บทที่ 17 ทำอาหาร (ตอนนี้) 100%
“คุณจะหนีไปอีกแล้วเหรอ” เสียงเขาดูเย็นชาและเศร้าสร้อยไปในคราวเดียวกันทำให้ไอรดาหยุดชะงัก พูดตอบเสียงแผ่วเบา
“ฉันขอโทษ”
“ขอโทษเรื่องอะไร เจ็ดปีที่แล้ว เรื่องวันก่อน หรือตอนนี้” ทินกรชันตัวขึ้นมานั่ง มือยังคงจับเธอไว้อยู่ เธอไม่ตอบ เขาถอนหายใจออกมา
“ขอโทษ มันเอาไว้ใช้กับเรื่องที่เสียใจ ที่คุณทำเมื่อกี้ คุณเสียใจหรือเปล่า” เธอยังคงนิ่ง แววตาสั่นระริก ไม่ตอบคำถาม
“ไอ … ผมไม่เข้าใจ คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่ อยากให้เป็นชายชู้อยู่แบบลับๆ? ที่ผ่านมาคุณยังเหยียบย่ำผมไม่พอเหรอ” ไอรดาส่ายหน้า น้ำตาพรั่งพรู
“ไอ … ไม่ได้มีใคร”
“แปลว่าเรื่องมีลูกมีครอบครัวคุณก็แค่กุมาเพื่อถอยห่างจากผมงั้นเหรอ” ทินกรกดเสียงต่ำน้ำเสียงแข็งกร้าว
“ไม่ใช่อย่างนั้น ไอมีลูกจริงๆ แต่ …” น้ำเสียงเธอสั่นสะท้าน คำอธิบายที่เธอไม่กล้าพูดออกมา
“เจ็ดปีที่ผ่านมา ผมเจ็บปวดเจียนตาย คุณกลับหนีไปมีความสุขจนมีลูกกลับเขา พอกลับมาคุณกลับต้องการให้ผมเลี้ยงลูกของคุณที่เกิดจากคนอื่น? ไม่คิดว่าตัวเองใจร้ายไปหน่อยเหรอ”
เธอสะอื้นเงียบๆ เธอรู้คำตอบดีอยู่แล้ว ใครจะต้องการผู้หญิงมีตำหนิอย่างเธอกัน ฝันเฟื่องไปแล้ว ทินกรหล่อขนาดนั้น เก่งขนาดนั้น ดีขนาดนั้น เขาควรได้รับคนที่ดีกว่าเธอ
“คุณคงคิดว่าผมคงโง่ขนาดจะยอมคุณทุกเรื่อง” เขาก้มหน้าพิงหลังเธอไว้ ไหล่ของเขาสั่นเทา พูดเสียงอ่อนแรง
“แต่คุณคิดถูกแล้ว ขอแค่คุณกลับมา ผมยอม”
เจ็ดปีหลังจากเธอจากไป เขาจินตนาการถึงวันที่จะได้พบเจอเธออีกครั้งมาตลอด ความรู้สึกหลายอย่างมันอัดแน่น ทั้งความโกรธแค้นที่เธอไปโดยไม่พูด ทั้งความเจ็บปวดที่ถูกทิ้งขว้าง ความเสียใจที่เหมือนเธอไม่เห็นค่าอะไรในตัวเขาเลย หรือกระทั่งความว่างเปล่าที่ตื่นมาทุกครั้งแล้วกลัวว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเหมือนฝัน
เธอหายไปอย่างไร้ร่องรอย ขายบ้านทิ้ง ไม่มีใครติดต่อได้ จนเขากลัว กลัวว่าเรื่องของเขากับเธอ เป็นเพียงแค่ความฝันตื่นหนึ่ง เขาพยายามใช้ชีวิตโดยปกติที่สุด เรื่องของเธอเป็นเรื่องเดียวที่เขาเก็บไว้ลึกที่สุดในใจ ไม่กล้าเข้าไปแตะต้อง
เขาเคยคิดว่าถ้าเธอกลับมาอีกครั้ง เขาอยากจะเข้าไปเขย่าเธอแรงๆ ร้องตะโกนถามว่าทำไมวันนั้นถึงทิ้งเขาไปโดยไม่บอกอะไรสักคำ
