7
ณ คฤหาสน์ตระกูลดารา
นิ้วเรียวของรสรินจับปลายมวนบุหรี่บดขยี้ลงในที่เขี่ยบุหรี่แก้วทรงกลม พลางฟังความคืบหน้าจากช้างเผือกคนหนึ่งในตระกูลดาราซึ่งถูกส่งไปหาข้อมูลเกี่ยวกับน้ำเพชรตลอดทั้งสัปดาห์
“แปลกมากนะครับคุณนาย เด็กคนนี้แทบไม่มีข้อมูลก่อนหน้าเลยนอกเหนือจากข้อมูลจากโรงพยาบาลที่เราขโมยมาได้ ส่วนข้อมูลอื่นก็มีเพียงข้อมูลที่ถูกยื่นให้ทางมหาวิทยาลัยเท่านั้น”
“ไม่มีข้อมูลเลยหรือว่าเธอเป็นคนของตระกูลไหน?”
“ไม่มีเลยครับ แต่ตอนนี้คงเป็นคนของสุริยันไปแล้ว”
“แล้วเรื่องที่บอกว่าเป็นหลานสาวของกิ่งแก้วล่ะ?”
“ประวัติกิ่งแก้วเป็นความลับครับ คงจะถูกเก็บเป็นความลับมาตั้งแต่ตอนที่มาทำงานกับคุณนายเพชรรัตน์” ชายช้างเผือกคนนั้นบอกกับเธอ “ส่วนเรื่องอุบัติเหตุก็ไม่มีข้อมูลที่ตรงกันเลย”
“หากไม่ถูกเป็นความลับก็คงไม่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่แรก” รสรินเอ่ยพร้อมกับควงปากกาในมืออย่างติดเป็นนิสัย สายตาเฉี่ยวของเธอจ้องมองไปยังรูปถ่ายของน้ำเพชรซึ่งถูกแอบถ่ายในแท็ปเล็ตแล้วคิดบางสิ่งในหัว “ดูเหมือนว่าเธอจะไร้เดียงสากว่าที่คิดนะ หรือเป็นเพราะความทรงจำที่หายไปกัน”
นิ้วเรียวยังควงปากกาไปมาท่ามกลางกลิ่นบุหรี่อบอวลที่ถูกดับไปก่อนหน้า ในครั้งแรกที่พวกเธอได้พบกันนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าน้ำเพชรไม่มีท่าทีของคนที่เป็นช้างเผือกเลยสักนิด หากจะบอกว่าเธอช่วยงานบางอย่างของตระกูลสุริยันก็คงไม่ใช่ อีกทั้งแววตาของธีร์ที่ลอบมองเธอนั้นมันมีความรู้สึกมากกว่าแค่คนรู้จัก
เธอคนนี้ดันมีบางอย่างที่คล้ายเพชรรัตน์เสียด้วย
ไม่แปลกที่ธีร์จะให้เธออยู่ในบ้านราวกับเจ้าหญิงทั้งที่เป็นเพียงหลานของลูกน้องภรรยาที่เสียชีวิตไป หากแต่หญิงสาวนามว่าน้ำเพชรนั้นเป็นใคร มาจากไหนกันแน่ มันคงง่ายขึ้นหากรสรินได้รู้แต่มันก็คงยากหากธีร์จัดการข้อมูลส่วนนั้นไปหมดสิ้น
“อีกเรื่องที่คุณนายต้องรู้คือเรื่องตระกูลจันทราครับ” ช้างเผือกคนนั้นเอ่ยขึ้น
“ทำไม?”
