ตอนที่ 85 ยิ่งล้มเหลวยิ่งฮึกเหิม
อู่เหมยหน้าแดง แล้วพูดเสียงเบาว่า “แล้วก็ให้พี่...ซูหานด้วยค่ะ”
เหมยซูหานหัวเราะเสียงเบา เขารู้สึกสดใสราวกับดอกไม้ที่ผลิบานในฤดูใบไม้ผลิ เด็กนักเรียนหญิงบางคนที่อยู่ด้านข้างต่างมองตาค้าง พวกเธอมองอู่เหมยด้วยความอิจฉา ด้านซ้ายเหมยซูหาน ด้านขวาเหยียนหมิงซุ่น เด็กคนนี้โชคดีมากจริงๆ!
“เด็กหน้าตาสะสวยคนนี้เป็นน้องสาวใครเหรอ”
“เธอเป็นลูกสาวคนเล็กของอาจารย์อู่ ชื่อว่าอู่เหมย”
“สวรรค์! เขาพูดกันว่าลูกสาวคนเล็กของอาจารย์อู่หน้าตาขี้เหร่จนออกไปเจอผู้เจอคนไม่ได้ไม่ใช่เหรอ แบบนี้ออกไปเจอผู้คนไม่ได้ แล้วพวกเราจะเป็นอย่างไรล่ะ”
“นั่นน่ะสิ อู่เหมยตัวแค่นี้ยังมีเสน่ห์ดึงดูดขนาดนี้ ต่อไปโตขึ้นคงจะสวยหยาดเยิ้มยิ่งกว่าซูต๋าจีอีก!”
เสียงกระซิบกระซาบของนักเรียนหญิงสามสี่คนด้านหน้าลอยมาตามสายลมอ่อนๆ เหยียนหมิงซุ่นได้ยินอย่างชัดเจน เขาอดมองไปทางอู่เหมยไม่ได้ เส้นผมสองสามปอยเปียกเหงื่อแนบติดกับหน้าผาก ผิวพรรณที่ขาวใสดุจหยกเปลี่ยนเป็นสีชมพู จมูกเล็กกระจุ๋มกระจิ๋ม ปากเล็กๆ คล้ายผลเชอร์รี แล้วก็ยังมีขนตาเส้นยาว ทอดเป็นแถบเงาเล็กๆ บนหนังตา
เป็นสาวงามที่มีเพียงหนึ่งในล้านจริงๆ รู้ได้ล่วงหน้าเลยว่าต่อไปอู่เหมยจะต้องสวยจนโลกตะลึง เพียงแต่ว่า...
พอนึกถึงไอคิวที่สวนทางกับหน้าตาอันสะสวยของอู่เหมย เหยียนหมิงซุ่นก็ส่ายหัวอย่างจนใจ เขาอดถามไม่ได้ว่า “เหมยเหมย เธอเข้าใจโจทย์สระว่ายน้ำข้อนั้นแล้วหรือยัง”
อู่เหมยตัวสั่น เวลานี้เธอรู้สึกเสียใจหนักมาก เย็นวันนั้นเธอไม่น่าเอ่ยถามเหยียนหมิงซุ่นเลย ทำให้ตอนนี้โจทย์สระว่ายน้ำนี้ตามติดเธอไม่ปล่อยเลย
“เข้าใจ...เอ่อ ไม่เข้าใจ ฉันจะค่อยๆ คิดค่ะ” อู่เหมยเลือกใช้คำอย่างระมัดระวัง
ความดึงดันของเหยียนหมิงซุ่นก็ทำให้อู่เหมยเกิดบันดาลโทสะเช่นกัน ในโลกนี้ไม่มีนักเรียนที่สอนไม่ได้ มีแต่คุณครูที่สอนไม่เป็น การที่อู่เหมยไม่เข้าใจจะต้องเป็นเพราะวิธีอธิบายของเขานั้นไม่ถูกต้อง เหยียนหมิงซุ่นจะต้องเปลี่ยนวิธีการอธิบายเสียใหม่
ด้วยเหตุนี้เองเหยียนหมิงซุ่นจึงถือโอกาสอธิบายโจทย์สระว่ายน้ำให้อู่เหมยฟังอีกสามสี่รอบระหว่างที่ปีนเขาขึ้นไป ซึ่งเป็นวิธีที่แตกต่างจากก่อนหน้านี้จริงๆ ด้วย ทว่าอู่เหมยก็ยังคงรู้สึกเหมือนกับฟังคัมภีร์สวรรค์เช่นเคย สูตรเลขต่างๆ หมุนวนอยู่ในหัวเธอ เธอไม่สามารถปะติดปะต่อเข้าด้วยกันได้ ยิ่งอธิบายก็ยิ่งงุนงง ทำเอาเธอเริ่มเวียนหัวตาลายขึ้นมาอีกรอบ
