ตอนที่ 11 ต้นกระเทียมผัดหมูสองไฟ
ขณะนี้เป็นเวลาหัวค่ำที่มีแม่บ้านจากหลายครอบครัวกำลังผัดกับข้าวอยู่หน้าเตาควันโขมง กลิ่นกระเทียมและซอสถั่วเหลืองในกระทะส่งกลิ่นหอมแปลกๆ เสียงมันหมูถูกย่างเกิดเสียงดังฉ่าพร้อมกลิ่นหอมน้ำมันอีกแบบหนึ่ง อู่เหมยสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ กระตุกยิ้มมุมปาก
ต้นกระเทียมผัดหมูสองไฟ อาจารย์แม่จางผัดเนื้อหมูสองไฟอีกแล้ว มีเพียงหมูสองไฟที่มาจากฝีมือของเธอถึงจะมีกลิ่นหอมตามต้นตำรับ เมืองจินเป็นเมืองแถบใต้และรสชาติอาหารค่อนไปทางจืด หมูสองไฟไม่ใช่เมนูโปรดของคนในพื้นที่และเหล่าแม่บ้านทั้งหลายเองก็ไม่มีทางทำ อาจารย์แม่จางไม่ใช่คนในพื้นที่แต่เป็นภรรยาจากเมืองเสฉวนของอาจารย์จาง
แม้อาจารย์แม่จางไม่มีความรู้มากมายแต่เธอได้สืบทอดความงดงามและความสามารถในเรื่องงานบ้านตามฉบับหญิงแห่งเมืองเสฉวนมาเต็มๆ และมีทายาทกับอาจารย์จางแถมยังดูแลบ้านได้เป็นระเบียบดี ไม่มีใครไม่ชมเธอ ความสัมพันธ์ของสามีภรรยาเองก็ดีมาก อาศัยอยู่ห้องข้างๆ แต่เหอปี้อวิ๋นกลับดูถูกดูแคลนอาจารย์แม่จางเสมอเพราะหาว่าเธอไม่มีความรู้
ชาติก่อนอู่เหมยกับอู่เยวี่ยไม่ได้ให้ความเคารพนับถือกับอาจารย์แม่จางมากเท่าไรเพราะได้รับอิทธิพลจากเหอปี้อวิ๋น อู่เหมยขี้ขลาดเป็นทุนเดิมเลยไม่กล้าทักทายเป็นปกติ ส่วนอู่เยวี่ยกลับเสแสร้ง ไม่ว่าในใจจะดูถูกยังไงก็ต้องควบคุมสีหน้าให้ดี
ความจริงอาจารย์แม่จางดีต่ออู่เหมยกับอู่เยวี่ยอย่างมาก ปกติหากทำของอร่อยๆ เมื่อไรก็จะยกมาให้สองพี่น้อง อาจารย์แม่จางฝีมือการทำอาหารดีเยี่ยม โดยเฉพาะเกี๊ยวน้ำฝีมือเธอทั้งสดใหม่ทั้งอร่อย จนถึงตอนนี้อู่เหมยยังจดจำรสชาตินั้นได้ดี
“ซ่า”
อาจารย์แม่จางเทเนื้อหมูสามชั้นที่หั่นเป็นชิ้นๆ ไว้เสร็จสรรพลงกระทะ เนื้อหมูถูกพลิกไปมาในกระทะที่มีน้ำมันจนเกิดเสียงดังฉ่า จากนั้นจึงเทต้นกระเทียมที่สับเป็นท่อนๆ ลงไปคลุกเคล้า กลิ่นหอมนั้นแทบทำเอาน้ำลายไหลเสียให้ได้
“สวัสดีค่ะอาจารย์แม่จาง!”
