บทที่ 3 แรกพบสบตา (ตอนนี้) 50%
“พี่ฝนคะ คุณหมอหล่อๆ ที่เป็น resident แผนกศัลยกรรมคนนั้นเป็นใครเหรอคะ”
พยาบาลสาวที่เพิ่งมาอยู่ใหม่ป้องปากกระซิบถามพยาบาลสาวรุ่นพี่เบาๆ หลังจากเช้านี้เธอราวน์วอร์ดรอบเช้าแล้วบังเอิญเจอชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาว แถมหน้าตาดีแบบสุดๆ เข้ามาเช็กอาการคนไข้ที่เพิ่งผ่าตัดพอดี
“อ๋อ คุณหมอทินกรน่ะเหรอ”
“ใช่ค่ะ คนนั้นแหละ”
“ถ้าจะให้เมาท์น่ะยาว” พยาบาลสาวรุ่นพี่ป้องปากตอบด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
“หมอทินกรน่ะ ไม่ใช่แค่หล่อนะยะ แถมเก่งอีกต่างหาก ตอนเรียนเคยตีพิมพ์ผลงานลงวารสารสากล พอเรียนจบก็สอบบอร์ดมาเรียนเฉพาะทางเข้าศัลยกรรมประสาททันที เก๊งเก่ง”
“จริงหรือคะ”
“จริงสิยะ เห็นเขาว่าตอนแรกจะไปต่อเมืองนอก ทางสถาบันทางนั้นเขาตอบรับมาแล้วแท้ๆ แต่ไม่รู้ทำไมสุดท้ายถึงเปลี่ยนใจก็ไม่รู้” คนเล่ายิ่งเล่ายิ่งมันส์ “บ้านรวยด้วยนะ นามสกุลที่เป็นเจ้าของห้างแล้วก็พวกของส่งออกไง พัชรปราชญ์สกุล แถมเหมือนมีคุณลุงอยู่บอร์ดบริหารของโรงพยาบาล อนาคตสดใสแบบไม่ต้องสืบ” คนเล่ากระแอมไอ พลางหยิบน้ำขึ้นมาจิบเป็นการพักครึ่ง
“ละถ้าเธออยู่นานๆ จะรู้ว่าหมอสุรชัยไม่ค่อยถูกกับหมอทินกร เพราะตอนทำอินเทิร์นน่ะ หมอทินกรบังเอิญเดินผ่านแผนกทารกแรกเกิด แล้วบังเอิ๊ญเห็นเด็กคนนั้นหน้าเขียวผิดปกติ แกเลยถือวิสาสะเข้าไปเช็กอัตราเต้นของหัวใจแล้วพบว่าเสียงลิ้นหัวใจของเด็กคนนั้นดังผิดปกติ แกเลยบอกหมอสุรชัยที่เป็นอินเทิร์นเแผนกนั้นให้เช็กเพิ่มหน่อย หมอสุรชัยแกเถียงว่าเช็กดีแล้ว แล้วบอกว่าหมอทินกรน่ะก้าวก่ายข้ามแผนก สุดท้ายอาจารย์หมอชลกรแกเข้ามาพอดี พอแกเช็คชาร์ทปั๊บ …” คนเล่าเว้นจังหวะสักครู่ ทำเอาคนฟังกระตุกแขนเสื้อยิกๆ ให้เล่าต่อเพราะอยากรู้
“แกเลยสั่งให้หมอสุรชัยไปเช็ก EKG เอกซเรย์หน้าอก แล้วก็ทำเอคโค่เพิ่ม ปรากฏว่าหัวใจตั้งแต่กำเนิดผิดปกติ ต้องเข้าผ่าตัดทันที เกือบไม่รอดแล้ว พ่อแม่ของเด็กคนนั้นร้องไห้ซาบซึ้งแล้วกำชับให้หมอทินกรให้เข้าไปในห้องผ่าตัดด้วย อาจารย์หมอชลกรแกคาดโทษนิดหน่อยที่หมอทินกรมาซ่าส์ข้ามแผนก แต่ก็บ่นเบาๆ ว่าเสียดายที่หมอทินกรไม่เลือกเรียนต่อแผนกแก ทุกวันนี้เวลาหมอสุรชัยบังเอิญเจอหมอทินกร ก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันของแกอยู่ฝ่ายเดียว”