ถ้าตอนนั้นเธอบอกว่าไม่ต้องรอ เขาก็จะได้เดินไปข้างหน้า
ถ้าตอนนั้นเธอบอกว่าเขาไม่ดีพอ เขาก็จะพยายามให้มากกว่านี้
ถ้าตอนนั้นเธอบอกว่าไม่รักเขาแล้ว เขาจะได้ตัดใจและลืมเธอไปซะ
แต่นี่เธอไปโดยไม่ได้บอกอะไร การเป็นคนที่ไม่รู้อะไร มันเจ็บปวด เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมและไม่รู้ว่าจะตามหาเธอได้ที่ไหน เจ็ดปีที่เขาจมอยู่กับความว่างเปล่า
เจ็ดปีที่จนอยู่กับความไม่รู้
จนกระทั่งวันนี้วันที่เขาได้พบเธออีกครั้งจริงๆ มีเพียงความรู้สึกเดียวที่เอาชนะทุกสิ่ง ไม่ใช่ความโกรธ ความเสียใจ ความเจ็บปวด แต่เป็น …
ความคิดถึง
เขาคิดถึงเธอแทบบ้า
“ไอ จากนี้ไปคุณไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนใจแล้วนะ ต่อให้คุณมีใครหรือเสียใจแค่ไหน ผมก็จะไม่ปล่อยคุณไป”
ไอรดายังคงเงียบไม่ตอบคำถาม ขณะที่เขากำลังจะถอดใจนั้น
เธอถึงค่อยๆพยักหน้าตอบ
“ฟ้า ไอขอเวลา … จัดการเรื่องทั้งหมดได้ไหม”
“ได้” เขาตอบรับ “แต่อย่านานมากไป ผมอดทนไม่เก่งขนาดนั้น”
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งมองหญิงสาวที่หลับบนเตียง เขาลูบลงมาตั้งแต่หน้าผาก ดวงตา จมูกโด่งรั้น รวมถึงริมฝีปากสีซีด แล้วก้มประทับจุมพิตแผ่วเบาลงบนหน้าผากอย่างหวงแหน เขากระชับผ้าห่มให้เธอแล้วลุกขึ้นโดยระวังไม่ให้เธอตื่น เดินแยกออกไปทางห้องรับแขก ก้มเก็บกระป๋องเบียร์ลงในถังขยะ ถึงจะมีกระป๋องเบียร์มากกว่าหนึ่งโหลแต่แววตากลับแจ่มใส ไม่มีอาการของคนดื่มแอลกอฮอล์แม้แต่น้อย
เสียงสั่นของโทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้น ทินกรยกขึ้นมารับแล้วกรอกเสียงลงไป
“ฮัลโหล”
“เป็นไงบ้างวะไอ้หิน สำเร็จหรือเปล่า” เสียงคนคุ้นเคยดังมาตามสาย
“หึ” ริมฝีปากบางของเขายิ้มบางๆพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอ แม้ไม่ต้องพูดอะไร คนปลายสายก็พอเดาได้
“เออ ไม่น่าถาม แผนไร้ยางอายอย่างกลยุทธ์ทรมานตัวเองก็ขุดเอามาใช้แล้ว … ไม่สำเร็จก็แปลก แล้วจากนี้จะเอาไงต่อ”
“ไม่เอาไง ถ้าเธออยากทำอะไร ก็ให้เธอทำไป”
“แน่ใจเหรอว่ามันจะได้ผล”
“มันต้องได้ผล” เขาพูดราวกับรู้นิสัยของเธอดี น้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ “ฉันก็แค่จะดีกับเธอมากๆดีจนเธอละอายใจที่จะปฏิเสธ ส่วนเรื่องหลังจากนั้นถ้าเธอจะตัดสินใจอย่างไร มันก็แล้วแต่เธอ”
