ตอนที่ 97 ชอบสัตว์ที่ขนนุ่มปุกปุยเหมือนกัน
ตอนขากลับอู่เหมยก็ยังคงนั่งจักรยานของเหยียนหมิงซุ่นเหมือนเดิม ส่วนเหยียนหมิงต๋านั้นไม่อยากจะทรมานก้นของตัวเอง ก็เลยนั่งรถบัสไปกับคนอื่นๆ ซึ่งเหยียนหมิงซุ่นเองก็ตามใจเขา
เหมยซูหานแยกกับพวกเขาตรงสี่แยก ตอนนี้ยังไม่ดึก เขาก็เลยจะไปทำงานที่ลานทิ้งขยะ เขาต้องหาเงินให้ได้เยอะๆ แล้วพาคุณแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาล นับวันสุขภาพของคุณแม่ก็ยิ่งแย่ลง ตอนดึกคุณแม่ไอหนักมาก นอนหลับสนิทได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง
พอพวกอู่เหมยลับสายตาไปแล้ว เหมยซูหานถึงค่อยขี่จักรยานคันซอมซ่อที่ส่งเสียงก๊องแก๊งของเขาออกไป การที่อู่เหมยทำตัวห่างเหินกับเขาทำให้เขาเสียใจมาก แต่เขาก็ไม่โทษอู่เหมย เหมยเหมยยังเด็ก ยังไม่รู้ว่าอะไรคือความรักแบบชายหญิง
ไม่รีบร้อน หาเงินก่อนแล้วค่อยว่ากัน!
เหมยซูหานเองก็ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องเหยียนหมิงซุ่นนัก อู่เหมยเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ยังเด็กเกินไปที่จะมีความรัก!
ไม่นานนักพวกเขาก็กลับมาถึงโรงเรียนอี้จงแห่งเมืองจิน อู่เหมยมองกระเป๋าเป้ของเหยียนหมิงซุ่นทีหนึ่ง เธอไม่อาจวางใจลงได้จริงๆ อู่เหมยบอกอู่เจิ้งซือว่า “พ่อคะ หนูไปเล่นที่บ้านพี่หมิงซุ่นเดี๋ยวนึงได้มั้ยคะ”
“อืม แล้วรีบกลับมาเขียนเรียงความนะ อย่าไปรบกวนคุณย่าหยางกับคนอื่นๆ ละ”
“ทราบแล้วค่ะ”
อู่เหมยดีใจมาก อดรนทนไม่ไหวอยากจะไปที่บ้านเหยียนไวๆ อยากดูสิว่าเจ้ากระรอกน้อยเป็นอย่างไรบ้าง
เหยียนหมิงต๋านั่งรถบัสมาเร็วกว่า เขากลับถึงบ้านตั้งนานแล้ว เขาถือแตงโมพลางกินคำใหญ่ พอเห็นเหยียนหมิงซุ่นมา เหยียนหมิงต๋าก็เบะปาก พี่ใหญ่ทำตัวแย่มาก เห็นสาวดีกว่าน้อง ตอนนี้เขายังเจ็บก้นไม่หายเลย!
คุณย่าหยางนั่งพักหลบแดดอยู่ใต้ซุ้มดอกรุ่งอรุณที่ลานบ้าน เธอถือพัดคอยพัดให้เหยียนหมิงต๋า ใบหน้าเธอดูเมตตาและอ่อนโยน พอเห็นเหยียนหมิงซุ่นมา คุณย่าหยางก็รีบลุกขึ้นและตะโกนว่า “หมิงซุ่นมากินแตงโมเร็ว ร้อนตับแตกเลยใช่มั้ย วันนี้ไม่รู้เป็นอะไร ร้อนยิ่งกว่าหน้าร้อนอีก อีกสองวันฝนต้องตกแน่เลย”
หญิงชราเอาแต่พร่ำบ่นไปเรื่อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกรำคาญเลยสักนิดเดียว อู่เหมยชอบฟังมาก ที่บ้านไม่ว่าจะเป็นคุณย่าหรือคุณยาย คนที่พวกท่านจู้จี้ขี้บ่นด้วยไม่ใช่เธอเลย
“คุณย่าหยางสวัสดีค่ะ”
อู่เหมยโผล่ออกมาจากด้านหลังเหยียนหมิงซุ่นและร้องทักทายเสียงเบา คุณย่าหยางหรี่ตามอง เธอถึงได้สังเกตเห็นสาวสวยที่หลบอยู่ข้างหลังหลานชายคนโต เธอยิ้มดีใจยิ่งกว่าเดิม “เหมยเหมยเหรอจ๊ะ มากินแตงโมเร็ว”
“ขอบคุณค่ะคุณย่าหยาง หนู...”