“นายหญิงราตรีกลับมาแล้วครับ และเธอจะกลับเข้าที่ประชุมจักรวาลด้วย”
“ราตรี...” รสรินทวนชื่อนั้นซ้ำ เธอจำราตรีได้เป็นอย่างดี คนที่เปรียบเสมือนญาติมิตรทางสามีซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่เติบโตมาในเส้นทางเดียวกัน การกลับมาที่แสนจะได้จังหวะขนาดนี้คงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน
รสรินไม่ได้รู้สึกแย่กับมัน ในทางกลับกันเธอกลับรู้สึกยินดีนักที่หนึ่งในปรปักษ์ของเธอหวนคืนกลับสังเวียนหลังวางมือไปสองทศวรรษ เพราะรสรินรักสงครามและสมรภูมิ หลายปีที่ผ่านมานั้นมันช่างน่าเบื่อสิ้นดี เธอหวังว่าโซ่ศศิธรของราตรีนั้นจะยังแข็งแกร่งพอที่จะเทียบเคียงธนูมูลาไหว ไม่ใช่ว่าต้องเสียเวลาเคาะสนิทใหม่
แน่นอนว่าเรื่องนี้ทิวา สามีของเธอคงไม่รู้สึกดีอย่างนั้น เพราะเขาไม่มีวันให้อภัยน้องสาวตัวแสบที่ยึดอำนาจของตัวเองไปแล้วหายเข้ากลีบเมฆแบบนั้น เพียงแต่ทิวาจะสามารถทำอะไรได้ในเมื่อเขาก็ไม่ได้มีอำนาจอะไรในมือนัก
ก๊อกๆๆ
“คุณนายครับ คุณหนูโรสขอเข้าพบครับ” การ์ดคนหนึ่งเคาะประตูห้องพร้อมเข้ามาบอกกับรสริน เธอพยักหน้าก่อนจะส่งสายตาให้ช้างเผือกคนแรกออกไปเสียก่อนที่โรสจะเดินเข้ามา
โรสเดินเข้ามาพร้อมกับแฟ้มรูปภาพภายในมือเพราะเพิ่งกลับมาจากมหาวิทยาลัยเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน หญิงสาวยิ้มให้กับแม่ของเธอก่อนที่จะเดินมานั่งลงตรงเก้าอี้ รสรินมองลูกสาวเพียงคนเดียวก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้โรสสนิทกับน้ำเพชรเป็นพิเศษ
“คุยงานกันอยู่หรือคะ?” โรสเอ่ยถาม
“เปล่าหรอก คุยเสร็จไปแล้ว”
“ตอนแรกโรสนึกว่าพ่ออยู่กับแม่ซะอีก ยังไม่กลับจากปักกิ่งอีกหรือคะ”
“คงเป็นอาทิตย์หน้าน่ะ ช่วงนี้ทางนั้นก็ยุ่งเหมือนกัน” รสรินพูดก่อนจะมองไปยังแฟ้มรูปของโรสที่วางบนตัก “นั่นที่เรียนมาหรือ แม่ขอดูหน่อย”
ผู้เป็นลูกยื่นแฟ้มภาพวาดในมือให้กับรสริน มือบางรับแฟ้มนั้นมาเปิดดูด้วยแววตานิ่ง โรสจึงลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบเหยือกน้ำตรงโซฟาอีกฝั่งในห้องมารินลงแก้วน้ำ
“ว่าแต่ช่วงนี้ได้เจอน้ำเพชรบ้างหรือเปล่า เรียนด้วยกันไหม?”
“เรียนคนละคณะค่ะ แต่เจอกันแทบทุกวัน เดี๋ยวนี้โรสไปกับเพชรบ่อยมากเลย”
“น้ำเพชรนี่เป็นหลานของกิ่งแก้วใช่ไหม?”
“เท่าที่ได้ยินมาก็ประมาณนั้นนะคะ แต่ยังหาทางติดต่อคุณกิ่งแก้วไม่ได้ก็เลยต้องอยู่กับคุณธีร์ไปก่อน” โรสพูดพลางยกแก้วน้ำขึ้นจิบไปอึกหนึ่ง “เห็นว่าความจริงก็อยู่กับครอบครัวในไทย แต่พอประสบอุบัติเหตุมีเพชรรอดมาคนเดียว จะตามหาญาติก็มีแต่คุณกิ่งแก้ว คุณธีร์คงเห็นว่าคุณกิ่งแก้วเป็นคนของคุณนายเพชรรัตน์ล่ะมั้งคะถึงดูแลไว้ก่อน”
รสรินคิดตามที่โรสบอก ช่างน่าขัน ทั้งที่น้ำเพชรก็ไม่ใช่เด็กแล้วและอยู่ในวัยที่ใช้ชีวิตของตัวเองได้แต่ก็ยังไม่ไปไหนเพราะไม่มีความทรงจำและไม่มีที่ไป ส่วนธีร์นั้นดูจะมีความต้องการอื่นแฝงอยู่ สัมผัสได้จากสายตาของเขาที่ไม่ได้มองใครแบบนั้นมานานมากแค่ไหน ไม่มีทางที่น้ำเพชรจะเป็นเพียงคนอื่นไกลมาก่อนแน่
“ดูสองคนนั้นจะสนิทกันเป็นพิเศษนะ” รสรินเอ่ยขึ้น
“อาจเพราะอยู่บ้านเดียวกันมั้งคะ คุณธีร์ดูแลเพชรดีมากเลยด้วย อยากเรียนก็ส่งให้เรียน อยากไปไหน ทำอะไรก็ไม่เคยว่าอะไร ดีที่เพชรไม่ใช่พวกเหลวไหลน่ะค่ะก็เลยไม่มีปัญหา”
“แล้วไตรล่ะ สนิทกับน้ำเพชรบ้างหรือเปล่า บ้านนั้นมีแต่ผู้ชายคงจะอึดอัดนะ”
