ตอนที่ 25 รีบหยุดแต่พอดี
“อาจารย์อู่เข้าใจผิดแล้ว เมื่อก่อนที่ให้เหมยเหมยปล่อยผมเพราะตอนนั้นหน้าของเธอมีตุ่มขึ้น เหมยเหมยแทบไม่อยากมาโรงเรียนด้วยซ้ำ แต่จะไม่มาเรียนได้ยังไงกันล่ะ ฉันเลยให้เหมยเหมยปล่อยผมไปโรงเรียน ใครจะคิดว่าเจ้าเด็กนี่จะไม่ยอมมัดผมอีก อีกอย่างเด็กนี่นิสัยแปลกมาแต่เด็ก ฉันกับเยวี่ยเยวี่ยเกลี้ยกล่อมหลายครั้งแต่เด็กนี่ไม่ฟัง เฮ้อ!”
เหอปี้อวิ๋นลอบถอนหายใจทำท่าคล้ายคุณแม่แสนใจดีที่กำลังคิดหนักเรื่องลูก อู่เยวี่ยแอบโล่งใจ โชคดีที่ยังมีคุณแม่อยู่ ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องถูกเจ้าโง่นี่ใส่ร้ายแน่ๆ
คนอื่นได้ยินคำพูดของเหอปี้อวิ๋นพลางคลายสีหน้าลงราวกับเข้าใจเหอปี้อวิ๋นดีนัก เจอเด็กนิสัยแปลกประหลาดนี่มันน่ากังวลใจจริงๆ
อู่เหมยแค่นหัวเราะเสียงเย็นในใจ เธอจำไม่ได้สักนิดว่าตัวเองเคยมีตุ่มขึ้นที่หน้า สาเหตุที่ต้องปล่อยผมสยายตลอดเวลาเพราะมีครั้งหนึ่งเธอสอบได้คะแนนแย่ เหอปี้อวิ๋นตีเธอตามเคย บอกว่าเธอทำครอบครัวขายหน้าและห้ามเธอรวบผมขึ้นอีก เช่นนี้คนอื่นจะได้ไม่รู้ว่าเธอคือใคร
ตอนนั้นเธอทั้งเสียใจทั้งรู้สึกผิดเลยไม่คิดจะรวบผมขึ้นอีก ปล่อยให้ผมสยายปกคลุมใบหน้าเช่นนี้นานสิบกว่าปีจนก่อนที่เธอจะเข้าทำงาน เสียดายที่เมื่อนั้นเธอน้อยเนื้อต่ำใจจนความรู้สึกนี้มันซึมเข้ากระดูก ต่อให้มัดผมก็ยังก้มหน้าท่าทางหวาดระแวงตลอดเวลา
“หนูไม่ได้มีตุ่ม...” อู่เหมยอดอธิบายแย้งไม่ได้
“เหมยเหมย ตอนนั้นลูกยังเด็กจะจำได้ยังไง!” อู่เจิ้งซือกล่าวเสียงเข้ม หลงลืมทุกความอ่อนโยนใจเย็นเช่นเคย เหลือเพียงใบหน้าแสนเยือกเย็น
อู่เหมยสะท้านเฮือกได้สติทันที อู่เจิ้งซือกำลังอารมณ์ไม่ดีถึงที่สุด เมื่อกี้เธอใจร้อนเกินไป ควรจะอดทนไว้หน่อย
แต่เธอยอมไม่ได้จริงๆ นี่นา!
“เหมยเหมยเข้าใจพี่ผิดไปแล้วจริงๆ พี่จะพูดจาทำร้ายเธอทำไม? ตอนที่คนอื่นบอกว่าเธอน่าเกลียด พี่โกรธแทบตาย” อู่เยวี่ยกลั้นน้ำตามองอู่เหมย
“พี่ไม่เคยพูดจริงเหรอ?”
อู่เหมยมองอู่เยวี่ยนิ่ง ดวงตาดำขลับเหมือนหลุมลึกเรียกให้อู่เยวี่ยแอบรู้สึกผิดนิดๆ แต่ยังเถียงคำขาด
“งั้นก็พี่หมิงต๋าที่พูดโกหก” อู่เหมยหันปลายมีดคมไปทางเหยียนหมิงต๋าอย่างไม่รอช้า
ในเมื่อคนๆ นี้คือทาสที่จงรักภักดีของอู่เยวี่ย ในเมื่อเธอต้องการแก้แค้นอู่เยวี่ยเห็นทีคงไม่มีทางเป็นเพื่อนกับเหยียนหมิงต๋าได้
เหยียนหมิงต๋าตอบกลับทันควัน “ฉันไม่ได้โกหก ฉัน...”