“แล้วแต่แกละกัน มีอะไรให้ช่วยอีกก็บอก”
“อืม” ทินกรกดวางสาย สายตาที่เคยเย็นชากลับพราวระยับและดูมีความสุขอย่างปิดไม่มิด ถ้าใช้ไม้แข็งแล้วเธอจะถอยหนี ก็สู้ใช้ไม้อ่อนให้เธอเข้ามาหาเขาด้วยตัวเอง หึ กลยุทธ์ทรมานตัวเอง ทุเรศไปหน่อยแต่กลับได้ผล ครั้งนี้เขาเดิมพันครั้งสุดท้ายแบบหมดหน้าตัก ถ้าเธอยังมีใจเป็นห่วงเป็นใย แวะมาดูเขาเพียงนิด เขาก็ไม่คิดจะปล่อยเธอไป แต่ถ้าเธอไม่สนใจ หมดใจไปแล้วจริงๆ เขาก็จะปล่อยเธอไป
ปล่อยได้จริงเหรอ? หึ เขาก็แค่จะใช้แผนอื่น
ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องกลับมาหาเขา
ไอรดาตื่นแต่เช้าด้วยความเคยชิน แสงจากข้างนอกเริ่มลอดผ่านผ้าม่านสาดเข้ามาในห้อง กลิ่นหอมๆของอาหารโชยมาแตะจมูก เมื่อคืนเป็นคืนที่เธอหลับสนิทที่สุดในรอบหลายปี คงเพราะกลิ่นของทินกรที่โอบล้อมเธออยู่
เดี๋ยวนะ ทินกร ?
ไอรดาสะดุ้งพรวด มองรอบห้องอย่างงุนงง ความทรงจำจากเมื่อคืนหลั่งไหลเข้ามาในหัว เธอสอดส่องมองรอบห้อง ไม่มีวี่แววของเจ้าของห้อง แม้แต่หมอนข้างๆที่วางคู่กันก็หายไป
เธอก้าวขาลงจากเตียง ค่อยๆเดินออกไปนอกห้อง มีหมอนใบใหญ่วางอยู่บนโซฟาพร้อมกับผ้าห่มที่พับไว้ เขาน่าจะนอนบนโซฟาเมื่อคืนนี้ เธอเดินตามกลิ่นอาหารเข้าไปในห้องครัว ร่างสูงกำลังหั่นผักกาดบนเขียงอย่างคล่องแคล่ว ทินกรในผ้ากันเปื้อนสีเหลืองสดใสดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก
“คุณทำอาหารเป็นด้วยเหรอ”
“ผมฝึกทำตั้งแต่ออกมาอยู่คนเดียว”
“อ๋อ” ไอรดาครางรับ
มีอะไรที่เขาทำไม่เป็นบ้างเนี่ย
แถมดูท่าทางการใช้มีด ดูแล้วไม่ใช่แค่ทำเป็นอย่างผิวเผิน หรือว่าหมอทุกคนจะทำอาหารเก่ง? เมื่อนึกถึงหมอเธอก็นึกขึ้นมาได้
“คุณ … จะลาออกจากหมอเหรอ”
“อืม แต่ไม่ใช่ตอนนี้” เสียงทุ้มตอบสั้นๆ
“เพราะฉันเหรอ?”
เขานึกไปนิดนึงก่อนตอบ “ไม่ใช่ ผมต้องกลับไปรับงานบริษัท”
“แต่หมอคือความฝันของคุณไม่ใช่เหรอ”
“ผ่านมาหลายปี ความฝันผมก็เปลี่ยนแล้ว”
เธอนิ่งเงียบอย่างไม่รู้จะพูดอะไรต่อ คนอย่างทินกร ถ้าตัดสินใจทำอะไรไปแล้ว ใครจะพูดอย่างไร เขาก็ไม่เปลี่ยนใจ ทุกอย่างที่เขาทำล้วนผ่านความคิดอย่างมีเหตุผลและละเอียดถี่ถ้วนมาแล้ว
“ฉันช่วยไหม?” ทินกรหรี่ตามองเธออย่างไม่แน่ใจ
“คุณทำอาหารไม่เป็นไม่ใช่เหรอ”
“ฉันทำเป็นแล้ว ฉันต้องทำให้พวกเขากินทุกเช้า”
พวกเขา? พ่อของลูกเธอ?
