เกี๊ยว…
“แล้วของใช้ที่ห้องพี่ทัพล่ะคะ” ฉันเอ่ยถามคนตรงหน้าขณะที่เราเดินเข้ามาในห้องพักห้องหนึ่ง ที่นี่เป็นที่อยู่ใหม่ของฉันซึ่งตั้งอยู่หลังมหาวิทยาลัย เป็นหอพักสตรีที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยแน่นหนาและมีราคาสูงพอสมควร ส่วนมากนักศึกษาที่มาพักที่นี่จะเป็นคนที่ไม่เดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่าย เอาง่าย ๆ คือครอบครัวมีกำลังทรัพย์พอสมควรและพี่เจ้าเป็นคนเลือกให้ฉันพักที่นี่
“เดี๋ยวสักพักคนของพี่จะเอาของมาให้” พี่เจ้าถิ่นหันมาตอบก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับฉัน ก่อนจะพูดบางอย่างออกมา “พี่ขอโทษแทนพี่ชายพี่ด้วยนะที่ทำอะไรแบบนั้น ทัพเป็นคนโมโหร้ายแล้วก็ใจร้อน เมื่อก่อนตอนอยู่ฮ่องกงถูกเลี้ยงดูมาโดยมือปืนกับนักฆ่าก็เลยติดนิสัยดิบ ๆ แบบนั้นมา”
“…”
“พ่อพี่เป็นมาเฟีย”
“ระ เรื่องนั้นเกี๊ยวก็พอรู้มาบ้างค่ะ”
“ทัพก็เลยติดนิสัยหัวรุนแรงมาด้วย พี่ขอโทษเราเรื่องที่ทัพทำไว้ด้วยนะ” คนตรงหน้าสบตากับฉันอีกครั้ง แววตาคู่สวยแปรเปลี่ยนเป็นผิดหวังเล็กน้อยก่อนจะกลับมาเป็นปกติ
“ความจริงพี่เจ้าไม่ต้องขอโทษเกี๊ยวก็ได้นะคะ พี่ทัพไม่ได้ทำอะไรผิดเพราะเกี๊ยวเลือกที่จะเดินเข้าไปเอง ส่วนเรื่องที่พี่ทัพทำให้เกี๊ยวเจ็บตัว… เกี๊ยวคิดว่ามันอาจเป็นรสนิยมของพี่เขาก็ได้ค่ะ” ประโยคท้าย ๆ ที่ฉันพูดทำให้ฉันต้องหลุบตาลงต่ำเพราะความเขินอาย บางครั้งฉันก็พยายามทำความเข้าใจว่ารสนิยมทางเพศของพี่เขาอาจจะรุนแรงไปหน่อย แต่ก็ยังดีที่ไม่ถึงขั้นเลือดตกยางออกหรือมีอุปกรณ์น่ากลัวมาเสริม
“เจ้าทัพน่ะเหมือนพ่อมากเกินไป… แม่พี่ก็เลยเป็นห่วงผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้” น้ำเสียงแผ่วเบาปนกังวลของคนตรงหน้าทำให้ฉันรู้สึกสงสารขึ้นมา สงสารคนรอบตัวที่เป็นห่วงและหวังดีกับพี่เขาและที่สงสารที่สุดก็คงเป็นพี่เขา… สงสารที่ไม่มีใครเข้าใจพี่เขาจริง ๆ รวมถึงฉันก็ด้วย บางทีพี่เขาอาจต้องการใครสักคนคอยแนะนำแล้วก็อยู่เคียงข้าง คอยบอกคอยเตือนเวลาที่พี่เขากำลังทำผิด
“จากนี้ไปเราพักอยู่ที่นี่นะ พี่จะจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้เราจนกว่าจะเรียนจบ ถือว่าเป็นคำขอโทษจากพี่ที่ปล่อยให้ทัพทำร้ายเรา” คนตรงหน้าลุกขึ้นก่อนจะเดินมาตบไหล่ฉันเบา ๆ พร้อมกับส่งยิ้มให้
“ขอบคุณค่ะ อันที่จริงพี่เจ้าไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้นะคะ เพราะเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นพี่ทัพไม่ได้เป็นคนผิดทั้งหมด แต่เกี๊ยวก็มีส่วนเพราะเกี๊ยวเป็นคนเลือกเอง”
“พี่ไม่อยากให้ทัพทำร้ายใครอีก พี่กลัวว่ามันจะรุนแรงขึ้นจนแก้ไม่หาย หรือถ้ามันแก้ไม่ได้พี่ก็อยากให้ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่ชอบอะไรคล้าย ๆ ทัพ” พี่เจ้าไม่ได้สนใจสิ่งที่ฉันพูดไปแต่กลับพูดบางอย่างที่ทำให้หัวใจฉันสั่นไหวขึ้นมา “จากนี้ไปพี่อยากให้เกี๊ยวเลิกยุ่งเกี่ยวกับทัพ”
“…คะ?”
