ตอนที่ 27 แผนสำเร็จ
อู่เจิ้งซือเก็บอารมณ์ขุ่นมัวเพราะอาการงอแงของอู่เหมยไว้เต็มอก บนตัวอู่เหมยมีแผลอยู่เต็มเชียว ถ้าไปหาคุณหมอหยางแล้วแผลพวกนั้นถูกพบเข้า คนอื่นจะว่าเขาอย่างไร?
เขาระงับอารมณ์โกรธไว้ พูดอย่างใจเย็น “อู่เหมยฟังพ่อนะ ตอนนี้คุณปู่คุณย่ากำลังรอเราอยู่ ให้ผู้ใหญ่รอนานเกินไปจะเสียมารยาทเอา เราไปบ้านคุณปู่ก่อนได้มั้ย?”
“คุณพ่อ หนูเจ็บมากเลย ฮือ เจ็บ...”
อู่เหมยร้องไห้หนักกว่าเดิม หากเป็นอดีตแล้วร้องไห้ในสภาพทรุดโทรมคงไม่มีใครคิดจะสงสาร อาจมีคนคิดว่าขี้เหร่แล้วยังฤทธิ์เยอะนัก แต่ตอนนี้พอเปลี่ยนโฉมมานั่งร้องไห้ปล่อยโฮกลับมีแต่คนรู้สึกสงสารจับใจ
“คุณครูอู่ เหมยเหมยดูไม่สบายจริงๆ นะ ส่งเธอไปหาคุณหมอหยางมั้ยครับ?”
เหมยซูหานทนไม่ไหวอีกต่อไป เขารู้สึกทรมานใจมากเมื่อเห็นอู่เหมยร้องไห้ เหมือนหัวใจถูกบางอย่างกุมรัดแน่นอกไปหมด
“เหมือนจะเจ็บมากจริงๆ นะ ทำไมคุณครูอู่ไม่ยอมพาไปล่ะ?”
“อาจจะรีบอยู่ล่ะมั้ง!”
เสียงวิพากษ์ดังขึ้นรอบด้าน ล้วนแต่เห็นใจอู่เหมยที่ดูเหมือนซินเดอเรลล่าผู้น่าสงสารในเทพนิยาย
“คุณครูอู่ ให้ผมพาเหมยเหมยไปหาคุณหมอหยางเถอะครับ”
เหมยซูหานโน้มตัวไปพยุงอู่เหมย อู่เหมยหลบอย่างอัตโนมัติเพราะไม่อยากถูกเหมยซูหานสัมผัสตัวเอง
“ฉันแบกเธอเอง เหมยเหมย”
เมื่อเห็นอู่เหมยหลีกเลี่ยงตัวเองเฉกเช่นปกติแล้วเหมยซูหานก็รู้สึกผิดหวังน้อยๆ จนใจหายวาบ เขาเองก็คิดไม่ตกว่าเขาจะรู้สึกเจ็บปวดไปทำไม ทั้งที่เป็นเรื่องปกติกับการที่อู่เหมยหลีกเลี่ยงเขา
“ไม่เอา ฉันจะให้คุณพ่อแบก”
อู่เหมยไม่อยากให้เหมยซูหานแบกเธอและไม่อยากให้อู่เจิ้งซือแบกเช่นกัน แต่ตอนนี้อู่เจิ้งซือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ในเมื่อเธอตัดสินใจจะเล่นละครแล้ว ก็ต้องแสดงให้จบ ไม่ยอมเดินเองเด็ดขาด!
อู่เจิ้งซืออุ้มอู่เหมยขึ้นด้วยสีหน้าถมึงทึง หากยืดเยื้อกันต่อไปรอคุณครูของโรงเรียนทานข้าวเสร็จออกมาเขาจะขายหน้ายิ่งกว่านี้ สายก็สายเถอะ เดี๋ยวค่อยอธิบายกับท่านผู้เฒ่า เสียหน้าที่บ้านดีกว่าเสียหน้าข้างนอก!
ส่วนคุณหมอหยาง เห็นทีต้องคอยดูท่าทีก่อนค่อยคิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อ
อู่เหมยนอนซบหลังอู่เจิ้งซือนิ่งๆ ในความทรงจำดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่อู่เจิ้งซือแบกเธอ ตอนเด็กเขาได้แบกเธอหรือไม่นั้นก็จำไม่ได้แล้ว อย่างไรเสียตั้งแต่จำความได้ อู่เจิ้งซือไม่เคยแบกเธออีก ไม่แม้แต่จะปรายตามองเธอดีๆ ด้วยซ้ำ
เหอปี้อวิ๋นเดินตามมาด้วยใบหน้าบึ้งตึง แน่นอนว่าเธอเองก็คิดไปถึงสิ่งที่อู่เจิ้งซือคิดได้ เธอกังวลยิ่งกว่าอู่เจิ้งซือเสียอีกเพราะแผลเหล่านั้นมาจากฝีมือเธอ เธอเป็นภรรยาและคุณแม่แสนดีอย่างที่คนอื่นชื่นชม จะลงมือหนักขนาดนี้ได้อย่างไร?
