"แหกปากเสียงดัง เดี๋ยวลูกก็ตื่นหรอก" เสียงตำหนิจากทางด้านหลังทำให้ไอเดียร์นิ่งเงียบไปเมื่อจำได้ว่ามันคือเสียงของเจ้าของบ้าน เธอคลายมือออกจากข้อมือหนาอัตโนมัติ
"อื้อ!" เสียงร้องประท้วงอู้อี้ในลำคอเมื่อเขาไม่ยอมคลายฝ่ามือออกจากการปิดปาก
"..." เสียงพ่นลมหายใจแรงกระทบใบหูบาง ในตอนที่ละมือออกปล่อยให้ริมฝีปากเธอพ้นเป็นอิสระ ไอเดียร์รีบสะบัดหน้ามองผู้กระทำทันทีด้วยสายตาเลิกลั่กเมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์อึดอัดท่ามกลางแสงจันทร์ ถ้าเขาและเธอเป็นคู่รักมันก็อาจจะโรแมนติกไม่ใช่น้อย ...แต่นี่ไม่ใช่
"นะ..นายออกมาทำไมตรงนี้" ความอึดอัดทำให้เธอต้องเป็นฝ่ายทำลายลงด้วยการตั้งประโยคคำถามตะกุกตะกัก สองขาก้าวถอยหลังเว้นระยะห่างสองก้าวอัตโนมัติ ไม่ละสายตาไปจากใบหน้าคม
"นี่บ้านของฉัน ฉันจะเดินไปไหนมาไหนก็ได้"
"ตามใจ งั้นฉันจะนอนเอง" สองขากำลังจะกลับเข้าไปในห้องหยุดชะงักเมื่อเขาพาดท่อนแขนค้ำกับขอบประตูไม่ให้ทาง แสงจันทร์สาดกระทบใบหน้าคมนิ่งเฉยแม้แสงสว่างไม่เพียงพอยังสามารถมองเห็นสีหน้าของเขาชัดเจน
"ฉันยังไม่ง่วง"
"ไม่ง่วงก็เรื่องนายสิ พรุ่งนี้ฉันมีเรียนเช้าต้องรีบนอน"
"ถ้ารีบนอนแล้วจะออกมานอกระเบียงทำไม"
เมื่อไม่สามารถให้คำตอบได้ก็จำหันหน้ากลับไปทิศทางเดิม เธอเดินไปวางมือเล็กบนราวระเบียงทั้งสองข้างเงียบๆ ช่างน่าแปลกเมื่อถึงตอนนี้แล้วกลับไม่รู้สึกง่วงเลย และเมื่อปลายสายตามองคนข้างๆก็อดข้องใจไม่ได้
"นายมีอะไรจะคุยกับฉันหรือเปล่า"
"ครอบครัวเธอ... ไม่ว่าเหรอ มาอยู่บ้านผู้ชายแบบนี้" ชาริทเอ่ยถามโดยไม่อ้อมค้อม ไม่ลืมเหลือบมองสีหน้าหญิงสาวว่าเธอกำลังมีท่าทีแบบไหน
"ครอบครัวฉันน่ะเหรอ... ไม่ว่าหรอก ฉันทำให้พ่อแม่อับอายน่ะ ก็เลยโดนไล่ออกจากบ้าน"
"เรื่องที่เธอท้องสินะ" เขาพูดเสียงเบาลง
"อืม ฉันเข้าใจพวกท่านดี คนเราพอคาดหวังกับอะไรสักอย่างแล้วต้องผิดหวัง ก็ต้องรู้สึกโกรธและเสียใจเป็นธรรมดา"
"..." มาเฟียหนุ่มเลือกเป็นฝ่ายเงียบเมื่อเห็นเธอเริ่มมีปฏิกิริยาอยากระบายอะไรบางอย่าง
"ฉันก็อยากเรียนจบแล้วหางานทำดีๆ จะได้มีเงินเยอะๆส่งให้พ่อกับแม่ได้ใช้ ครอบครัวฉันก็ฐานะธรรมดาไม่ได้ร่ำรวย นี่ตอนเรียนอยู่ขนาดฉันทำงานพาร์ทไทม์ไปด้วยยังเกือบไม่พอค่าใช้จ่ายเลย พอพ่อกับแม่บอกว่าจะไม่ส่งฉันเรียน ชีวิตเหมือนดิ่งลงเหวเสียกว่าตอนรู้ว่าตั้งท้องซะอีก"
"ลำบากขนาดนั้น?"