“พี่ไตรก็ดูสนิทนะคะ แต่พี่ไตรก็ไม่ได้อยู่บ้านนั้นตลอดคงไม่อะไรมาก” โรสตอบไปตามที่คิดก่อนที่จะกลับมานั่งลงตรงเก้าอี้ตัวตรงข้ามกับรสริน “ดูแม่จะสนใจน้ำเพชรนะคะ มีอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่า แม่แค่ถามเฉยๆ เห็นว่าช่วงนี้สนิทกับแกนี่นา”
“เพชรนิสัยดีนะคะ แม่ไม่ต้องห่วงหรอก”
“อืม ถ้าอย่างนั้นว่างๆ ก็ชวนมากินข้าวที่บ้านเราหน่อยสิ”
“ได้สิคะ เดี๋ยวโรสชวนให้”
หลายวันต่อมา
น้ำเพชรเดินตามหลังร่างสูงของธีร์เข้ามายังร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งถูกจองโต๊ะไว้ก่อนหน้านี้ หญิงสาวสวมชุดเดรสสั้นสีขาวพร้อมมัดผมเบี่ยงข้างขวาทำให้เธอดูอ่อนหวานถนัดตา ขณะที่นายใหญ่นั้นสวมชุดสูทสีเทาเข้ม ซึ่งเธอก็ชินตากับการที่เขาสวมสูทไปแล้ว
คำถามเมื่อหลายวันก่อนที่เธอถามเขาในสนามซ้อมยิงปืนนั้นได้คำตอบที่ไม่น่าประทับใจนัก แต่น้ำเพชรก็เผื่อใจไว้ตั้งแต่แรกว่าเขาคงตอบว่า ไม่รู้ แล้วมันก็เป็นอย่างที่คิด เพิ่มเติมแค่เขาบอกว่าหุ้นส่วนรายใหญ่คนใหม่ของเขาก็มีชื่อว่าจอมทัพเช่นกัน ซึ่งตอนนี้บริษัทของเขาก็มีเรื่องไม่ชอบมาพากลตั้งแต่จอมทัพคนนั้นกวาดซื้อหุ้นไป
ต้องเป็นคนเดียวกันแน่
ตั้งแต่วันนั้นที่พวกเขาคุยกัน น้ำเพชรก็รู้สึกได้ว่าเธอเห็นหน้านายใหญ่น้อยลง ซึ่งมันคงเป็นอย่างที่เขาบอกว่าบริษัทของเขามีเรื่องไม่ชอบมาพากลและเขาเองก็ดูเป็นคนให้ความสำคัญกับงานมากด้วย
การที่พวกเขาไม่ค่อยได้เจอกันและครั้งสุดท้ายที่คุยก็ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาดูห่างเหินไปจากเดิม น้ำเพชรรู้ดีว่าเธอเองก็เป็นฝ่ายรักษาระยะห่างเพื่อไม่ให้ตัวเองคิดไปไกลมากกว่านั้น แม้คืนนั้นเธอจะสัมผัสได้ว่าเขารู้สึกยังไงและมันยิ่งอันตรายที่เธอเองก็เริ่มรู้สึกแบบเดียวกัน ทั้งที่เธอก็ต้องการความทรงจำของตัวเองคืน
วันนี้จึงถือว่าเป็นโอกาสพิเศษเล็กๆ ที่น้ำเพชรเองก็ไม่รู้มาก่อนว่าเขาจะพามากินข้าวนอกบ้าน สองเท้าก้าวมาตามทางโดยที่ร่างสูงคอยลอบมองเธออยู่ไม่ห่าง ก่อนที่เขาจะละสายตาจากเธอไปเพราะพบกับชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินสวนมา
จอมทัพกับราตรี
ทั้งคู่มองมาทางพวกเขาพร้อมกับเดินเข้ามาหยุดยืนคุยกันตามประสาคนรู้จัก น่าแปลกที่จอมทัพกับราตรีรู้จักกัน น้ำเพชรมองราตรีที่ยิ้มให้กับเธอ ผู้หญิงคนนี้แม้จะดูมีอายุประมาณหนึ่งแต่กลับยังสวยและดึงดูดสายตา ทั้งหน้าตา การแต่งตัว แม้บุคลิกจะดูน่ากลัวไม่ต่างจากรสริน
น้ำเพชรไม่รู้ว่าเธอคนนี้เป็นใคร เพียงแต่เห็นแววตาจอมทัพที่มองมาทางเธอนิ่งสลับกับมองนายใหญ่นั้นมันดูเป็นสายตาที่ไม่สบอารมณ์นัก ก่อนที่จอมทัพจะเปลี่ยนสีหน้าแล้วเป็นฝ่ายทักทายนายใหญ่ก่อน
“สวัสดีครับ บังเอิญจังที่เจอคุณที่นี่” จอมทัพพูดขึ้นพร้อมพลางยิ้มมุมปาก
“ครับ ไม่คิดว่าคุณจะรู้จักกับราตรีด้วย” นายใหญ่พูดแบบนั้นจึงทำให้น้ำเพชรลอบมองเขาและผู้หญิงตรงหน้าโดยทันที หรือว่าผู้หญิงคนนี้จะอยู่ในที่ประชุมจักรวาลด้วยอีกคน
“คงรู้จักกันแล้วสิ จอมทัพเป็นลูกบุญธรรมของฉันเอง” ราตรีตอบ
“ถ้าอย่างนั้นตระกูลจันทราก็คงมีทายาทแล้ว”
“ก็คงดีกว่านี้ถ้าไม่ได้เป็นแค่ผู้นำตระกูลเดียว” ราตรีพูดอย่างมีเลศนัยก่อนจะหันไปมองน้ำเพชรที่ยิ้มรับเมื่อเห็นว่าเธอมองมา “ดูเหมือนว่าการันต์จะพูดถูกนะ ที่บอกว่าถ้าฉันมาเจอเธอเองก็คงจะสนใจไม่ต่างกัน”
“?”
