บทที่ 13 วันที่เธอหายไป (ตอนนี้) 100%
“สวัสดีครับ”
ไอรดาเงยหน้าขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงคนที่ไม่คุ้นเคย
ไม่ใช่เขา …
“ผมศรันครับ ต่อไปจะมารับหน้าที่ดีลงานกับคุณไอรดาแทนคุณทินกร”
“โอเคค่ะ ดิฉันไอรดา เชิญนั่งเลยค่ะ”
ไอรดาผายมือลงเก้าอี้ด้านหน้า ข่มความรู้สึกข้างในให้มันลึกลงไป
ไม่ต้องให้ใครบอกก็รู้ เขาคงกำลังหลบหน้าเธอ นี่น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเธอและเขาแล้ว
ไม่ต้องเจอกันอีกต่อไป
อุณหภูมิสูงในช่วงบ่ายของประเทศไทยเรียกเหงื่อจากผู้คนที่เดินไปมา ดวงอาทิตย์ดวงโตแขวนเหนือศีรษะ ด้วยอุณหภูมิที่สูงขนาดนี้ทำให้แอร์คอนดิชันในอาคารไม่เย็นเท่าที่ควรทำให้หญิงชราร่างผอมบางรู้สึกหน้ามืดขึ้นมากะทันหันทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในอาคารจนเกือบทำถุงใส่กล่องอาหารให้มือร่วงลงพื้น
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ทันทีที่นางเกือบทรุดลง มีมือเล็กของเด็กชายเข้ามาประคองไว้อย่างทันท่วงที แววตากลมโตบนหน้าจิ้มลิ้มมองอย่างเป็นกังวล จริงๆ แกรมป้า (grampa) บอกไม่ให้ช่วยคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้า แต่ว่าแกรนนี่บอกว่าถ้าคนแก่ล้มลงพื้นจะไม่ดี เพราะกระดูกไม่แข็งแรง เชื่อแกรนนี่ (granny) ก่อนละกัน เด็กชายคิด
“ผมช่วยถือนะฮะ” ทันใดนั้น เด็กชายหน้าตาเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วก็โผล่ขึ้นมาอีกข้างพลางถือถุงที่นางเกือบทำหล่นไว้ หญิงชราตั้งสติชั่วครู่ เอ นี่นางตาลายจนเห็นเด็กชายมีสองคนหรือ พอตั้งสติสักพักก็พบว่าเป็นเด็กแฝดชายหน้าตาน่ารักคู่หนึ่ง
“ขอบคุณจ้ะ”
“มานั่งตรงนี้ก่อนนะครับ” เด็กชายคนแรกจูงมือหญิงชรามานั่งบริเวณเก้าอี้สำหรับผู้รอคิวในโรงพยาบาล ตามมาด้วยคนที่สองที่ถือถุงอาหารตามมา
“มิสครับ” เด็กชายคนแรกเรียก ก่อนเด็กชายคนที่สองจะกระทุ้งศอกขัด
“ที่นี่ประเทศไทยต้องเรียกแบบไทยๆ สิ คุณป้า คุณย่า คุณยาย เอ๊ะหรือต้องเรียกว่าคุณทวด” เด็กชายคนที่สองขมวดคิ้วเกาหัวแกร่กๆ
“ต้องคุณยายสิ แกรมป้าบอกว่าเวลาเรียกคนไม่รู้จักที่ไทย ต้องเรียกเป็นญาติฝ่ายแม่” เด็กชายคนแรกเถียง
“แต่แกรนนี่เราไม่แก่เท่านี้สักหน่อย” เด็กชายคนที่สองโต้กลับทำให้เด็กชายคนแรกไม่พอใจกระซิบกระซาบเบาๆ