"ใช่สิ นายไม่เคยลำบากจะไปรู้อะไร พี่ชายฉันก็กำลังสร้างครอบครัวไม่อยากรบกวนด้วย เลยต้องตัดสินใจดรอปเรียน เฮ้อ...แย่มากๆเลย ฉันอยากจะตามฆ่านายทุกวันเลยรู้ไหม"
"ตัวเท่าลูกหมา จะทำอะไรฉันได้"
"ก็ไม่ได้น่ะสิ แต่ก็อย่างว่าล่ะนะทุกปัญหาย่อมมีทางออก"
"..."
"เหมือนเทวดามาโปรด... พี่เตอร์รุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่าฉันเรียนจบหมาดๆ ไม่ทันไรก็เข้าไปช่วยงานธุรกิจครอบครัว พี่เขายื่นมือมาช่วยให้ฉันได้ไปทำงานด้วยทั้งที่ฉันยังเรียนไม่จบแถมยังตั้งท้องอีก"
"ไอ้หน้าอ่อนนั่นน่ะเหรอ เหอะ!"
"นี่อย่ามาว่าพี่เตอร์นะ พี่เขามีบุญคุณกับฉันมากเลยนะรู้ไหม ถ้าไม่ได้พี่เขาฉันเองก็ไม่รู้จะทำยังไงดี" ชาริทเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเมื่อหญิงสาวยังเอ่ยชมติวเตอร์ไม่ขาดปาก
ชาริทปลายหางตาเล็กน้อยเมื่อจู่ๆไอเดียร์ก็เงียบไปสักพัก สีหน้าเธอดูเปลี่ยนไปไม่ร่าเริงเมื่อตอนพูดชมเปราะถึงชายอีกคน
"แล้วทำไมไม่รักกันซะล่ะ หรือหาจังหวะจะทิ้งลูกไว้กับฉัน" ชาริทเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ
"นายมองดูดวงจันทร์นั่นสิ" เธอชี้นิ้วให้อีกฝ่ายมองตาม ทำให้เขาตวัดสายตาขึ้นมองดวงจันทร์ที่ลอยเด่น ฉายแสงสว่างอยู่บนท้องฟ้าท่ามกลางหมู่ดาวนับล้านดวง
"แล้ว?"
"พี่เตอร์ก็เหมือนดวงจันทร์ ส่วนดวงดาวคือคนที่คู่ควร และฉันก็เป็นเเค่คนเดินดินได้แต่มอง"
"น้ำเน่า" ชาริทส่ายหน้าแล้วเดินกลับเข้าไปนอน ทิ้งให้อีกคนยืนเกาท้ายท้อยเเล้วตามไปนอนตำแหน่งเดิมในที่สุด
.
.
วันต่อมา...
