สามวันต่อมา...
สุภาพบุรุษชุดดำทั้งตัวยืนกอดอกหน้าเคร่งขรึมจ้องสาวเเม่ลูกอ่อนที่กำลังอุ้มลูกโดยมีมือขวาคนสนิทของเขาคอยอำนวยความสะดวกให้ เดินมุ่งหน้ามาทางรถที่เขาพิงแผ่นหลังอยู่
เขากลายเป็นมาเฟียลูกติดทันทีหลังผลตรวจดีเอ็นเอออกมายืนยันว่า ทารกน้อยคนนั้นคือสายเลือดเดียวกันกับเขา ทำได้เพียงถอนลมหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าหลังทราบผลและจำยอมให้แม่ลูกคู่นั้นเข้ามาอยู่ในบ้าน ไม่อยากถูกเพื่อนรักรวมหัวกันครหาว่าเป็นพ่อใจยักษ์ละเลยได้แม้กระทั่งสายเลือดตัวเอง
"ชักช้า" เขาหันไปเหน็บแนมเมื่อไอเดียร์พร้อมลูกเดินมาถึงรถ ชาริทเป็นฝ่ายขึ้นรถไปก่อนทำให้เจอาร์ทำหน้าที่ผายมือเชิญเพื่อเป็นสัญญาณบอกตำแหน่งที่เธอนั่งเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังยืนงุนงง
"ขอบคุณค่ะ" เธอก้มหัวให้เล็กน้อย ไม่ลืมเอี้ยวหน้ากลับไปมองตึกพักฟื้นเพราะยังเป็นห่วงความรู้สึกของติวเตอร์ เธอตัดสินใจออกมากะทันหันเพื่อไม่อยากเป็นภาระเขาไปมากกว่านี้ อีกทั้งเขายังพยายามเกลี่ยกล่อมไม่ให้เธอพาลูกไปอยู่กับชาริทและเปลี่ยนไปอยู่กับเขาแทน ถึงจะชอบในตัวตนของติวเตอร์แต่เธอก็ไม่อยากเป็นผู้หญิงเห็นแก่ตัวฉุดคนดีๆลงมา
"อ้าว! จะยืนเป็นนางเอกเอ็มวีอาลัยอาวรณ์คนรักอีกนานไหมแม่คุณ" คนในรถตะเบ็งเสียงกระแนะกระแหนใส่ ไอเดียร์ชักสีหน้ากลับมามองต้นเสียงแล้วก้าวขาขึ้นไปนั่งเพื่อจบปัญหาและลดการประทะฝีปาก เธอยังต้องพึ่งพาเขาอีกสักระยะ
คฤหาสน์ชาริท
"นายอยู่บ้านคนเดียวเหรอ" หญิงสาวเอ่ยถามในตอนที่เดินมาหยุดอยู่ในห้องกว้างลักษณะเป็นห้องโถงคล้ายห้องรับแขกของเหล่าคนรวย
"..." ชาริทไม่ได้ให้คำตอบเเต่เดินไปหย่อนตัวลงบนโซฟาแทน ทุกย่างก้าวที่คล่องตัวราวกับคนไม่เคยได้รับบาดเจ็บ
"งั้น... ฉันฝากลูกก่อนได้ไหม ฉันจะกลับไปเก็บเสื้อผ้า" เมื่อไร้สัญญาณตอบกลับ ไอเดียร์จึงถามต่อไปว่า "นายอุ้มลูกเป็นไหม"
"ไม่"
"แล้วได้เตรียมเปลไว้ให้ลูกนอนไหม ฉันไปเก็บของแป๊บเดียว"
"ไม่"
"..." ไอเดียร์ถอนลมหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ เธอเข้าใจว่าเขาไม่ต้อนรับให้เข้ามาอยู่ในบ้านตั้งแต่แรก แต่อย่างน้อยก็ควรทำหน้าที่พ่อที่ดีจัดเตรียมอะไรไว้ให้ลูกบ้างก็ยังดี
"นั่นเธอจะหอบลูกไปไหน" เขาพูดมากกว่าหนึ่งพยางค์ในตอนที่เธอหมุนตัวกลับตั้งท่าจะอุ้มลูกน้อยออกไปด้านนอก เมื่อถูกรั้งด้วยวาจาสองขาเล็กเป็นต้องหยุดชะงักแล้วเอี้ยวหน้าหันกลับมาให้คำตอบ
"ไปเก็บเสื้อผ้าไง"
"จะเอาลูกไปด้วย?"