“ฉันราตรี ยินดีที่ได้รู้จัก” ราตรีพูดพลางยื่นมือมาทางน้ำเพชร ทำให้หญิงสาวอายุน้อยกว่าเอื้อมมือไปจับเพื่อทักทายกลับพร้อมยิ้มบางให้ ถึงแม้ว่าใจจริงเธอจะอยากไหว้มากกว่าแต่คิดว่าราตรีคงชินกับธรรมเนียมเมืองนอกไปแล้ว
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ ฉันน้ำเพชร อ๊ะ!” น้ำเพชรหลุดอุทานออกมาหลังจากที่ราตรีจับมือเธอแน่นแล้วกระชากเธอเข้าไปหาตัวกะทันหันจนเธอเกือบล้มเข้าไปในอ้อมแขนของผู้หญิงตรงหน้า
ราตรีดูจะไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนใจอะไรนักกับพฤติกรรมไร้มารยาทแบบนั้น แต่เธอกลับลอบยิ้มที่มุมปากแล้วก้มหน้าลงมาใกล้น้ำเพชรพร้อมกับจดจ้องใบหน้าของเธอไม่วางตาจนน้ำเพชรไม่กล้าหลบสายตาไปด้วย
ทำไมผู้หญิงของที่ประชุมจักรวาลถึงน่ากลัวแบบนี้นะ
แต่เดี๋ยวก่อน หากราตรีคือผู้นำตระกูลจันทรา นั่นก็หมายความว่าเธออาจเป็นน้องสาวที่ทรยศพี่ชายด้วยการยึดอำนาจมาเมื่อหลายปีก่อนจะหนีไปอย่างที่นายใหญ่เคยบอกก็ได้ เพราะฉะนั้นเธอจึงจัดว่าเป็นคนที่อันตรายและไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่นัก และถ้าเธอเป็นแม่เลี้ยงของจอมทัพ เธอยังจะสามารถไว้ใจจอมทัพได้อยู่หรือเปล่า
“ชื่อน้ำเพชรหรือ ใครเป็นคนตั้งให้เนี่ย” ราตรีถามด้วยระยะใบหน้าห่างกันเพียงคืบ พร้อมกับมองน้ำเพชรพร้อมยิ้มอย่างไม่น่าไว้ใจนัก แต่น้ำเพชรก็พยายามรักษามารยาทเอาไว้
“เอ่อ ฉันลืมไปแล้วน่ะค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ คุณ...!” น้ำเพชรสะดุ้งอีกครั้งเมื่อราตรียื่นหน้าเข้ามาจูบลงตรงข้างแก้มของเธอเบาๆ ทำให้เธอชะงักไปทันที
“เป็นเด็กดีแบบนี้ ธีร์คงจะเอ็นดูมากเลยนะ”
“ลูกชายของเธอก็ดีนะ ท่าทางว่าจะชอบเรื่องธุรกิจไม่ต่างกัน” ธีร์พูดพลางเอื้อมมือไปประคองเอวของน้ำเพชรให้ออกมาจากราตรีพลางลอบมองรองเท้าของเธอที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก ก่อนจะตัดบทสนทนาเสียงเรียบด้วยใบหน้านิ่ง “ฉันไม่กวนแล้วดีกว่า แล้วเจอกันครั้งหน้าละกัน ขอตัวก่อนนะครับคุณจอมทัพ ราตรี”
“แล้วเจอกันนะครับคุณธีร์ คุณน้ำเพชร” จอมทัพพูดก่อนที่ทั้งหมดจะเดินแยกกันไปคนละทาง โดยที่จอมทัพลอบมองตามน้ำเพชรไม่วางตา ส่วนน้ำเพชรเองก็หันหลังกลับไปมองทั้งคู่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“รู้จักเขาหรือ?” นายใหญ่เอ่ยถาม
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะคะ”
“ปกติหนูไม่เคยมองใครแบบนั้นนี่นา”
“ไม่รู้จักหรอกค่ะ แค่คุ้นๆ เท่านั้นเอง” น้ำเพชรแสร้งพูดไปแบบนั้นเพราะยังไม่อยากรีบบอกความจริงกับเขาไป เธออยากดูสถานการณ์ของทุกคนให้แน่ใจเสียก่อน
“ก็ไม่แปลกนะที่จะคุ้น”
“?”
อะไรกัน นายใหญ่พูดแปลกๆ อีกแล้ว...