“คุณแม่อย่ากังวลไปเลย เหมยเหมยอาจจะปวดท้อง ตอนเลิกเรียนเธอร้องว่าปวดท้องมาตลอดทาง แต่สุดท้ายหายปวดแล้ว หนูเลยไม่ได้พาเธอไปหาคุณย่าหยาง” อู่เยวี่ยพูดเบาๆ
เหอปี้อวิ๋นตาวาว ใช่แล้ว! อีกเดี๋ยวบอกคุณหมอหยางว่าปวดท้อง แล้วให้ยาเตตราไซคลีนก็พอ เยวี่ยเยวี่ยฉลาดเสียจริง เก่งกว่ายายบ้านั่นหมื่นเท่า
บ้านคุณหมอหยางก็คือบ้านของเหยียนหมิงซุ่นซึ่งไม่ได้อยู่บริเวณอาคารบ้านพักครูที่เพิ่งสร้างใหม่ แต่อยู่บ้านพักครูหลังเก่า เป็นบ้านชั้นเดียวพร้อมสนามหญ้า คราแรกทางโรงเรียนได้แบ่งบ้านใหม่ให้คุณปู่คุณย่าของเหยียนหมิงซุ่น แต่ทั้งคู่เสียดายดอกไม้ต้นหญ้าที่ปลูกไว้ อีกอย่างพวกเขาไม่ชอบอยู่ในอาคารตึกสูงจึงปฏิเสธไปก่อนจะอยู่บ้านหลังต่อไป
บ้านตระกูลเหยียนจำได้ไม่ยาก อยู่หลังกำแพงสนามหญ้าเต็มไปด้วยดอกรุ่งอรุณนั่นเอง คุณย่าหยางได้จัดโต๊ะอาหารในสนามหญ้าเสร็จสรรพเพื่อรอหลานๆ กลับมา แต่กลับตกใจกับคนกลุ่มใหญ่
“คุณย่า เหมยเหมยไม่สบาย คุณย่าช่วยดูให้ที” เหยียนหมิงซุ่นอธิบายสาเหตุสั้นๆ
ตอนที่ 28 หลอกลวง
คุณย่าหยางอายุราวหกสิบกว่าๆ แต่ผมยังคงดำเงาวับไม่เห็นผมหงอกแม้แต่เส้นเดียว หน้าตาสดชื่นดูมีชีวิตชีวา ไม่เหมือนคนอายุหกสิบเลย
เธอให้อู่เจิ้งซืออุ้มอู่เหมยเข้าไปในบ้าน ท่านผู้เฒ่าเหยียนล้างมือออกมาพอดีก็ตกใจถามว่าเป็นอะไรไป เหยียนหมิงต๋าปากไวรีบอธิบายให้ฟัง ท่านผู้เฒ่าเหยียนปรายตามองมาที่อู่เหมยด้วยแววตาคมเฉี่ยวจนอู่เหมยไม่กล้าเงยหน้า
ท่านผู้เฒ่าผู้นี้ถือว่าเป็นผู้อาวุโสของโรงเรียนอี้จงอย่างแท้จริง เข้ามาสอนตั้งแต่เพิ่งเริ่มก่อสร้างโรงเรียนจึงได้ทุ่มเทกว่าครึ่งชีวิตให้กับโรงเรียนนี้ ทำให้เขามีตำแหน่งที่ค่อนข้างสูงพอสมควร แม้แต่ผู้อำนวยการโรงเรียนยังต้องให้ความเคารพนับถือ
เพราะผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจของเขา จะไม่ให้ความเคารพได้อย่างไรเล่า!
“อาจารย์แม่หยาง เหมยเหมยของฉันบอกว่าปวดท้อง ช่วยเอายาเตตราไซคลีนให้สักหน่อยก็พอ” เหอปี้อวิ๋นยิ้มกล่าว
คุณย่าหยางกล่าวอย่างไม่พอใจ “เจ็บท้องก็แบ่งได้หลายสาเหตุ จะทานยาเตตราไซคลีนมั่วๆ ได้ยังไง ถ้ากินยามั่วๆ อย่างพวกเธอจะมีคุณหมออย่างเราไว้ทำไม!”
โดนฮูหยินผู้เฒ่าตำหนิใส่รอบหนึ่ง เหอปี้อวิ๋นจึงไม่กล้าพูดอะไรตามใจปากอีกแล้ว หวังแค่ฮูหยินผู้เฒ่าอย่าเห็นแผลบนตัวยายคนนี้เท่านั้น ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องอับอายขายหน้าแน่ๆ!