อู่เยวี่ยยิ้มทักทายจางๆ ขับให้ดูมีมารยาทเหลือล้น แต่อู่เหมยรู้ว่าเธอเห็นอีกฝ่ายเป็นเพียงอากาศเท่านั้นเพราะดวงตาอู่เยวี่ยไม่ได้ยิ้มตาม อู่เหมยสังเกตว่าหากอู่เยวี่ยยิ้มมาจากใจจริงดวงตาจะโค้งไปตามรอยยิ้ม หากเป็นเพียงรอยยิ้มฉาบหน้า ดวงตาจะเป็นทรงเดิมไม่แม้แต่กะพริบด้วยซ้ำ
อาจารย์แม่จางอายุสี่สิบกว่ามีรูปร่างผอมเล็ก ผิวขาวเนียนและโครงหน้าเรียวรีตามฉบับหญิงจากเมืองเสฉวน ใบหน้าสะอาดสดใสแต่หางตามีรอยเหี่ยวย่นตามกาลเวลาทำให้พอจะดูออกว่าอายุไม่น้อยแล้ว
“เยวี่ยเยวี่ยเลิกเรียนแล้วเหรอ เหมยเหมยก็กลับมาแล้ว รีบกลับบ้านเถอะ แม่ของพวกหนูออกมาดูตั้งสองรอบแล้ว” อาจารย์แม่จางยิ้มตาหยี เธอพูดภาษาท้องถิ่นของเมืองจินแต่ฟังดูแปลกเล็กน้อยเพราะติดสำเนียงเสฉวนมาด้วย
อู่เหมยเดินเข้าไปยิ้มให้อาจารย์แม่จาง พลางคิดได้ว่าผมตัวเองยังปล่อยสยายอยู่เลยยกมือทัดผมไว้หลังหูเผยให้เห็นใบหน้าเนียนใส พูดเสียงเล็กเสียงน้อย “เนื้อหมูสองไฟของอาจารย์แม่จางหอมจังเลย น้ำลายหนูแทบไหลแล้ว”
อาจารย์แม่จางตกใจกับโฉมหน้าของอู่เหมย อาคารบ้านพักแห่งนี้เพิ่งสร้างมาได้หนึ่งปีเต็ม หมายความว่าบ้านของเธอเป็นเพื่อนบ้านกับตระกูลอู่มาได้ปีเดียวเท่านั้น ปกติเห็นอู่เหมยปล่อยผมสยายเหมือนผี คนอื่นล้วนบอกว่าลูกสาวคนเล็กของตระกูลอู่หน้าตาอัปลักษณ์ตรงกันข้ามกับพี่สาวราวฟ้ากับเหว
แต่ตอนนี้มาดูดีๆ อู่เหมยขี้เหร่ตรงไหนกัน?
ทั้งยังดูดีกว่าอู่เยวี่ยตั้งมากนี่นา!
ดูดวงหน้าเป็นรูปทรงนั่นสิ ผิวพรรณเนียนนุ่มที่เพียงแค่เห็นก็อยากหยิกสักที ไฝเสน่ห์กลางหน้าผากนั่นอีกที่แดงยิ่งกว่าหมึกสีชาดอยู่ตรงกึ่งกลางหน้าผากพอดิบพอดี จะให้จุดเองคาดว่าคงไม่พอดีขนาดนั้น
เธอเป็นแม่สาวน้อยแสนสวยชัดๆ เลยนี่นา ทำไมคนเหล่านั้นถึงกล่าวหาอู่เหมยได้น่าเกลียดขนาดนั้น?