“นั่งก่อนสิ” ธีร์พูดพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้ให้น้ำเพชร รู้ตัวอีกทีเธอก็เดินมาจนถึงโต๊ะอาหารตรงดาดฟ้าที่มองเห็นวิวทิวทัศน์และท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน ซ้ำยังเป็นโต๊ะที่แยกเป็นส่วนตัวไม่ปะปนกับโต๊ะอื่นในร้าน
หญิงสาวนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับคนอายุมากกว่า เธอมองเชิงเทียนที่ถูกจุดขึ้น แก้วไวน์และดอกไม้ที่วางประดับบนโต๊ะก็รู้ได้ทันทีว่าอาหารมื้อนี้ต้องมีราคาไม่ธรรมดาแน่ๆ ไม่นานนักพนักงานเสิร์ฟถือไวน์ขวดหนึ่งมารินให้กับทั้งคู่แล้วอาหารที่สั่งไว้จึงถูกมาวางเสิร์ฟตามหลัง
ธีร์ลอบมองคนตรงหน้าที่ลองลิ้มรสไวน์แดงแล้วเปลี่ยนไปมองบรรยากาศรอบนอกก่อนจะทำสีหน้าพอใจกับมัน เขาลอบยิ้มออกมาพลางมองเธอนิ่งก่อนจะที่เธอจะหันกลับมาแล้วหยิบส้อมกับมีดมาหั่นอาหารในจาน
ราวกับภาพวาดที่ความทรงจำใดจะระลึกไว้ได้หมด ช่วงเวลายามที่เห็นรอยยิ้มของเธอนั้นมันช่วงเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหายไปในใจของเขาได้มากมายโดยที่เธอเองก็คงไม่รู้ตัว น้ำเพชรเงยหน้าจากจานอาหารขึ้นมามองเขาพลางย่นคิ้วเมื่อเห็นเขาเอาแต่นั่งจ้องเธออย่างนั้นพร้อมกับเอามือเท้าคาง
“มีอะไรติดหน้าหนูหรือเปล่าคะ?” เธอเอ่ยถาม
“เปล่า แค่วันนี้หนูสวยเป็นพิเศษ”
“จะไม่สวยได้ยังไงคะ เลือกชุดตั้งนานยิ่งกว่ามาออกเดทอีก”
“ก็ถือว่าซ้อมไปก่อนสิ” เขาพูดพลางยิ้มมุมปากแล้วยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม ส่วนน้ำเพชรนั้นลอบยิ้มเขินเพียงลำพังหลังได้ฟังคำพูดของเขาแบบนั้น พูดจาหวานก็เป็นด้วยนะคนแก่เนี่ย “ชอบที่นี่หรือเปล่า?”
“ชอบค่ะ วิวสวยดี ขอบคุณนะคะ”
“แล้วที่บ้านล่ะ ชอบหรือเปล่า?”
“ก็ชอบนะคะ” น้ำเพชรพูดพร้อมกับหั่นเนื้อในจานแล้วตัดเข้าปากไปหนึ่งคำ ก่อนเธอจะนึกได้ระหว่างเคี้ยวอาหารในปาก “นายใหญ่คะ”
“?”
“คุณราตรี ใช่คนที่ยึดอำนาจมาจากพี่ชายอย่างที่คุณเคยเล่าให้ฟังหรือเปล่าคะ?”
“ดูตาเธอก็น่าจะรู้นะ ร้ายกาจขนาดนั้น” ธีร์พูดพลางลอบยิ้มและขำเสียงเบา “ความจริงราตรีไม่ใช่พวกที่จะต้องกลัวหรอก ถ้าไม่มีใครเผลอไปเหยียบเท้าก็แทบจะไม่ใส่ใจใครเลย เพียงแต่ภายนอกดูไม่น่าคบแล้วก็ไม่ค่อยเกรงใจใครเท่าไหร่”
“...”
“น่าแปลกนะที่เธอมีลูก ปกติเธอดูจะไม่สนใจเรื่องครอบครัวสักนิด”
“คุณจอมทัพคนนี้หรือคะที่มาทำธุรกิจกับคุณ?”
“อืม ไม่แปลกใจแล้วล่ะว่าทำไมหุ้นถึงแปลกไป”
“...”
“ถ้าโตมากับราตรี ก็แทบไม่ต้องกลัวเรื่องหุ้น” ธีร์พูดพร้อมกับวางแก้วไวน์ไว้ตรงขอบโต๊ะ ก่อนที่พนักงานเสิร์ฟจะเดินมารินเพิ่มให้ “กลัวเรื่องอื่นที่มันจะร้ายแรงกว่าเรื่องหุ้นมากกว่า”
“คุณดูไม่ไว้ใจเขาเลยนะคะ”
“ในทางธุรกิจก็ไม่น่าไว้ใจตั้งแต่เข้ามากวาดหุ้นทั้งหมดแล้วล่ะ พอรู้ว่ามาจากตระกูลจันทราก็ยิ่งต้องระวัง แต่ที่จริงแล้วมันก็มีเรื่องอื่นที่ทำให้ฉันไม่ค่อยไว้ใจเขาสักเท่าไหร่”
“?”