อู่เหมยไหนเลยจะมีกะจิตกะใจกินแตงโม เธอเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของเจ้ากระรอกน้อย เธอคิดแต่อยากจะให้คุณย่าหยางรีบรักษาให้เจ้าตัวน้อยไวๆ แต่ก็เกรงใจไม่กล้าพูดออกมา และแล้วเหยียนหมิงซุ่นก็พูดแทนเธอ “คุณย่าครับ คุณย่าช่วยดูอาการของเจ้าตัวน้อยนี่ให้หน่อยครับ!”
อู่เหมยรีบใช้สองมือประคองเจ้ากระรอกน้อยที่หายใจแผ่วเบาออกมาจากกระเป๋าเป้ เจ้าตัวน้อยดูมีชีวิตชีวาขึ้นเล็กน้อย แต่ว่ายังคงอ่อนระโหยโรยแรงเหมือนเดิม แม้แต่หัวก็ยกไม่ขึ้น มันขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของอู่เหมย ไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย
“ไอ้หยา! นี่มันกระรอกใช่มั้ย เป็นสีขาวด้วยเหรอนี่ หายากจริงๆ แล้วนี่มันเป็นอะไรไปล่ะ รีบอุ้มเข้ามาให้ย่าดูหน่อยสิ น่าสงสารจริง”
คุณย่าหยางเองก็ชอบสัตว์ที่ขนนุ่มปุกปุยเหมือนกัน แต่คุณปู่เหยียนชอบแต่แมวอย่างเดียว บ้านตระกูลเหยียนเลี้ยงแมวพันธุ์ดราก้อนหลี่ที่ตัวกลมตุ้ยนุ้ยเหมือนลูกบอลอยู่หนึ่งตัว มันใจกล้ามาก คุณครูและนักเรียนทั้งโรงเรียนต่างก็รู้จักมัน มันเป็นแมวตัวผู้ ชื่อว่าอาฮวา
หญิงชราพันปิดบาดแผลให้เจ้ากระรอกใหม่ อีกทั้งทายาให้ด้วย เธอยิ้มตาหยีพลางพูดว่า “ไม่เป็นไรแล้วละ พวกสัตว์แข็งแกร่งกว่ามนุษย์อย่างเราๆ มาก อีกไม่กี่วันก็กระโดดโลดเต้นได้แล้ว”
“ขอบคุณค่ะคุณย่าหยาง” ตอนนี้อู่เหมยค่อยโล่งอกขึ้นมาหน่อย
คุณย่าหยางลูบขนที่อ่อนนุ่มของเจ้ากระรอกน้อย เธอชอบมากจนวางไม่ลง เจ้าตัวน้อยที่แบ๊วน่ารักแบบนี้ ผู้หญิงคนไหนบ้างที่จะไม่ชอบ
ด้วยเหตุนี้เอง พออู่เหมยเสนอให้คุณย่าหยางช่วยดูแลเจ้ากระรอกน้อย หญิงชราก็ตอบตกลงด้วยความตื่นเต้นดีใจ จากนั้นเดินไปที่ตู้และหยิบถั่วลิสงสามสี่เม็ดออกมาอย่างมีความสุข เจ้าตัวน้อยใช้ขาหน้าถือไว้และแทะกินอย่างเอร็ดอร่อย!