“เอ จะว่าไปเหมือนเมื่อเช้าอาจารย์หมอนิกรจะเรียกตัวหมอทินกร ให้เป็นผู้ช่วยเข้าผ่าตัดคนไข้วีไอพีที่เป็นเนื้องอกในสมองวันมะรืนด้วยแหละค่ะ”
“โอ๊ย! หมอทินกรน่ะ เป็นลูกรักอาจารย์หมอหลายคนตั้งแต่เรียนแล้ว ว่ากันว่าตอนจะสอบบอร์ดเรียนเฉพาะทาง ทั้งอาจารย์หมอทุกแผนกผลัดกันมาโน้มน้าวให้เลือกแผนกตัวเองทุกวัน สุดท้ายก็จบที่ศัลยกรรมประสาทเนี่ย”
“แล้วโปรไฟล์ดีขนาดนี้ ไม่มีแฟนเหรอคะ” พยาบาลรุ่นน้องรีบเอ่ยประเด็นที่อยากรู้มากที่สุด
“ไม่เคยเห็นหมอมากับแฟนนะคะ แต่ถ้าคนเอาของมาฝากให้เนี่ย มีบ่อยๆ ทุกวัน อยู่ๆ ไปเดี๋ยวก็ชินเองแหละ”
“เอ้ะ หรือว่าคุณหมอเป็น …”
“ไม่ใช่หรอก! ถ้าเป็นก็เสียดายแย่” พยาบาลรุ่นพี่โบกมือปฏิเสธ
“อะแฮ่ม สองคนนี้ มาทำงานหรือมาเมาท์ยะ” หัวหน้าพยาบาลกระแอมไอพลางเอ็ด หลังจากเห็นทั้งสองคนกระซิบกระซาบอยู่นาน
“ฝน นี่เธอไปเช็กห้อง 344 หรือยังหืม ถึงมีเวลามาเมาท์เนี่ย” พยาบาลสาวรุ่นพี่รีบกุลีกุจอลุกขึ้นตรงไปห้องพักผู้ป่วย ขณะพยาบาลรุ่นน้องได้แต่ยิ้มแหยๆ พลางหมุนเก้าอี้ไปเขียนรายงานวอร์ดคนคนไข้ต่อทันที
กล้าดีอย่างไรมาว่าหมอทินกรของฉันเป็นเกย์ หัวหน้าพยาบาลผู้เป็นแฟนคลับอันดับหนี่งของหมอทินกรคิดในใจ
ขณะที่พยาบาลหน้าฟร้อนต์กำลังเมาท์อยู่นั้น ชายหนุ่มเจ้าของหัวข้อสนทนา ก็กำลังดูผลสแกน MRT อยู่ที่ห้องแผนกศัลยกรรมประสาทอย่างเคร่งเครียด
ดวงตาเรียวกำลังกวาดตามองแผ่นสแกน ขณะที่นิ้วมือเรียวยาวพลิกผ่านชาร์จในมือ
“จริงๆ เคสนี้ น่าจะสบายๆ แต่คนไข้คนนี้เป็นระดับวีไอพีของโรงพยาบาลเรานี่สิ ถ้าทำอะไรผิดพลาด บอร์ดบริหารได้เอ็ดจนหูชา คุณทำการบ้านมาเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” หมอนิกรเอ่ยอย่างเคร่งเครียด
“ครับ” ชายหนุ่มรับคำ
“ถ้างั้นผมฝากคุณไปแจ้งญาติคนไข้ถึงการผ่าตัดวันมะรืนนี้หน่อยละกันนะ ผมมีอีกเคสต้องไปดูก่อน”
“ได้ครับ”
ทินกรกดลิฟต์ขึ้นมายังชั้น 7 ซึ่งเป็นชั้นสำหรับผู้ป่วยวีไอพี เขายกมือเคาะประตูเบาๆ ก่อนนางพยาบาลข้างหลังจะบิดประตูเพื่อเปิดเข้าไป
“ขออนุญาตนะคะ คุณหมอจะเข้ามาแจ้งการผ่าตัดวันมะรืนค่ะ”
ขาเรียวยาวของชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้อง เข้ากวาดตามองแฟ้มในมือชั่วครู่ก่อนเงยหน้าขึ้น ภาพแรกที่เขาเห็นไม่ใช่ผู้ป่วยที่อยู่บนเตียง แต่เป็นหญิงสาวร่างบางที่ยืนอยู่ข้างๆ เตียงผู้ป่วย
เป็นเธอ!