“เขาหน้าเหมือนคนที่ฉันรู้จัก เหมือนเกินไป”
“คนที่คุณเคยรู้จัก?” น้ำเพชรขมวดคิ้วพลางจ้องเขาด้วยความสงสัยหลังได้ฟังแบบนั้น ผู้ชายคนนั้นคือคนที่อยู่ในความฝันของเธอและเขาคงเป็นคนที่อยู่ในความทรงจำที่หายไปของเธอด้วย แต่นายใหญ่กลับเคยเห็นเขามาก่อน มันบังเอิญเกินไปหรือเปล่า ยิ่งทุกอย่างเกิดในช่วงเวลาเดียวกันยิ่งแปลก
จอมทัพกับนายใหญ่ พวกเขา...
ปัง!
ยังไม่ทันที่น้ำเพชรจะได้ถามต่อ ลูกกระสุนปริศนาก็พุ่งเข้ามาเฉียดนายใหญ่ไปเพียงนิดเดียวเพราะเขาประสาทสัมผัสดีพอที่จะรู้ทันว่ากำลังถูกลอบทำร้าย ทำให้ลูกกระสุนนัดนั้นพุ่งไปทะลุแก้วทรงสูงที่อยู่ในมือของเขาแทน เศษแก้วจึงกระจายแตกเป็นเสี่ยงและมีบางเศษที่บาดมือของเขาจนเลือดไหลเป็นทาง
เพล้ง!
บรรยากาศในร้านเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เสียงกรีดร้องดังขึ้นจากทั่วสารทิศด้วยความตกใจและหวาดกลัว ทุกคนต่างวิ่งและมีส่วนใหญ่ที่หมอบลงกับพื้น ธีร์รีบลุกขึ้นพร้อมกับดึงปืนจากข้างลำเอวของตัวเองออกมาพร้อมกับประคองเอวบางแล้วพาน้ำเพชรออกจากที่นี่อย่างไวที่สุด
“ทางนี้ครับนายใหญ่” ขุนพูดพร้อมเปิดประตูทางออกหลังร้านให้ทั้งคู่ ก่อนที่พวกเขาจะเดินออกไปทางนั้นโดยผ่านครัวที่กำลังวุ่นวายหลังจากมีเสียงปืนนัดที่สองดังตามมาเพียงไม่กี่นาที
น้ำเพชรรีบสับขาเดินไปพร้อมนายใหญ่ก่อนที่จะมีชายในชุดพ่อครัวคนหนึ่งฝ่าวงล้อมเข้ามาพร้อมมีดกระโจนเข้ามาหาทั้งคู่แต่มือหนาของนายใหญ่รีบดึงน้ำเพชรออกไปจากตรงนั้น พร้อมกับส่งขายาวถีบกลางอกชายคนนั้นอย่างแรงในเวลาเสี้ยววินาทีจนชายคนนั้นกระเด็นไปอีกทาง
โครม!
“รองเท้าวิ่งถนัดหรือเปล่า” ร่างสูงเอ่ยถามน้ำเพชรก่อนที่เธอจะพยักหน้ารับไปเสียก่อน ทั้งที่ตัวเองก็ไม่แน่ใจกับมันมากนัก แต่ในช่วงเวลานี้มันคับขันเกินกว่าจะหยุดถอดรองเท้าได้
ขุนมองไปด้านหน้าแล้วพบกับชายอีกสองคนที่ตรงเข้ามาพร้อมอาวุธ ทำให้เขาต้องจัดการคว้ามีดขึ้นมาสู้ด้วยการฟันไปที่พวกมันแต่ในขณะเดียวกันก็ต้องป้องกันความปลอดภัยของเจ้านายด้วย ธีร์เห็นดังนั้นจึงคว้าปืนขึ้นมายิงเข้าทั้งคู่ด้วยความแม่นยำ แล้วจึงพาน้ำเพชรวิ่งออกไปอีกทางหลังจากมีพวกที่เหลือวิ่งตามเข้ามาในครัว
“เดี๋ยวผมจัดการเองครับ” ขุนพูดพร้อมกับรับมือพวกคนที่ตามมา โดยที่น้ำเพชรกับธีร์นั้นรีบสาวเท้าวิ่งลงบันไดหลังร้านแล้วรีบเดินออกจากตรงนั้น
ไม่ทันที่จะเดินไปได้ไกลเท่าไหร่นัก กระสุนนัดหนึ่งก็พุ่งเข้ามาทำให้ธีร์ดึงน้ำเพชรเข้ามาในอ้อมแขนแล้วหลบมัน น้ำเพชรเริ่มหอบหายใจด้วยความตกใจก่อนที่ธีร์จะยิงไปที่มือปืนคนนั้นและพวกที่อยู่อีกฝั่งซึ่งกำลังสาดกระสุนมาทางพวกเขา ร่างสูงจึงพาน้ำเพชรนั่งหลบตรงขั้นบันไดที่เป็นแผ่นปูนหนา
ปัง! ปัง!!