“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ พี่อยากให้เกี๊ยวกับทัพเลิกติดต่อกัน”
“พี่เจ้ากลัวว่าเกี๊ยวจะโดนพี่ทัพทำร้ายอีกเหรอคะ แต่ถ้ามันเป็นรสนิยมอย่างที่เกี๊ยวบอกเกี๊ยวว่ามันเป็นเรื่องปกตินะ…”
“ที่มองว่ามันเป็นเรื่องปกติน่ะ… เพราะเราเข้าใจเรื่องนั้นจริง ๆ หรือเลือกที่จะมองข้ามเพราะมีเหตุผลอย่างอื่น?” หัวใจฉันกระตุกวูบราวกับเด็กน้อยทำผิดแล้วโดนผู้ปกครองจับได้ ถ้าจะบอกว่าพี่เจ้าเดาถูกก็คงไม่ผิด ความจริงแล้วฉันก็ไม่ได้เข้าใจอะไรลึกซึ้งขนาดนั้นแต่เพราะรักไปแล้วก็เลยเลือกที่จะมองข้ามไป
“คือเกี๊ยว… / เลิกยุ่งเลิกติดต่อกับทัพแล้วพี่จะช่วยให้เราได้เจอกับพี่ชาย”
“คะ?”
“ครอบครัวพี่มีอำนาจมากพอที่จะทำให้พี่ชายของเราออกมาได้เร็วขึ้น ถ้าเรารับปากว่าจะเลิกยุ่งกับเจ้าทัพพี่จะช่วยเรื่องพี่ชายเรา”
“…”
“เกี๊ยวมีอนาคตที่ดีกว่านี้รออยู่ เพราะงั้นรับปากกับพี่เถอะนะว่าจะเลิกยุ่งกับทัพแล้วก็เลิกทำงานแบบนี้ซะ ระหว่างนี้พี่จะดูแลเราเอง”
“…”
“ไหน ๆ เรื่องของเรากับทัพมันก็เป็นแค่เรื่องผลประโยชน์อยู่แล้ว เพราะงั้นแค่เลิกติดต่อกันก็ไม่มีอะไรแล้วถูกมั้ย”
“…” ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงอย่างที่พี่เจ้าว่ามา แต่ตอนนี้ความรู้สึกของฉันมันเปลี่ยนไปแล้ว ฉันรักเขาไปแล้ว…
“ตอนนี้ทัพเองก็เรียนจบแล้ว ต้องไปดูแลธุรกิจของครอบครัวที่ฮ่องกง คงต้องไป ๆ มา ๆ กับไทย พี่ไม่อยากให้เกี๊ยวยึดติดกับทัพมากนัก ผู้ชายแบบนั้นน่ะเดี๋ยวก็หาผู้หญิงใหม่มาอยู่ข้าง ๆ อยู่ดี ตอนนี้เกี๊ยวยังเด็กมาก พี่อยากให้เราตั้งใจเรียนแล้วก็รอพี่ชายเราออกมา รู้ใช่มั้ยว่าพอพี่ชายเราออกมาแล้วประวัติจะไม่เหมือนเดิม”
“ค่ะ”
“คงหางานยาก เรียนก็ไม่จบ กว่าจะเริ่มต้นใหม่ก็ต้องใช้เวลาอีก คงมีแค่เกี๊ยวคนเดียวที่เป็นที่พึ่งให้พี่ชายได้”
“…” มันก็จริง
“เพื่อให้พี่ชายได้ออกมาเร็วขึ้น ได้เริ่มต้นใหม่เร็วขึ้น เกี๊ยวทำได้ใช่มั้ยเรื่องที่พี่ขอน่ะ”
“ได้ค่ะ” ฉันตอบรับพร้อมกับส่งยิ้มให้คนตรงหน้า ในเวลานี้ถึงจะเริ่มมีใจให้ใครบางคน แต่คนที่จะอยู่ข้างเราและช่วยเหลือเราไปได้ตลอดก็คือครอบครัว ส่วนพี่ทัพน่ะเขาก็แค่ซื้อเราไว้เป็นของเล่นเท่านั้น ถ้าวันนี้ไม่เบื่อเราพรุ่งนี้ก็เบื่อเราอยู่ดี สู้ตัดสินใจเดินออกมาตอนนี้ยังดีซะกว่า ต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม…
“ขอบคุณเกี๊ยวมากนะ” รอยยิ้มหวานละมุนของคนตรงหน้าส่งมาให้ฉันพร้อมกับตบไหล่ฉันเบา ๆ “มีอะไรก็โทรหาพี่ได้ตลอดนะ พี่กลับแล้วล่ะต้องไปดูลูกต่อ”
“ขอบคุณพี่เจ้ามากนะคะ” ฉันส่งยิ้มให้คนที่เดินออกจาห้องไปก่อนจะหันกลับมามองรอบ ๆ ห้อง
อยู่ ๆ ความรู้สึกว้าเหว่ อ้างว้างและโดดเดี่ยวก็ทำให้ฉันเปล่าเปลี่ยวขึ้นมา อาจเป็นเพราะฉันเสพติดใครบางคนเข้าแล้ว ผูกพันไปแล้วและชินกับการมีอยู่ พอมาถึงวันที่ต้องแยกจากกันเลยรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมา
>>> เห็นคอมเมนท์ตอนก่อนหน้าแล้วก็อดขำไม่ได้ ฮ่า ฮ่า ทุกคนพร้อมใจกันสมน้ำหน้าอีพี่หนักมาก ขำจนต้องแคปไปลงเพจเลยค่าา