พอเห็นท่าทางของเธอ เหยียนหมิงซุ่นก็รู้แล้วว่าเด็กคนนี้ฟังไม่เข้าใจอีกแล้ว ความรู้สึกล้มเหลวไม่เป็นท่าเข้าจู่โจม แต่เขาเป็นพวกยิ่งล้มเหลวก็ยิ่งฮึกเหิม เขาจะต้องทำให้อู่เหมยเข้าใจโจทย์ปริมาณน้ำเข้าน้ำออกสระว่ายน้ำข้อนี้ให้ได้
“เรามาปิกนิกตรงนี้กัน ทุกคนทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามสบาย แต่ห้ามไปไหนมาไหนตามลำพัง แล้วก็ห้ามไปไหนไกล และห้ามก่อไฟด้วย ทุกคนจำได้มั้ย?” เสียงของอู่เจิ้งซือดังขึ้น
“จำได้ครับ/ค่ะ!” พวกนักเรียนตอบเป็นเสียงเดียวกัน น้ำเสียงเจือแววร่าเริง
ทุกคนต่างก็หยิบเสบียงออกมา มีทั้งไข่ต้ม ขนมปัง ซาลาเปา หมั่นโถว ไส้กรอก แล้วก็อาหารกระป๋อง อาหารมากมายหลากหลายประเภท พวกนักเรียนหญิงปูผ้าลงบนพื้น จากนั้นนำอาหารของทุกคนมาวางบนผ้าและแบ่งกันกิน
อู่เจิ้งซือก็หยิบอาหารของเขาออกมาด้วยเช่นกัน อู่เหมยวางรวมกันกับของเขา เหอปี้อวิ๋นดูแลรักษาหน้าตาศักดิ์ศรีของตัวเองเป็นอย่างดี เธอเตรียมเสบียงให้มากมาย อีกทั้งหลายแบบหลายอย่าง
“พ่อคะ หนูยังมีแฮมกระป๋องด้วยค่ะ”
อู่เหมยหยิบแฮมกระป๋องออกมา ในกระเป๋าเป้เหลือแต่น้ำเปล่า ไม่เหลืออะไรอย่างอื่นแล้ว อู่เชารู้สึกเสียดายจนปวดฟันกรามไปหมด เจ้าเพื่อนบ้า แฮมกระป๋องราคาแพงแบบนั้นคิดจะหยิบออกมาก็หยิบออกมา แบบนี้เขาจะได้ส่วนแบ่งอะไรล่ะ
อู่เจิ้งซือลูบหัวอู่เหมยเป็นการชมเชย การกระทำของเขานุ่มนวลมาก เบ้าตาของอู่เหมยร้อนผ่าวเล็กน้อย ในความทรงจำของเธอนั้น นี่เป็นครั้งแรกเลยที่อู่เจิ้งซือลูบหัวเธอ!
แต่ไม่ทันไรเธอก็รู้สึกห่อเหี่ยวขึ้นมาอีก อย่างไรเสียคนที่อู่เจิ้งซือให้ความสำคัญที่สุดก็ยังคงเป็นอู่เยวี่ย ตราบใดที่มีอู่เยวี่ยอยู่ ในสายตาของอู่เจิ้งซือก็ไม่มีเธออยู่ดี
ตอนที่ 86 ช่วงฤดูใบไม้ร่วงกำลังหลับสบาย
เจินหวานหว่านปิดกระเป๋าเป้พลางรู้สึกลำบากใจ เธอเอามาแค่หมั่นโถวสองลูกกับน้ำเปล่าหนึ่งขวด เมื่อเทียบกับไส้กรอกกับขนมปังของคนอื่นแล้ว หมั่นโถวของเธอดูกระจอกมาก ความหยิ่งในศักดิ์ศรีของหญิงสาวทำให้เธออายที่จะเปิดกระเป๋าเป้ แต่จะไม่เปิดก็ใช่เรื่อง ไม่รู้ว่าคนอื่นจะพูดถึงเธอว่าอย่างไร!