สองสามีภรรยาอู่เจิ้งซือเองก็แปลก ที่คนอื่นพูดได้น่าเกลียดขนาดนั้น พวกเขาเองก็ไม่คิดจะออกมาแก้ข่าวสักนิด หากเป็นเธอมีลูกสาวสวยขนาดนี้ต้องดีใจมากแน่ๆ จะตัดเสื้อผ้าตัวใหม่ให้เธอสวมใส่อย่างสวยงามทุกวันเลย
ตอนที่ 12 เด็กโง่
อาจารย์แม่จางชำเลืองสายตาไปยังเสื้อตัวเก่าที่ไม่พอดีตัวของอู่เหมย ก่อนจะเหลือบไปดูชุดกระโปรงตัวใหม่ที่อู่เยวี่ยสวมอยู่พลางนึกถึงท่าทางที่เพื่อนข้างบ้านปฏิบัติต่อลูกสาวสองคนอย่างแตกต่าง ก็อดถอนหายใจไม่ได้เพราะเห็นใจอู่เหมยเหลือเกิน
“เหมยเหมยชอบกินเหรอ? รอป้าผัดเสร็จจะยกไปให้หนูถ้วยหนึ่งนะ!” อาจารย์แม่พูดด้วยท่าทางกระตือรือร้น
อู่เหมยอุ่นวาบไปทั้งใจรีบส่ายศีรษะ “ขอบคุณค่ะอาจารย์แม่ แต่คืนนี้หนูจะไปทานข้าวที่บ้านคุณปู่ ไว้วันหลังจะมาชิมฝีมือของอาจารย์แม่นะคะ”
ต่อให้เธออยากอยู่ทานเนื้อหมูผัดสองไฟของอาจารย์แม่ที่บ้านมากสักแค่ไหน อีกทั้งไม่อยากไปโดนเพิกเฉยที่บ้านคุณปู่ แต่เรื่องคืนนี้ไม่ว่าอย่างไรก็หนีไม่พ้น
“เหมยเหมยเร็วหน่อย คุณแม่เร่งแล้ว”
อู่เยวี่ยที่เดินเข้าบ้านไปก่อนก้าวหนึ่งเอ่ยเร่งเร้าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นเดิม ขอแค่มีคนนอกอยู่อู่เยวี่ยจะพูดจาเสียงอ่อนเสียงหวานเสมอ ในสายตาผู้อื่นนั้นอู่เยวี่ยเป็นเด็กผู้หญิงที่เรียบร้อยอ่อนโยน และเป็นเด็กดีคนหนึ่ง
อู่เหมยยิ้มให้อาจารย์แม่ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าบ้านไปโดยที่ผมยังทัดอยู่หลังหู ไม่ได้ปล่อยให้ปรกหน้าเหมือนเดิม ฝีเท้าของเธอทั้งหนักอึ้งเหมือนมีของหนักพันกิโลฯ ถ่วงอยู่ยามได้กลับบ้านหลังนั้น
ถ้อยคำทั้งหมดที่บุพการีกล่าวไว้ที่สถานีตำรวจเมื่อชาติปางก่อนยังก้องกังวาลอยู่ข้างหู ในใจอู่เหมยกระตุกวูบ จู่ๆ ก็ไม่กล้าเหยียบเข้าประตูบ้าน เธอยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับบุพการีของตน
“ยืนอยู่หน้าประตูทำไม? เพิ่งเปิดเทอมสมองก็ไม่ทำงานแล้วเหรอ?”
เหอปี้อวิ๋นที่อ่อนวัยลงยี่สิบปีเดินออกมาจากห้องนอน เห็นลูกสาวคนเล็กยืนค้างตรงประตูก็ขุ่นใจ เปล่งเสียงพ่นคำพูดที่ไม่ค่อยน่าฟังออกมา เธอไม่มีคำพูดดีๆ ให้ลูกสาวคนเล็กอยู่แล้ว หากไม่ใช่เสียงตำหนิก็คือเสียงประชด บางครั้งเก็บกดมาจากที่ทำงานกลับมาก็ระบายใส่อู่เหมยแทน
เหอปี้อวิ๋นรูปร่างผอมเพรียวในชุดกระโปรงลายดอกไม้สง่าราบเรียบ เหมาะสมกับมาดคุณครูประถมของเธออย่างมาก หน้าตาอู่เยวี่ยคล้ายเหอปี้อวิ๋นจริงๆ เดินออกไปข้างนอกย่อมดูออกว่าเป็นแม่ลูกกัน
มีเพียงอู่เหมยที่ไม่รู้ว่าหน้าตาเหมือนใคร ไม่เหมือนทั้งพ่อไม่เหมือนทั้งแม่ บางทีอาจจะได้สืบทอดจุดเด่นทั้งหมดของคู่สามีภรรยาอู่เจิ้งซือสินะ?