“มือคุณ..” น้ำเพชเอ่ยทักเมื่อเห็นว่ามือของธีร์มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด
“ไม่เป็นไร เอาปืนมาด้วยหรือเปล่า?”
“เอามาค่ะ คุณจะใช้มันหรือ?”
“เปล่า หนูเก็บไว้ใช้เองเลย แล้วก็เอานี่ไว้ด้วยเผื่อกระสุนหมด” นายใหญ่พูดพร้อมกับดึงมีดพกของเขาให้กับน้ำเพชร เธอรับมาแม้จะไม่มั่นใจนักแต่ในเวลานี้คงไม่เหมาะต่อการถาม “ฉันจะถ่วงเวลาตรงนี้ให้ หนูรีบวิ่งไปถนนหน้าร้านแล้วหารถกลับบ้าน ไม่ก็โทรให้ไตรมารับตามพิกัดมือถือ เข้าใจไหม?”
“แล้วคุณล่ะคะ?”
“เดี๋ยวฉันตามไป ไม่ต้องห่วง”
“แต่...”
“นับหนึ่งถึงสามในใจแล้ววิ่งเลย” เขาพูดกับเธอพร้อมเอามืออีกข้างที่ไม่เปื้อนเลือดลูบแก้มของเธอเพื่อทำให้เธอสงบลงและตั้งสติให้เร็วที่สุด “ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวเจอกันที่บ้าน”
น้ำเพชรพยักหน้าก่อนจะนับหนึ่งถึงสามอย่างที่เขาบอกจากนั้นจึงรีบวิ่งไปสุดฝีเท้า โดยที่นายใหญ่คอยยิงคุ้มกันให้ หญิงสาวหันกลับมามองเขาเพียงแวบเดียวด้วยความเป็นห่วงแต่เธอก็เชื่อคำพูดที่เขาสัญญาเอาไว้เมื่อไม่กี่นาทีก่อนว่าพวกเขาจะไปเจอกันที่บ้าน
หญิงสาววิ่งมาจนลับตาของอีกฝ่าย เธอหันซ้ายขวาเพื่อดูว่าไม่มีใครตามมา น้ำเพชรเดินไปตามทางมืดเปลี่ยวด้วยอาการตัวสั่นจากความกลัว ดวงตาคู่สวยมีน้ำตาคลอทำให้มือบางรีบปาดมันออกไปซะ สองเท้าย่างกรายบนพื้นถนนนั้นรีบย่างก้าวและภาวนาให้เรื่องร้ายมันผ่านไป
เธอพยายามรวบรวมความกล้าแล้วเดินต่อไปพร้อมกับคอยมองด้านหลัง ทั้งต้องคอยระวังว่าจะมีคนมาทำร้ายและอีกใจเธอก็รอคอยให้ธีร์วิ่งตามเธอมาจากทางนั้นด้วยสภาพที่ปลอดภัย
แต่แล้วเธอต้องชะงักฝีเท้าทันใดเมื่อสายตาของเธอพบกับชายกลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังตรงมาทางเธอ ทำให้น้ำเพชรรีบเดินกลับทางเดิมแต่เธอก็ต้องรีบหลบตรงมุมตึกเพราะพวกมันเริ่มยิงมาทางเธออย่างไม่สนใจอะไร น้ำเพชรดึงปืนออกมาพร้อมกับเตรียมลั่นไก โดยรอให้พวกนั้นกระสุนหมดเสียก่อน
ปัง! ปัง! ปัง!
หญิงสาวตอบโต้กลับบ้าง เธอดึงสติตัวเองกลับมาพร้อมกับรัวกระสุนไปด้วยความแม่นยำแต่แน่นอนว่าทางนั้นก็ไม่ยอมเป็นเป้านิ่งให้เธอง่ายๆ เธอจึงหลบเข้าที่เดิมแล้วก็ต้องหัวเสียที่ลูกกระสุนดันหมดเสียได้ น้ำเพชรนิ่งเมื่อเสียงปืนจากฝั่งนั้นเงียบไปก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงฝีเท้าที่วิ่งเข้ามาแทน เธอจึงดึงมีดพกสั้นของธีร์ขึ้นมาพร้อมป้องกันตัว
น้ำเพชรสูดลมหายใจเข้าปอดลึกในมุมตึกที่เป็นช่องทางแคบ มือของเธอเริ่มสั่นแต่เธอก็มั่นใจกับมีดเล่มนี้มากกว่าปืนที่กระสุนหมดไปแล้ว มือเรียวกำด้ามมีดในมือแน่นก่อนจะมองตามเงาของชายกลุ่มนั้นแล้วตัดสินใจเปิดงานด้วยการพุ่งเข้าไปฟันแขนพวกมันแล้วหาทางวิ่งหนีออกมา แต่มันก็ไม่ง่ายเพราะพวกมันไม่ยอมปล่อยเธอไปไหน
พลั่ก!