“อู่เหมยบอกว่าจะเอาเสบียงมาให้ฉันด้วย ฉันก็เลยไม่ได้เอาอะไรมา” เจินหวานหว่านยิ้มพลางพูด
เจินหวานหว่านพูดเสียงเบามาก แล้วอู่เหมยก็อยู่ไกลออกไปมาก ไม่ได้ยินแน่นอน ส่วนคนอื่นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เจินหวานหว่านกับอู่เหมยสนิทสนมกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว การที่อู่เหมยจะเอาเสบียงมาให้เธอด้วยถือเป็นเรื่องปกติมาก แล้วอีกอย่างก็ไม่มีใครจะไปพิสูจน์เรื่องเสบียงเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ด้วย
เจินหวานหว่านถอนหายใจโล่งอก ในที่สุดก็ผ่านพ้นไปได้ เธอหยิบขนมปังขึ้นมาจากผ้าปูพื้น แล้วเริ่มกินคำเล็กๆ เธอกินเร็วมากเพราะเธอไม่ได้กินมื้อเช้า เดินปีนเขามานานแบบนี้ ท้องเธอร้องจ๊อกๆ มาตั้งนานแล้ว
แต่อู่เหมยกลับไม่อยากอาหารเลย เธอยังคงคิดถึงกระรอกขาวตัวนั้นอยู่ กระรอกน้อยแสนน่ารักน่าชัง เมื่อกี้เธอยังไม่ได้ลูบมันเลย ต้องโทษเจ้าตุ้ยนุ้ยอู่เชาคนเดียว
เธอถลึงตาใส่อู่เชาที่นั่งกินไส้กรอกคำใหญ่อยู่ข้างๆ จากนั้นเธอกวาดตามองไปรอบๆ และหยิบดินทรายขึ้นมาจากพื้นหนึ่งกำ แล้วฉวยโอกาสช่วงที่เขาไม่ทันระวังตัวโปรยดินทรายทั้งหมดลงไปในเสื้อเขา อู่เชายักไหล่ไปมา แล้วกระโดดโหยงขึ้นมาและร้องโหวกเหวกเสียงดัง เขาบิดตัวไปมาไม่หยุดราวกับเป็นตะคริว ทำเอาทุกคนต่างก็หัวเราะกันยกใหญ่
อู่เหมยมีความสุขมาก ความรู้สึกเศร้าซึมลดลงไปมาก อู่เชาทำเสียงฮึดฮัด เดี๋ยวเขาค่อยคิดบัญชีกับเธอทีหลัง ตอนนี้กินให้อิ่มก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ทุกคนนั่งลงบนสนามหญ้า แล้วกินอาหารที่ต่างคนต่างเอามา พวกเขาพูดคุยไปด้วยหัวเราะไปด้วย นอกจากนี้บางคนยังทำการแสดงต่างๆ ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายมาก ส่วนอู่เจิ้งซือก็มีใบหน้าเปี่ยมด้วยรอยยิ้มซึ่งไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนัก
เหยียนหมิงซุ่นเดินมาหา พอเห็นอู่เหมยที่ถือไส้กรอกกิน เขาก็อดหัวเราะไม่ได้ เมื่อกี้นี้ที่อู่เหมยหยอกล้ออู่เชา เขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เจ้าเด็กซื่อบื้อคนนี้ช่างแก่นแก้วเสียจริง
“ตอนนี้มีเวลาว่างพอดี ฉันจะอธิบายโจทย์สระว่ายน้ำให้ฟังอีกครั้งก็แล้วกัน”
เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าจริงจังมาก อู่เหมยทำหน้านิ่วทันที หากย้อนเวลากลับไปได้ เย็นวันนั้นเธอไม่มีทางเอ่ยถามเหยียนหมิงซุ่นเด็ดขาด ทำไมเขาถึงได้จำเรื่องนี้ฝังจิตฝังใจจังเลยนะ
ทั้งๆ ที่เธอเลิกสนอกสนใจแล้ว อย่างไรเสียนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทำไม่ได้ คุณครูเองก็ชินชาแล้ว ถ้าเธอทำได้นี่สิถึงจะตกใจ!
“ขอบคุณค่ะพี่หมิงซุ่น แต่ตอนนี้...”