“ไม่มีมารยาท มัมบอกห้ามพูดคำว่าแก่กับผู้หญิง I will tell mom”
เห็นเด็กชายทั้งสองเปิดสงครามส่วนตัวเบาๆ สายตาหญิงชราอ่อนลงด้วยความเอ็นดู นางเองก็อยากมีเหลนน่ารักๆ แบบนี้มาวิ่งในบ้านเหมือนกัน นางเอ่ยปรามการทะเลาะของสองแฝดด้วยน้ำเสียงใจดี
“เรียกคุณยายก็ได้ลูก”
“คุณยายมาหาหมอเหรอฮะ” เห็นหญิงชราเอ่ยปรามให้ เด็กชายคนที่สองหันไปแลบลิ้นปลิ้นตาให้พี่ชายแล้วชวนหญิงชราคุยเสียงเจื้อยแจ้ว
“เปล่าจ้ะ ยายมาหาหลานที่เป็นหมอ”
“เป็นหมอเหรอฮะ ถ้างั้นคุณยายคงถูกจับฉีดยาบ่อยๆ” เด็กชายทำหน้ามุ่ย เอามือลูบก้นด้วยความเสียววาบ เขาไม่ค่อยชอบถูกฉีดยาเท่าไร
ยิ่งมองสองแฝดที่ช่างเจรจาก็ยิ่งเข้าตา นางคิดในใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะวัยของนางที่อยากมีเหลนเต็มแก่ทำให้นางรู้สึกถูกชะตาของเด็กทั้งสองหรือความน่ารักของทั้งสองที่ทำให้ใครๆ ก็นึกเอ็นดูกันแน่
“พวกเราก็มาหาแกรนนี่เอ่อ คุณยายของเราน่ะครับ”
“แต่คุณยายของเราเป็นคนป่วยนะฮะ ไม่ใช่หมอ” เด็กชายคนที่สองเอ่ยเสียงใส
“คุณท่านครับ ขอโทษที่มาช้า” พิพัฒน์คนขับรถรีบวิ่งมาด้วยเสียงเหนื่อยหอบแล้วก้มหัวขอโทษ
“คุณลุงดูแลคุณยายดีๆ หน่อยสิฮับ คุณยายจะเป็นลม” เด็กชายรีบหันไปฟ้อง ทำเอาพิพัฒน์หน้าซีดกว่าเดิม แต่หญิงชรากลับหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างเอ็นดู
“ถ้าคุณยายมีคนดูแลแล้ว งั้นพวกเราขอตัวนะครับ” แฝดผู้พี่พูดขึ้น แฝดคนทั้งสองยกมือไหว้เป็นการบอกลาพร้อมรอยยิ้มสดใสแล้วเดินจากไป
“สวัสดีครับย่า พยาบาลบอกว่าเห็นคุณยายรออยู่ข้างล่าง” คนเป็นหลานชายสวมเสื้อกาวน์สีขาวทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้ายกมือไหว้ เดินสวนสองแฝดเข้ามาหาหญิงชรา
“ย่าเอาข้าวมาให้กลางวันมาให้”
“ไม่เห็นต้องลำบากเลยครับ ผมกินแถวนี้ก็ได้” ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความเกรงใจ
“ถ้าย่าไม่เอามาให้ ฟ้าก็ทำเป็นลืมกินข้าวทุกที” หญิงชราเอ็ดเบาๆ แกมหัวเราะด้วยความที่รู้นิสัยของหลานชายตัวเองดีก่อนถอนหายใจขึ้นมาเบาๆ
“เมื่อกี้ย่าเจอเด็กแฝดน่าเอ็นดูเชียว เห็นแล้วอยากมีเหลนบ้าง ไม่รู้คนแถวนี้จะทำให้ย่าสมหวังได้รึเปล่า” ชายหนุ่มเหยียดยิ้มบางเบาแทนคำตอบ ก่อนประคองคนเป็นย่าออกไปจากโรงพยาบาล
---------------------------------------------------------
คอมเมนท์ให้กำลังใจเค้าหน่อย <3