ไอเดียร์เดินวกไปวนมาภายในห้องครัวตั้งแต่เช้าตรู่ เธอส่งต่อลูกชายให้กับเจอาร์ดูแลแทนระหว่างรอพี่เลี้ยงมาทำงาน หญิงสาวตักผัดผักใส่จานหลังปิดเตาแก๊สเรียบร้อย เสียงแว่วคล้ายริงโทนโทรศัพท์ทำให้สองเท้าทำหน้าที่เร่งออกไปโดยเร็ว แต่ต้องชะงักเมื่อพบว่าชาริทนั่งไขว่ห้างจิบกาแฟอยู่บริเวณนั้นพอดี
"นาย เมื่อกี้ฉันได้ยินเสียงเหมือนโทรศัพท์ดัง มีใครโทรเข้าเบอร์ฉันหรือเปล่า"
"..." มาเฟียหนุ่มตวัดสายตาขึ้นมองหน้าเจ้าของคำถาม ก่อนเลื่อนสายตาออกไปมองด้านนอกไม่ใส่ใจกับประโยคเมื่อครู่นี้ ไอเดียร์ส่ายหน้าน้อยๆเดินเข้าไปล้างมือในครัวแล้วเดินออกมาอีกครั้ง
หญิงสาวชะเง้อมองหาโทรศัพท์ของตนก่อนจะพบว่ามันวางอยู่ข้างๆเขา ซึ่งไม่รู้ว่าเผลอวางไว้ตำแหน่งนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่เพราะปกติแล้วเธอไม่ชอบวางโทรศัพท์ไว้บนโซฟา ดวงตากลมปลายหางตามองเสี้ยวหน้าคมเล็กน้อยพร้อมกับเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์
"อ้ะ!" ไม่ทันที่จะคว้ามือถือกลับได้สำเร็จก็ถูกคนข้างๆตะกุกท่อนแขนเล็กส่งผลให้ร่างอรชรล้มไปนั่งบนหน้าตัก หัวใจดวงน้อยกลับเต้นแรงขึ้นมาดื้อๆเมื่อได้กลิ่นหอมประจำตัวชายหนุ่ม
"หนักอย่างกับหมู" หมดกันความเขินอาย
"ก็นายมาดึงแขนฉันทำไมล่ะ" ไอเดียร์เถียงกระฟัดกระเฟียดลงจากตักได้สำเร็จ คว้าโทรศัพท์แล้วเดินขึ้นกระแทกเท้าไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนลงมาทานข้าวไปเรียน
มหาลัย
เธอยังเดินทางไปเรียนเหมือนวันแรก ในใจนึกอยากนำเงินก้อนซื้อจักรยานยนต์สักคันเพื่อใช้ขับเวลาเปลี่ยนรายวิชา ยิ่งเข้าช่วงหน้าฝนแล้วการเดินทางก็ยิ่งจะลำบากมากขึ้นหลายเท่าตัว
"เดียร์ วันนี้มีเรียนเช้าเหรอ" เธอชะเง้อมองหาต้นเสียงตามสัญชาตญาณ
"อ้าว พี่เตอร์ ทำไมวันนี้มาเช้าจังเลยค่ะ" เธอไม่ได้ให้คำตอบและยังเปลี่ยนเป็นเจ้าของคำถามแทน
"วันนี้มีสอนแปดโมงครึ่ง"
"ปีสี่ก็มีเรียนเช้าเหมือนมัธยมเลยเนอะ ดีนะมีเรียนเช้าสุดวันเดียว"
"อ้อ! เเล้วพี่โทรไปถามว่าจะมามหาลัยพร้อมกันไหม พี่จะได้ไปรับทำไมไม่พูดล่ะ เงียบแล้วตัดสายเฉยเลย"
"หืม? เดียร์เนี่ยนะ พี่เตอร์จะโทรหาเดียร์แล้วไปติดสาวอื่นหรือเปล่าคะ" ไอเดียร์พูดติดตลก
"พี่พูดจริงๆ โทรอีกเดียร์ก็ตัดสาย"
"..."
_______________________________________
วันนี้มา 2 ตอนไม่ได้ เดี๋ยวลงพรุ่งนี้แทนน้าาาา
ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ เทียร์ดีขึ้นบ้างแล้ว❤
ฟังเพลงที่ชอบแล้วฮึกเหิมมาก
แต่!!... เหมือนร่างกายกำลังทะเลาะกับสมองประมาณว่า เมิงเพิ่งจะหายนะยังมีอารมณ์ศิลปินอีกหรอ 55555
ก็ยังอึนๆอยู่เเต่พอเขียนได้แหละ😂