เสียงตำหนิแสนคุ้ยเคยของเหอปี้อวิ๋นที่ได้ยินเรียกให้อู่เหมยตัวสั่นกึก เผลอก้มหน้าลงทันที เหอปี้อวิ๋นเห็นท่าทางขี้ขลาดของเธอไฟในใจจึงยิ่งเดือดดาล
สมัยเหอปี้อวิ๋นยังวัยสาว ไม่ว่าจะเรื่องหน้าตาหรือการเรียนดีก็เยี่ยมทุกอย่าง มีผู้ชายมาตามจีบเธอต่อเป็นแถวยาวเหยียด ทั้งชีวิตนี้เธอพ่ายแพ้อยู่สองเรื่อง หนึ่งในนั้นคือการที่คลอดลูกสาวที่โง่เหมือนหมูอย่างอู่เหมย อีกเรื่องก็คือ...
เหอปี้อวิ๋นนึกถึงหญิงสาวที่โอ้อวดทำท่าได้ใจต่อหน้าเธอนั้นมีหน้าตางดงามเย้ายวน เสียงเล็กเสียงน้อยเหมือนคุณหนูตระกูลร่ำรวย ตำแหน่งคิ้วซ้ายมีไฝสีแดง แค่มองก็รู้สึกรำคาญใจ แต่คนๆ นั้นกลับชื่นชอบยายตัวแสบที่ไม่มีดีทั้งเรื่องหน้าตาหรือความสามารถ ไม่เห็นเธออยู่สายตา
พอนึกถึงเรื่องราวในอดีตเหอปี้อวิ๋นก็เกิดหงุดหงิดขึ้นมา ยิ่งไม่มีท่าทีที่ดีต่ออู่เหมยมากกว่าเดิม ก้าวเท้าเดินไปตรงประตูฉุดอู่เหมยที่กำลังยืนเหม่อเข้ามาแล้วปิดประตู
“วันนี้ได้คะแนนวิชาคณิตศาสตร์แค่แปดคะแนน? เมื่อวานได้ภาษาอังกฤษสิบแปดคะแนน สัปดาห์ที่แล้วสอบตกวิชาภาษา เพิ่งเปิดเทอมเธอก็สอบได้คะแนนดีขนาดนี้เชียว? สร้างหน้าสร้างตาให้กับฉันแล้วก็พ่อของเธอมากจริงๆ!”
ภายในไม่กี่นาทีที่อู่เหมยทักทายอาจารย์แม่จาง อู่เยวี่ยได้นำเรื่องคะแนนสอบวัดผลตอนเปิดเทอมของอู่เหมยฟ้องเหอปี้อวิ๋น วันนี้อู่เหมยไม่ค่อยเชื่อฟังนัก ให้คุณแม่จัดการเธอแล้วกัน!
อู่เหมยจะจำเรื่องคะแนนสอบเมื่อยี่สิบก่อนได้อย่างไร พอจำได้เลือนรางว่ามีการสอบวัดผลวิชาหลักตอนเปิดเทอมปีที่เรียนประถมชั้นปีที่ 5 คะแนนออกมาแย่เหมือนเดิม ส่วนจะแย่ขนาดไหนนั้นอู่เหมยก็จำไม่ได้แล้ว ใบหน้ามึนงงกระตุ้นความโกรธของเหอปี้อวิ๋นเข้าอย่างจัง ยื่นมือหยิกแขนอู่เหมยทันที