สรรพนามแทนตัวที่เหินห่างรวมถึงประโยคความนัยสั้นๆ ทำให้ทินกรหยุดชะงักไปชั่วครู่ ความไม่พอใจตีขึ้นมาอย่างรวดเร็วเมื่อคิดว่าเวลาที่เขาเคยใช้คิดถึงเธอทุกวันอย่างทรมาน แต่เธอกลับใช้มันอย่างมีความสุขกับคนอื่น
“ไม่ต้อง คุณไปนั่งเถอะ” เขาตอบเสียงเรียบ
ไอรดารับรู้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของคนตรงหน้า ก็เดินไปนั่งที่อย่างโดยดีไม่กล้าเซ้าซี้ แต่ก็พยายามชวนคุยต่อเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
“แต่เด็กๆน่ะ กินยากมาก ผักนู่นก็ไม่กิน ผักนี่ก็เหม็นเขียว แต่มันดีต่อร่างกาย ฉันเลยต้องหาเมนูใหม่ๆมาคอยหลอกล่อตลอด”
เธอทำให้ลูกกิน?
ประโยคถัดมากลับทำให้หัวใจที่ว้าวุ่นของทินกรกลับไปอยู่ที่เดิมอย่างรวดเร็ว บรรยากาศที่หนักอึ้งก็กลายเป็นผ่อนคลาย
ไอรดามองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่กำลังทำอาหารอยู่ ภาพที่เธอเคยจินตนาการมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ตื่นมาพร้อมกัน ทำอาหารด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ในใจจุดประกายความสุขขึ้นมาเล็กๆ
ถ้าเป็นแบบนี้ตลอดไปก็คงดี
พอกินข้าวเสร็จ เธอก็ขับรถกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก่อนเข้าไปทำงาน รถคุ้นตาที่จอดหน้าบ้านทำให้เธอหยุดชะงักเล็กน้อย บนโซฟาของห้องรับแขกมีร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มนั่งอยู่ สายตาจ้องมาทางเธอด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก
“เมื่อคืนไอไม่ได้กลับบ้านเหรอ” เสียงเข้มถามขึ้นเรียบๆ
“ไอต้องแก้งานนิดหน่อย เลยนอนที่นู่นเลย”
“ไอคิดว่าเราไม่รู้เหรอ ว่าไอไปไหน” ชายหนุ่มกำมือแน่นเพื่อข่มอารมณ์ลง สีหน้าฉายเรียบตึงฉายแววไม่พอใจ “ไอแน่ใจแล้วเหรอว่าจะทำแบบนี้”
ไอรดาเม้มปากแน่น ไม่ตอบอะไร
“แล้วไอจะเสียใจ”
ชายหนุ่มลุกยืนขึ้น สายตาทอประกายแววโรจน์ เดินผ่านไอรดาออกไปทางประตูบ้าน
“ขอร้องเถอะอาร์ อย่ายุ่งกับเขา เขาไม่เกี่ยวอะไรเลย เราต่างหากที่ผิด” ไอรดาพูดขึ้น ร่างสูงใหญ่หยุดชะงัก
“ตกลงจะไม่เลิกยุ่งกับมันใช่ไหม”
“อาร์ ไอขอร้อง”
“แล้วเราจะเห็นดีกัน”
-------------------------------------------------------------
ว่าได้คืนดีกันจริงๆหรือเปล่าเนี่ย หรือยังไงดี อิอิ
คอมเมนท์คุยกันได้นะคะ คอมเมนท์เป็นสติ๊กเกอร์มาก็ได้ค่า