เธอถูกผลักลงกับพื้นจนร่างกายแทบระบม แต่น้ำเพชรก็หลบเท้าของพวกมันทันและรีบลุกขึ้นมาสู้ต่ออย่างคล่องตัวโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมร่างกายถึงเป็นไปอย่างไม่ต้องควบคุม เมื่อได้สติอีกครั้งเธอก็หมุนตัวแล้วใช้มีดฟันเข้าที่ลำตัวของพวกมันพร้อมใช้เท้าถีบคนที่วิ่งมาจากอีกฝั่งด้วยความแหลมของส้นสูง
ขาข้างหนึ่งฟาดเข้าที่ก้านคอของพวกคนที่สูงกว่า มือของเธอควงมีดในมืออย่างคล่องแคล่วและพร้อมรับมือกับคนตรงหน้า มือสวยฟาดฟันมีดไปตามท่วงทำนองที่ลอยเข้ามาในหัว ภาพความทรงจำบางอย่างเข้ามาพร้อมกับกลิ่นคาวเลือด ทำให้เธอนิ่งไปจนไม่ทันมองว่ายังเหลืออีกคนที่ยังรอดและยืนเล็งปืนมาทางเธอเพื่อลั่นไก
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้น้ำเพชรสะดุ้งออกมาจากภวังค์ความคิดประหลาดนั้นแล้วหันหลังกลับไปมองคนข้างหลังที่ล้มลงไปพร้อมรอยกระสุนที่ถูกเจาะกระโหลก หญิงสาวหันไปตามวิถีกระสุนนั้นก่อนจะพบกับนายใหญ่ที่เดินมาด้วยสภาพสะบักสะบอม ตามตัวของเขามีรอยเลือดและร่องรอยการต่อสู้
“ปลอดภัยใช่ไหม?” เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางมองมายังเธอ ทั้งที่เขาเองก็เดินแทบจะเซ น้ำเพชรพยักหน้าแล้วรีบเดินไปหาเขาพร้อมกับยื่นมือไปจับทั่วร่างเพื่อดูว่าเขาบาดเจ็บตรงไหนบ้าง “ฉันไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้วนะ”
“คุณไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหมคะ?” น้ำเพชรถามด้วยน้ำเสียงลนลานพร้อมกับน้ำตาที่คลอตรงขอบตาหวาน เธอทั้งสับสน หวาดกลัวและเป็นห่วงจนมืดสั่นระริก ทำให้ร่างสูงกุมมือข้างนั้นไว้แล้วทาบลงที่หัวใจของเขา เธอจึงเริ่มนิ่งลง
“ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ ใจเย็นๆ น้ำเพชร”
“...”
“กลับบ้านกะ...”
ปัง!
“!!” น้ำเพชรเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินเสียงปืนนัดนั้นก่อนที่ลูกกระสุนจะพุ่งเข้ามาที่ธีร์ ทำให้เขาล้มลงในอ้อมแขนของเธอ หญิงสาวตกใจและเผลอร้องไห้ออกมาอย่างไม่รู้ตัว เธอเขย่าตัวเขาเพื่อเรียกสติแต่ดวงตาของเขาก็ทำท่าจะปิดลงเต็มที “คุณธีร์! ฮึก อย่าเพิ่งหลับนะ ฮือ คุณธีร์”
น้ำเพชรเรียกเขาอยู่อย่างนั้นเหมือนคนเสียสติ เธอปาดน้ำตาตัวเองลวกๆ พร้อมกับเขย่าตัวเขาไปด้วย แต่ทันใดนั้นก็มีกลุ่มชายลึกลับเข้ามาประชิดตัวเธอแล้วกระชากร่างของเธอออกมาจากเขาอย่างแรง
“ปล่อย!! คุณธีร์!” หญิงสาวตะเกียกตะกายแต่ไม่เป็นผลเพราะชายสองคนที่ดึงเธอออกมานั้นมีแรงที่เยอะกว่าและเธอก็เผลอทิ้งมีดไปแล้วก่อนหน้านี้
ร่างบางดีดดิ้นทั้งน้ำตาด้วยความกลัวสุดขีด เธอมองไปยังธีร์ที่นอนคว่ำกับพื้นก็เห็นได้ทันทีว่าเขามีรอยมีดฟันที่หลังเป็นทางยาวก่อนจะถูกกระสุนนัดนั้นยิงเสียอีก น้ำเพชรถูกฉุดกระชากขึ้นรถตู้สีดำคันหนึ่งก่อนที่จะมีมือหนาโปะผ้าเช็ดหน้าซึ่งมียาสลบเข้าหน้าของเธอจนหญิงสาวแน่นิ่งไป
“นายใหญ่!” ขุนรีบวิ่งมาเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า แต่เมื่อเขามาถึงรถตู้ของพวกมันก็แล่นออกไปแล้วพร้อมกับน้ำเพชรที่ถูกลักพาตัวไป เขาทำได้เพียงมองป้ายทะเบียนรถคันนั้นแล้วรีบเข้ามาดูอาการของธีร์ที่สลบอยู่ตรงพื้น
พวกมันเป็นคนของใครกัน...
#วชิรอาญา