สมองของอู่เจิ้งซือหมุนอย่างรวดเร็ว แค่ในเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งนาทีเขาได้คาดคิดถึงความเป็นไปได้นับไม่ถ้วน สุดท้ายตัดสินใจว่าไม่ว่าอย่างไรเขาจะเสียหน้าไม่ได้เด็ดขาด หากหลบหนีไม่พ้นก็จำต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อรักษาหน้าตอนนี้ไว้ก่อน
“อาจารย์แม่หยาง รบกวนช่วยดูทีว่าเป็นยังไงบ้าง เหมยเหมยร้องปวดท้องตั้งแต่ออกจากบ้าน ไม่รู้ว่าเธอปวดตรงไหน” อู่เจิ้งซือพร่ำร้องอย่างร้อนใจ
อู่เหมยมองอู่เจิ้งซืออย่างผิดหวัง จนถึงตอนนี้เธอเพิ่งเคยเห็นความหลอกลวงจากคุณพ่อตัวเอง ทั้งที่ก่อนออกจากบ้านเธอได้เปิดแผลให้อู่เจิ้งซือดูแล้วแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับแสร้งทำเป็นไม่รู้ เหอะๆ มิน่าอู่เยวี่ยถึงเสแสร้งเก่งนัก ที่แท้ก็ถ่ายทอดจากอู่เจิ้งซือมาทั้งหมด!
เดิมทีอู่เหมยยังคาดหวังในตัวอู่เจิ้งซืออยู่หน่อยๆ แต่ตอนนี้หมดสิ้นทุกความรู้สึกต่อคุณพ่อคนนี้แล้ว!
ในเมื่อพวกเขาใจร้ายกับเธอ อย่าหาว่าเธอใจร้ายบ้างแล้วกัน!
อู่เหมยกัดฟัน ตัดสินใจบีบน้ำตาให้ดวงตากลมโตปริ่มด้วยน้ำใส เรียกสายตาเห็นใจจากคนพบเห็น
“คุณย่าหยาง หนูเจ็บจังเลย เจ็บตรงนี้ เจ็บตรงนั้นด้วย เจ็บไปหมด”
อู่เหมยชี้ไปตามร่างกายไม่ว่าจะหน้าอกด้านหน้าหรือแผ่นหลังไปจนถึงแขนและไหล่ เหอปี้อวิ๋นสูญเสียความใจเย็นเพราะลน รีบกล่าว “เมื่อวานแกกลิ้งตกจากเตียงไม่ใช่หรือไง ตอนนั้นบอกไม่เจ็บ ทำไมตอนนี้มาเจ็บอีกแล้วล่ะ?”
อู่เยวี่ยสมกับที่เป็นลูกสาวที่กระแสจิตเชื่อมต่อกับเหอปี้อวิ๋น ไม่จำเป็นต้องคุยกันไว้ก็กล่าวต่อทันที “นั่นสิ เมื่อคืนทำเอาพี่ตกใจหมดเลย เหมยเหมยเธอนอนดิ้นจะตาย กลิ้งตกจากเตียงตั้งหลายรอบจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว”
อู่เหมยไม่อยากฟังเรื่องราวที่สองแม่ลูกนี่แต่งขึ้นมา เธอรีบทำหน้ามุ่ยใช้ดวงตาปริ่มน้ำตามองคุณย่าหยางอย่างน่าสงสาร
“คุณย่าหยางคะ หนูเจ็บ!”
เสียงโอดครวญเสียงเล็กเสียงน้อยราวกับเสียงแมวนั่นเหมือนขนนกเกลี่ยตรงหูเบาๆ ให้ความรู้สึกจักจี้ปนขนลุก
คุณย่าหยางจับความผิดปกติได้ เธอจูงมืออู่เหมยเข้าไปในห้องที่มีเพียงพวกเธอสองคน
“หนูถอดเสื้อผ้าออกให้ย่าดูหน่อย”
คุณย่าหยางมองเธออย่างรักใคร่ อู่เหมยที่แต่งตัวสดใสเช่นนี้ทำให้คนแก่อย่างเธอยิ่งเห็นยิ่งชอบใจ เป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาดีนะ เสียดายแค่ว่าโง่ไปหน่อย
อู่เหมยค่อยๆ รูดซิปกระโปรงด้านหลังลงช้าๆ และถอดกระโปรงออก เผยให้เห็นแผลช้ำเต็มแผ่นหลังที่เริ่มสีคล้ำ ต่อให้คุณย่าหยางจะเห็นรอยแผลจนเคยชินแต่ก็ตกใจกับภาพที่เห็น