ครึ่งประโยคหลังของอู่เหมยติดอยู่ในลำคอเพราะเหยียนหมิงซุ่นกระตือรือร้นหยิบกิ่งไม้มาเริ่มเขียนสูตรเลขแล้ว ตัวหนังสือของเขาสวยมาก ตัวเลขอารบิคก็เขียนได้งามมาก เห็นแล้วสบายตาสบายใจเหมือนกับตัวเขาเลย แต่พอตัวเลขเหล่านี้อยู่รวมกัน เธอก็มึนตึ้บ อู่เหมยไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงเขียนสูตรออกมาแบบนี้!
ทว่าเธอไม่กล้าบอก เธอกลัวว่าเหยียนหมิงซุ่นจะรังเกียจเธอยิ่งกว่าเดิม
อู่เหมยก้มหน้าก้มตาฟังราวกับฟังคัมภีร์สวรรค์ก็ไม่ปาน เธอรู้สึกเวียนหัวตาลาย เสียงของเหยียนหมิงซุ่นช่างไพเราะจริงๆ ลมพัดโชยเอื่อย พงหญ้าส่งเสียงสวบสาบ หนังตาบนล่างของอู่เหมยต่อสู้กัน เธอกลั้นเอาไว้ก็เลยไม่หาวหวอดออกมา แล้วน้ำตาก็เอ่อคลอในดวงตาเธอ
“เข้าใจหรือยัง ไหนทำให้ดูรอบนึงสิ”
เสียงของเหยียนหมิงซุ่นดังขึ้น อู่เหมยตัวสั่น ความง่วงงุนก็เตลิดหายไปด้วย เธอรับกิ่งไม้มาและงุนงงอยู่พักใหญ่ ปากเธอพูดพึมพำราวกับสวดมนต์อยู่ ระดับความเร็วของน้ำที่ไหลออกลบกับระดับความเร็วของน้ำที่ไหลเข้า แล้วหารปริมาณน้ำทั้งหมด
เหยียนหมิงซุ่นพูดประโยคนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว อู่เหมยเองก็จำได้ขึ้นใจตั้งนานแล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่เธอไม่สามารถเปลี่ยนคำพูดประโยคนี้ให้เป็นสูตรเลขได้ เธอทำไม่เป็นจริงๆ
อู่เหมยท่องพึมพำอยู่นานสองนาน แต่บนพื้นยังคงสะอาดหมดจด เธอไม่ได้เขียนตัวเลขเลยสักตัวเดียว เหยียนหมิงซุ่นตบหน้าผากเบาๆ เขาละไม่เข้าใจเลยจริงๆ อู่เหมยท่องจำสูตรนี้ได้แล้ว แต่ทำไมถึงเขียนสูตรเลขไม่ได้ล่ะ
“พี่หมิงซุ่น ขอโทษค่ะ ฉัน...ฉัน...ฉัน...”
ที่จริงอู่เหมยอยากจะบอกเหยียนหมิงซุ่นเหลือเกินว่าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการเรียนของเธออีกต่อไปแล้ว แต่เธอไม่กล้าบอก เธอกลัวเหยียนหมิงซุ่นจะคิดว่าเธอไม่ขวนขวาย เป็นเพียงดินเลนเฉอะแฉะกองหนึ่ง
เหมยซูหานที่ยืนดูอยู่ด้านข้างนานแล้วอดหัวเราะไม่ได้ แล้วเขาก็หยิบกิ่งไม้ขึ้นมาขีดเขียนบนพื้น
นอกเรื่อง
อู่เหมยลากคุณนักเขียนมาด้วยความโมโห เธอน้ำตาเอ่อคลอ “คุณรีบแก้ให้ฉันเลย บรรดานักอ่านของคุณต่างก็ด่าฉันว่าปัญญาอ่อน คุณว่าฉันปัญญาอ่อนมั้ย ใช่หรือเปล่า?”
“เปล่า ไม่ใช่แน่นอน” เหล่าหยางตอบอย่างจริงใจ
“แล้วคุณยังไม่แก้ให้ฉันอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะร้องไห้ให้คุณดู!”
“โอเค พรุ่งนี้จะแก้ให้ ไม่ต้องร้อนใจไป ไปจู๋จี๋กับพี่หมิงซุ่นของเธอเถอะ อย่าดื้อนะ!”
อู่เหมยเขินหน้าแดง นิ้วมือสอดประสานกัน เธอพูดอย่างขวยเขิน “เขา...เขายังเด็กอยู่ ไม่ควรทำสิ่งที่เด็กไม่ควรทำ!”