ตอนที่ 98 อู่เยวี่ยแสดงละครอะไรของเธอ
พอจัดการเรื่องเจ้ากระรอกน้อยเสร็จเรียบร้อย อู่เหมยก็ขอตัวกลับบ้าน เธอยังต้องกลับไปเขียนเรียงความอีก อู่เจิ้งซือบอกแล้วว่าจะตรวจดูเรียงความ เพราะฉะนั้นเธอจะต้องตั้งใจเขียนดีๆ จะได้สร้างความประทับใจที่ดีให้กับอู่เจิ้งซือ
พออู่เหมยกลับไปแล้ว เหยียนหมิงต๋าก็อดฟ้องไม่ได้ “คุณย่าไม่ทราบหรอกครับว่าวันนี้หลานของคุณย่าคนนี้น่าสงสารแค่ไหน ก้นกระแทกจนระบมไปหมดแล้ว พี่ใหญ่เขา...”
เหยียนหมิงต๋าที่แสนจะน้อยอกน้อยใจเล่าเรื่องที่เหยียนหมิงซุ่นเห็นสาวดีกว่าน้องชายออกมาจนหมดเปลือก แถมยังพูดเสริมเติมแต่งเข้าไปอีกนิดหน่อย ทางด้านเหยียนหมิงซุ่นนั้นนั่งกินแตงโมอยู่เงียบๆ ไม่แม้แต่จะมองน้องชายเลยสักนิด
คุณย่าหยางกลับนั่งฟังอย่างเพลิดเพลิน แล้วก็คอยมองไปทางเหยียนหมิงซุ่น หลานชายคนโตเป็นพวกเก็บเนื้อเก็บตัวมาตั้งแต่เด็กๆ นอกจากพวกเขาสองปู่ย่ากับเหยียนหมิงต๋าแล้ว เขาก็ไม่สนใจใครทั้งนั้น ต่อให้เป็นคุณพ่อเขา เขาก็ไม่สนใจเหมือนกัน แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ความรู้สึกของหมิงซุ่นที่มีต่อลูกสาวคนเล็กของบ้านตระกูลอู่ท่าทางจะไม่ธรรมดาทีเดียว!
“หมิงซุ่น หลานไปสนิทสนมกับลูกสาวบ้านตระกูลอู่ตั้งแต่เมื่อไรกันจ๊ะ เมื่อก่อนไม่เคยเห็นพวกหลานเล่นด้วยกันเลยนี่นา” หญิงชราถามด้วยความอยากรู้
“ไม่ถึงกับสนิทหรอกครับ แค่เห็นแล้วไม่ขัดหูขัดตา” เหยียนหมิงซุ่นมีสีหน้าเรียบเฉย เขาวางแตงโมที่กินจนเกลี้ยงลงบนโต๊ะหิน จากนั้นลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปในบ้าน แต่เขาเดินไปได้ครึ่งทางก็หยุดเดิน แล้วหันมากำชับว่า “คุณย่าต้องคอยดูอาฮวาเอาไว้ดีๆ นะครับ อย่าให้มันจับเจ้ากระรอกไปกินล่ะ!”
“วางใจได้ ย่ารับประกันว่ามันจับไปกินไม่ได้หรอก” คุณย่าหยางยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมทั้งตบอกรับประกัน
เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มอย่างพอใจ แล้วเดินไปอาบน้ำที่ห้องน้ำ คุณย่าหยางหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขอยู่พักใหญ่ จากนั้นก็อุ้มเจ้ากระรอกน้อยที่ร่าเริงขึ้นมากเข้าไปในบ้านเช่นกัน เธอจะต้องทำรังสบายๆ ให้เจ้าตัวน้อยอยู่ แล้วก็ยังต้องอาบน้ำให้ด้วย ดูสกปรกมอมแมมเชียว
อู่เหมยวิ่งเหยาะกลับมาถึงบ้าน อู่เจิ้งซือไปอาบน้ำที่โรงอาบน้ำแล้ว ในบ้านอยู่แค่เหอปี้อวิ๋นกับอู่เยวี่ย อู่เหมยท่าทางห่อเหี่ยว เธอพูดทักทายเหอปี้อวิ๋นเสียงเบา เหอปี้อวิ๋นตอบกลับด้วยใบหน้าเย็นชาอย่างที่คาดเอาไว้