แววตาของชายหนุ่มสั่นระริกพร้อมอารมณ์มากมายที่ปะทุขึ้นมาในอก ก่อนกลับมาเป็นเหมือนเดิม ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่แปลกใจ ดูจากสายตาตกตะลึงของหญิงสาวที่อยู่ตรงข้าม เขาพลิกไปหน้าแรกเพื่อดูชื่อผู้ป่วยอีกครั้ง
รมิดา กิตติโยธิน
แม่ของไอรดา! แปลว่าที่เจอเธอบนถนนหน้าโรงพยาบาลวันก่อนก็ไม่ใช่เขาตาฝาด เป็นเธอจริงๆ
เขาข่มอารมณ์ลง ก่อนกล่าวรายงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
“คุณน้าครับ เนื่องจากเนื้องอกของคุณน้ามีขนาดใหญ่เกินกว่าจะที่ดูดออกหรือฉายรังสี ทางโรงพยาบาลจึงต้องทำการผ่าตัดเปิดกะโหลกและเอาเนื้องอกออกมา ซึ่งตอนนี้จากผลสแกน MRI ล่าสุดทางทีมแพทย์ก็ได้วางแผนการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับทุกอย่างจะเรียบร้อยดี”
“อ้าวฟ้านี่เอง นึกว่าใคร” รมิดาเอ่ยทักอย่างใจดี เธอเกือบจำชายหนุ่มไม่ได้ แต่หลังจากลูกสาวที่กุมมือเธอเผลอบีบมือเธอแน่นตอนชายหนุ่มเข้ามาในห้อง ทำให้เธอตั้งใจมองหน้าหมอหนุ่มชัดๆ และทำให้จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นคนรักของลูกสาวตัวเองสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
“เป็นไงบ้างล่ะจ้ะ ไม่เจอนานเลย เห็นเป็นคุณหมอแล้วแบบนี้ อย่างนี้ก็คงสบายดีเนอะ” เธอยิ้มให้
“ก็เหมือนเดิมครับ ผมสบายดีครับ” ประโยคแรกชายหนุ่มเน้นและมองไปที่หญิงสาวข้างเตียง และเบือนสายตามาพร้อมรอยยิ้มของคนบนเตียงในประโยคที่สอง
เธอมองหน้าแข็งทื่อของทั้งหมอหนุ่มและลูกสาวตัวเองสลับไปมา ก่อนถอนหายใจเบาๆ ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ลูกสาวเธอก็โตป่านนี้แล้ว เธอคงพูดอะไรมากไม่ได้ เลิกกันไปตั้งนาน จู่ๆ มาเจอกันในสถานการณ์แบบนี้ โชคชะตาก็เริ่มเล่นตลก ด้วยประสบการณ์ที่มากกว่าทำให้เธอก็รู้ด้วยว่า ความรู้สึกบางอย่างของทั้งสองคนก็ยังคงไม่เปลี่ยน
“มัม เดี๋ยวไอลงไปซื้อของข้างล่างนิดนึง เอาอะไรไหมคะ” ไอรดากัดริมฝีปากก่อนกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดี
“ไม่จ้ะ ไปเลย”
เธอหยิบกระเป๋าแล้วก้าวผ่านชายหนุ่มไปที่ประตูเพื่อออกไปข้างนอก ทินกรเห็นดังนั้นจึงส่งแฟ้มให้พยาบาลข้างๆ ก่อนเอ่ยกับคนบนเตียงผู้ป่วย
“คุณน้าครับ เดี๋ยวพยาบาลจะแจ้งถึงการปฏิบัติตัวก่อนผ่าตัด ผมขอตัวก่อนนะครับ” เขาก้มหัวเล็กน้อยพร้อมบอกลา ขณะที่รมิดายิ้มรับอย่างเข้าใจ
เอาเถอะ ยังไงก็เป็นเรื่องของพวกเขาสองคน
-------------------------------------------------------------------------------------
ในที่สุดพระเอกนางเอกก็เจอกันค่ะ ดูสิว่านางเอกจะทำยังไง
คิดเห็นอย่างไรคอมเมนท์บอกกันได้นะคะ รักที่สุ๊ด