอนไม่หลับแน่ ๆ แต่ก็ดีใจที่ตัวเองไม่เปิดอ่านตอนนั้นไม่งั้นคงเครียดแล้วก็กังวลจนไม่เป็นอันทำอะไร
จนกระทั่งเลื่อนมาถึงข้อความหนึ่ง
พี่ทัพ : ตอนนี้ฉันอยู่หน้าตึกเธอ จะลงมาดี ๆ หรือจะให้ฉันขึ้นไปลากเธอลงมา
ข้อความที่ถูกส่งมาในช่วงเช้ามืดที่ฉันยังไม่ตื่นทำให้ฉันขนลุก คงจะจริงอย่างที่คุณป้าพนักงานรักษาความปลอดภัยคนนั้นบอก ว่าพี่เขามาโวยวายหน้าตึกตั้งแต่เช้ามืด แต่แล้วข้อความต่อ ๆ มาก็ทำให้ฉันแปลกใจ เมื่อเนื้อหามันเปลี่ยนไปหรือหากเป็นคำพูดก็คงจะเป็นน้ำเสียงที่อ่อนลง
พี่ทัพ : ลงมาหาหน่อยได้มั้ยขอร้อง
พี่ทัพ : ฉันอยากคุยกับเธอ
พี่ทัพ : เมื่อคืนฉันนอนไม่หลับ
พี่ทัพ : ไม่มีเธอนอนข้าง ๆ แล้วฉันนอนไม่ได้
“…” เฮ้อ!
ฉันนั่งอ่านข้อความในโทรศัพท์มือถือเมื่อคนบางคนส่งข้อความแรกเข้ามาแล้วก็ตามด้วยข้อความต่อ ๆ ไปแต่ไม่ได้ตอบกลับอะไร ถึงในใจจะรู้สึกหวั่นไหวแต่ก็ไม่อยากผิดสัญญาที่ให้ไว้กับพี่เจ้า อีกอย่างฉันอยากช่วยให้พี่กันต์ออกมาเร็ว ๆ เพราะตอนนี้ฉันใช้ชีวิตแบบไร้ที่พึ่ง เวลามีปัญหาหรือเหงาก็ไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร ถ้าพี่กันต์ออกมาอย่างน้อยฉันก็ยังมีคนคอยอยู่เคียงข้าง คนที่รักและเป็นห่วงฉันจริง ๆ…
“ไม่รู้ด้วยแล้ว ไม่สนใจแล้ว” ฉันกดปิดเสียงโทรศัพท์มือถือก่อนจะโยนทิ้งบนเตียงแล้วนอนฟุบหน้าลงกับหมอนเพื่อข่มความรู้สึกหวั่นไหวของตัวเอง ฉันไม่อยากหวังอะไรลม ๆ แล้ง ๆ แล้วก็ไม่อยากทำร้ายตัวเองอีกแล้ว
“ในเมื่อเป็นคนเหมือนกันทำไมจะมีสิทธิ์เลือกไม่ได้ คิดว่ารวยแล้วทำอะไรก็ได้เหรอ ถ้ารุนแรงอีกทีนี้จะฟ้องพี่เจ้าให้จัดการเลยคอยดู” ฉันจะไม่ยอมอีกแแล้ว!
เวลาต่อมา…
แกร๊ก!
เสียงประตูห้องฝั่งตรงข้ามเปิดออกพร้อมกับประตูห้องของฉันที่ปิดลง ร่างสูงโปร่งของหญิงสาวคล้ายจะรุ่นราวคราวเดียวกับฉันก้าวออกมาจากห้องตรงข้ามพร้อมกับปิดประตูลง เจ้าของใบหน้าสวยหวานราวกับนางฟ้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับฉันพร้อมกับส่งยิ้มให้ฉันและทักทายอย่างเป็นมิตร
“เอ๋? ห้องนี้ไม่มีคนอยู่นะ เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่เหรอคะ”
“ใช่ค่ะ เพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อคืนนี้” ฉันตอบพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้
“เรียนแถวนี้เหรอคะ” คนตรงหน้าถามต่อ
“อ๋อ ใช่ค่ะ เรียนมอ B อยู่ปีหนึ่งค่ะ”
“ดีจังเรียนที่เดียวกันเลยค่ะ พี่ชื่อแอมนะคะเรียนวิศวะไฟฟ้าปีสี่”
“โหพี่เท่มากเลยค่ะ หนูชื่อเกี๊ยวนะคะ” ฉันฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้ฟังประโยคถัดมาของพี่เขา หน้าก็สวยแถมยังเรียนวิศวะอีก เรียนเกี่ยวกับไฟฟ้าซะด้วยเท่ชะมัด
“แหมหน้าตาน่ารักแล้วชื่อยังน่ากินอีกนะคะ แล้วนี่จะออกไปข้างนอกเหรอ ไปแถวไหนล่ะติดรถพี่ไปมั้ย”
“ขอบคุณค่ะแต่หนูว่าจะลงไปซื้อของหน้าตึกค่ะ เห็นมีร้านสะดวกซื้อด้วย” ฉันตอบพลางลอบมองใบหน้าสวยหวานไปด้วยขณะเดินออกมาจากตึกพร้อมกัน
“โอเคค่ะ งั้นพี่ออกไปทำธุระก่อนนะคะ ไว้วันไหนว่าง ๆ เราไปเดินตลาดหลังมอด้วยกันนะ” เจ้าของใบหน้าสะสวยหันมาสบตากับฉันก่อนจะเอื้อมมือมาบีบแก้มฉันเบา ๆ ทำเอาหัวใจฉันสั่นไหวใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาเพราะถูกคนสวยจู่โจมทันที
“ผู้หญิงที่ทำให้ผู้หญิงด้วยกันใจสั่นได้นี่… ไม่ธรรมดาเลยแฮะ” ฉันยืนอมยิ้มพร้อมกับเอามือทาบแก้มทั้งสองข้างของตัวเองไว้ขณะที่ยืนมองแผ่นหลังของพี่คนสวยเดินออกไป
“เฮ้อ! คนอะไรสวยแล้วยังมือนุ่มอีก” คิก
>>> เดี๋ยวช่วงบ่ายแวะมาลงอีกนะคะ