“เหมยเหมยกลับมาแล้วเหรอ ไปเที่ยวที่ภูเขาเฟิ่งหวงซานสนุกมั้ย” อู่เยวี่ยเดินออกมาจากห้องแล้วต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
อู่เหมยเกิดความระแวดระวังตัวขึ้นมา อู่เจิ้งซือไม่อยู่บ้าน แต่ทำไมอู่เยวี่ยถึงได้ทำตัวเป็นมิตรขนาดนี้
เธอคิดจะทำอะไรของเธออีกนะ
“ก็สนุกดี” อู่เหมยตอบเสียงเรียบ ไม่อยากจะพูดอะไรกับอู่เยวี่ยมาก เธอเตรียมจะเข้าห้องไปเขียนเรียงความ
เหอปี้อวิ๋นทำความสะอาดบ้านมาตลอดทั้งวัน เหนื่อยจนเหยียดตัวตรงไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้อู่เยวี่ยเตือนเธอไว้ เธอก็คงระเบิดโมโหใส่ทันทีที่อู่เหมยเดินเข้าบ้านมาแล้ว ทว่าตอนนี้พอเห็นอู่เหมยทำท่าทางไม่สนใจใยดีอู่เยวี่ย เธอก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
“เจ้าเด็กบ้าทำท่าทำทางอะไรของแก คนไหนในบ้านเขาติดหนี้แก วันๆ ทำหน้าซังกะตายให้ใครดูหา”
เหอปี้อวิ๋นเดินเข้ามาหยิกอู่เหมยสามสี่ที อู่เยวี่ยมองดูด้วยสายตาเย็นชาอยู่พักหนึ่ง แล้วถึงค่อยเข้าไปดึงรั้งเหอปี้อวิ๋นไว้ “แม่อย่าโมโหเลยนะคะ”
เธอพูดพลางขยิบตาให้เหอปี้อวิ๋น เหอปี้อวิ๋นเข้าใจทันที เธอเองก็กังวลว่าอีกเดี๋ยวอู่เจิ้งซือกลับมาแล้วจะโมโห เหอปี้อวิ๋นถลึงตาใส่อู่เหมยด้วยความไม่พอใจ “วันๆ เอาแต่เที่ยวเล่น ออกไปขัดเตาที่อยู่ข้างนอกให้สะอาดซะไป!”
“พอดีหนูต้องเขียนเรียงความ เดี๋ยวคุณพ่อจะมาตรวจดู” อู่เหมยยิ้มเยาะอยู่ในใจ สมัยนี้ไม่มีเครื่องดูดควัน แค่ไม่กี่วันเตาก็เต็มไปด้วยคราบน้ำมัน เมื่อก่อนเธอเป็นคนทำความสะอาดตลอดเพราะเหอปี้อวิ๋นเบื่อทำงานพวกนี้เป็นที่สุด
เหอปี้อวิ๋นเริ่มสะบัดไม้สะบัดมือ อู่เยวี่ยออกแรงดึงตัวเธอไว้ แล้วยิ้มพลางพูดว่า “เหมยเหมยไปเขียนเรียงความเถอะ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามพี่ได้นะ”
อู่เหมยเข้าไปในห้อง เธอสงสัยมากที่เห็นอู่เยวี่ยดูผิดแปลกไป อู่เจิ้งซือเองก็ไม่อยู่บ้าน แล้วเธอแสดงละครให้ใครดูกัน
ที่ด้านนอกห้องอู่เยวี่ยเตือนเสียงเบาว่า “คุณพ่อใกล้จะกลับมาแล้ว แม่อย่ายั่วให้คุณพ่อโมโหอีกนะคะ”
เหอปี้อวิ๋นสบถคำว่า “ไอ้เด็กบ้า” ออกมาด้วยความเดือดดาล เธอจำต้องทำความสะอาดเตาเอง ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดอู่เจิ้งซือเห็นเข้า จะต้องพูดอีกแน่ว่าเธอไม่รักษาความสะอาด
อู่เยวี่ยเดินมาที่หน้าห้อง แล้วมองดูอู่เหมยที่ตั้งอกตั้งใจเขียนเรียงความอยู่ห่างๆ รอยยิ้มบนใบหน้าเธอค่อยๆ เลือนหายไป และดูเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่