อู่เหมยพูดขัดเขาด้วยสีหน้ายิ้มๆ “ถ้าพี่หมิงต๋าไม่ได้โกหกงั้นก็พี่สาวฉันโกหก ต้องมีใครสักคนพูดโกหก”
เหยียนหมิงต๋าเริ่มคิดย้อนกับตัวเอง เขามั่นใจได้ว่าเขาไม่ได้โกหกเพราะไม่ใช่ครั้งเดียวที่อู่เยวี่ยบอกเขาต่อหน้าว่าอู่เหมยหน้าตาไม่ดี แต่ถ้าเขาไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนโกหกจะกลายเป็นว่าอู่เยวี่ยเป็นคนโกหก เขาไม่อยากให้เด็กสาวที่ตัวเองชอบจะต้องมีมลทินติดตัวเลย
“ฉัน...ฉันเอง...” เหยียนหมิงต๋าอ้ำอึ้งพักใหญ่แต่ก็ยอมรับว่าตัวเองโกหกไม่ได้ เขาก้าวข้ามความคิดนี้ไปไม่ได้
อู่เยวี่ยรีบกล่าว “พี่หมิงต๋าไม่โกหกหรอก เขาน่าจะจำผิดมากกว่า ใช่มั้ยพี่หมิงต๋า?”
“ใช่ ฉันจำผิดเอง” เหยียนหมิงต๋าถอนหายใจโล่งอก
“งั้นฉันให้อภัยพี่หมิงต๋าก็ได้ คราวหลังอย่าจำผิดอีกล่ะ”
อู่เหมยยักไหล่ไม่ซักถามเรื่องนี้ต่อ อู่เจิ้งซือทื่ยืนข้างๆ หน้าตาถมึงทึงสุดขีดแล้ว เหอปี้อวิ๋นเองก็ลืมที่จะแสร้งยิ้มเป็นมารยาทอย่างเคย ตอนนี้เธอควรหยุดเท่านี้ก่อน จะได้ไม่ถูกทำโทษเอา
ตอนที่ 26 แผนใหม่
เหยียนหมิงซุ่นมองอู่เหมยที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างตกใจ ใจกล้าไม่น้อยนี่นา กล้าขัดขืนแล้ว!
แต่ยังไม่ฉลาดพอ เอาคืนแค่นั้นจะมีประโยชน์อะไร?
ตีงูต้องตีให้ตาย ถ้าตีไม่ตายก็ต้องรอ ค่อยๆ สั่งสมกำลังให้เพียงพอค่อยระเบิดพลังออกมาทีเดียว อู่เหมยใจร้อนเกินไป เธอทำแบบนี้มีแต่จะกระตุ้นให้สองสามีภรรยาอู่เจิ้งซือโกรธมากกว่าเดิม หากความประทับใจต่อเธอแย่ลง หลังจากนี้คงลำบากแย่
“หมิงต๋า กลับบ้านเถอะ”
เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยลาสองสามีภรรยาอู่เจิ้งซือ คนอื่นๆ แยกย้ายกันไปช้าๆ หันกลับมามองอู่เหมยเป็นบางครั้งเพราะเปลี่ยนแปลงไปมากเหลือเกิน ยายขี้เหร่ที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโรงเรียนกลับเป็นสาวน้อยหวานใส นี่มันข่าวใหญ่เลยนะเนี่ย!
ความบาดหมางระหว่างพี่น้องตระกูลอู่ด้วย ทุกคนไม่ใช่คนโง่ แม้เหอปี้อวิ๋นจะได้อธิบายให้ทราบแล้ว แต่ก็คิดว่าอู่เยวี่ยกับอู่เหมยต้องไม่ถูกกันแน่ๆ
อู่เยวี่ยยังจะมาเสแสร้งว่าพี่น้องรักกันดี ดูแล้วลูกสาวคนโตของตระกูลอู่นั้นไม่ใช่ย่อยเลย อายุแค่นี้กลับมีมารยาได้ขนาดนี้!
เหอปี้อวิ๋นรู้สึกถึงสายตาสงสัยของคนพวกนั้นจึงเกิดรู้สึกเสียหน้าขึ้นมา พยายามระงับอารมณ์ขุ่นมัวไว้ กระชากแขนอู่เหมยให้เดินไปข้างหน้าอย่างแรงพร้อมตะคอกเสียงต่ำ “ยังไม่รีบไปอีก!”
“โอ๊ย! แม่คะ เบาหน่อย แม่โดนแผลหนูแล้ว”
อู่เหมยเผลอหลุดเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ครึ่งหนึ่งเพราะเจ็บจริง อีกครึ่งเธอแสดงละคร เมื่อก่อนเธออดทนเก่งเกินไป ไม่ว่าเรื่องยากลำบากแค่ไหนก็เก็บไว้ในใจไม่พูดออกมา คนอื่นเลยไม่รู้อะไร ได้แต่นึกว่าเธอไม่เจ็บปวดสักนิด
ต่อจากนี้ไปเธอจะไม่ยอมทน ถึงจะเป็นเพียงความลำบากเล็กๆ น้อยๆ ความเจ็บปวดเพียงนิดก็จะไม่ทน มันแค่เรื่องที่ต้องตะเบ็งเสียงตะโกนเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องที่ว่าอู่เจิ้งซือจะพอใจหรือไม่นั้นเธอไม่สน เดิมทีอู่เหมยคิดจะหยุดแต่พอดี แต่การกระทำของเหอปี้อวิ๋นกระตุ้นความรู้สึกเธอเข้า เธอจะให้ทุกคนได้รู้ธาตุแท้ของเหอปี้อวิ๋น
เหยียนหมิงซุ่นถูกเสียงอ่อนหวานของเด็กสาวดึงดูดให้หันกลับไป กลับเห็นเด็กสาวก้มตัวลงด้วยสีหน้าเจ็บปวดอย่างมาก น้ำตาคลอเบ้าขับให้ดูน่าสงสารเหลือเกิน
มีแผล?
ได้แผลมาได้อย่างไร?
หรือว่าเมื่อกี้กลับไปแล้วโดนตี?
หากมีคนเข้าใกล้สักนิดจะเห็นว่าใบหน้าของเหอปี้อวิ๋นไม่สามารถหาคำใดๆ มาอธิบายได้แล้ว การขัดขืนครั้งแล้วครั้งเล่าของอู่เหมย ทำให้เหอปี้อวิ๋นอยากเอาไม้ขนไก่ฟาดยายเด็กนี่หนักๆ
“อู่เหมย เงียบเดี๋ยวนี้ รีบเดินไป!” เหอปี้อวิ๋นกดเสียงเบา
อู่เจิ้งซือไม่สบอารมณ์อย่างมาก พูดเสียงเบา “เหมยเหมย มีอะไรกลับบ้านค่อยว่ากัน ตอนนี้ยังอยู่ข้างนอกอยู่เลย”
อู่เหมยที่ก้มศีรษะอยู่ยกยิ้มมุมปาก สายตาฉายแววมีเลศนัย เพราะอยู่ข้างนอกเธอถึงพูดยังไงล่ะ พูดที่บ้านมีประโยชน์ซะที่ไหน!
“คุณพ่อ คุณแม่หยิกหนูอีกแล้ว หนูเจ็บจังเลย หนูเดินไม่ไหวแล้ว พ่อพาหนูไปทายากับคุณย่าหยางเถอะนะ พ่อคะ ขอร้องล่ะ!” อู่เหมยล้มตัวนั่งกับพื้นร้องไห้คร่ำครวญตามแผนที่วางไว้
อู่เหมยสังเกตว่าหลังจากได้มาเกิดใหม่ ต่อมน้ำตาของเธอนั้นใช้งานได้ดีจริงๆ ขอแค่เธออยากร้องไห้น้ำตาก็ไหลทะลักลงมาราวกับเขื่อนแตก อยากจะหยุดก็หยุดไหลทันที วิเศษจริงๆ
“ปี้อวิ๋น คุณทำเป็นหูทวนลมกับสิ่งที่ผมพูดไปหรือไง?” อู่เจิ้งซือปวดศีรษะอย่างมาก ไม่พอใจกับความไม่รู้จักแยกแยะของภรรยา โกรธแค่ไหนรอกลับไปปลดปล่อยที่บ้านไม่ได้หรือไง?
ทำไมต้องเลือกมาตีลูกข้างนอกให้อับอายขายหน้า!
“ฉัน...ฉันไม่ได้หยิกนะ เหล่าอู่ ฉันไม่ได้หยิกเธอจริงๆ!” เหอปี้อวิ๋นพยายามแก้ตัว
อู่เยวี่ยเริ่มลน เธอรู้ว่าผลลัพธ์ที่อู่เหมยงอแงเช่นนี้จะเป็นอย่างไร อู่เจิ้งซือเป็นคนรักษาหน้าตาตัวเอง เขาจะต้องโกรธมากแน่ๆ ถึงตอนนั้นอาจจะลามไปโกรธคุณแม่ รีบเข้าไปพยุงอู่เหมยแล้วปลอบเธอก่อนค่อยว่ากัน
“เหมยเหมยรีบลุกเร็ว ถ้าสายคุณปู่จะไม่พอใจเอานะ”
“หนูเจ็บ คุณพ่อคะ หนูเจ็บ เจ็บไปทั้งตัวเลย” อู่เหมยร้องไห้โดยไม่สนใจเธอ ราวกับเด็กที่กำลังอ้อนขอขนม
เหยียนหมิงซุ่นที่ดูอยู่กลับรู้สึกขบขัน ยายเด็กนี่เริ่มงอแงซะแล้ว ไม่รู้ว่าเธออยากไปบ้านเขาเพื่ออะไรกันแน่?