"แล้วฉันพึ่งพาอะไรนายได้มากกว่านี้ไหมล่ะ" ประโยคตรอกกลับทำให้มาเฟียหนุ่มเงียบไปเมื่อเธอพูดมาเป็นจริงทุกคำ
"เดี๋ยว" ไอเดียที่ตั้งท่าจะก้าวขาเดินเป็นต้องหยุดการเคลื่อนไหวอีกรอบสอง เธอพ่นลมหายใจเสียงดังบ่งบอกว่าอารมณ์กำลังเริ่มเดือดดาล เอี้ยวหน้ากลับมาสบตาเจ้าของประโยคเมื่อครู่อย่างเอาเรื่อง
"อะไรอีก... ฉันเหนื่อยนะ" กลางคืนก็แทบไม่ได้หลับนอนเต็มอิ่ม ทั้งกังวลเรื่องติวเตอร์และกังวลเรื่องลูกไหนจะเรื่องเรียนต่ออีก
"ไม่ต้องไปขนเสื้อผ้าเน่าๆของเธอมารกบ้านฉัน"
"แล้วฉะจะเอาอะไรสะ.."
"เจ จัดการหาเสื้อผ้ามาให้หญิงคนนี้ ส่วนสิ่งของจำเป็นอย่างอื่นให้เธอจดใส่กระดาษให้" เขาหันไปบอกมือขวาคนสนิทโดยที่เธอพูดยังไม่จบประโยค
"ครับนาย"
"ส่วนเธอ พาลูกขึ้นไปบนชั้นสองห้องมุมสุด" ก่อนจะหันกลับมาพูดกับเธอแกมคำสั่ง หญิงสาวเมื่อไม่มีทางเลือกจำต้องอุ้มลูกน้อยในอ้อมแขนขึ้นไปเดินหาห้องมุมสุดโดยเจอาร์ทำหน้าที่เดินนำทางให้ หากเธอไม่มัวแต่พะวงอยู่กับทารกน้อยคงมีโอกาสได้สำรวจความใหญ่โตของคฤหาสน์หลังใหญ่ราวกับวัง
"ห้องนี้ครับ" เจอาร์เอื้อมมือเปิดประตูให้กับไอเดียร์อย่างเบามือ ถึงอย่างไรเธอก็ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ของนายน้อยทายาทของพวกเขา ดวงตาคมเหลือบมองทารกน้อยเพศชายในอ้อมแขนของไอเดียร์ อยากให้แม่ของเจ้านายได้มาเห็นหลานชายแบบเขาเห็นเหลือเกิน
"ขอบคุณนะคะ"
"อีกสิบนาทีเดี๋ยวผมเอากระดาษมาให้จดของใช้ส่วนตัว" เขาบอกเพียงเท่านั้น เมื่อเห็นเธอพยักหน้าทำความเข้าใจ ก็หมุนตัวกลับสาวเท้าออกไปอย่างเร่งรีบ ทุกการเคลื่อนไหวพรวดพราดและดูคล่องตัวเสียจนคนมองตามรู้สึกเวียนหัวแทน
"ไวอย่างกับนินจา" เธอส่ายหัวน้อยๆก่อนนำลูกชายไปวางลงบนเตียงกว้างสีขาว ลูกชายคงรู้ว่าผู้เป็นแม่รู้สึกเหนื่อยล้า ตั้งแต่เช้าจนถึงช่วงเย็นจึงไม่งอแงหรือร้องอ้อแอ้รบกวนเลย
เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายข้างแผดเสียงสั่นเรียกเจ้าของให้รับสาย มือเล็กทำหน้าที่รีบควานหาอัตโนมัติ เพราะเกรงว่าเสียงนั้นจะดังรบกวนทารกบนเตียงกว้าง ดวงตากลมเหลือบมองหน้าจอแล้วชะงักเล็กไปชั่วขณะเมื่อปลายสายโชว์เบอร์พี่ชาย หญิงสาวนิ่งชั่งใจอยู่เล็กน้อยก่อนตัดสินใจกดรับ
"สวัสดีค่ะพี่ดรีม"
[เดียร์ พี่มาหาเราทำไมไม่เปิดห้อง วันนี้วันหยุดงานไม่ใช้เหรอ]
"พี่ดรีมไปที่พักเดียร์เหรอคะ"
[ใช่ แอบพาหลานพี่ไปเที่ยวไหน ท้องก็เริ่มแก่แล้วนิ]
"เดียร์คลอดลูกแล้วนะคะพี่ดรีม พี่ได้หลานผู้ชายนะ"
[ห้ะ! จริงๆใช่ไหม! เเล้วเดียร์อยู่ไหนพี่จะไปหา ถ้าพ่อรู้ต้องดีใจแน่ๆเลยที่ได้หลานชายคนแรก] น้ำเสียงดีใจจากปลายสายออกนอกหน้า จนพลั้งปากพูดประโยคสุดท้ายออกไปอย่างไม่ทันคิด
"..."
[เอ่อ... เดียร์ พี่ขอโทษนะ เผอิญพี่ดีใจไปหน่อย]
"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวว่างๆเดียร์จะพาหลานไปหาพี่ดรีมเองนะคะ" เธอเลี่ยงการให้ที่อยู่ เพราะถึงอย่างไรก็รู้สึกเกรงใจเจ้าของบ้านหากจะให้ผู้เป็นพี่เดินเข้าออกในบ้านของมาเฟียหนุ่ม
ยิ่งพี่ชายเป็นคนอัธยาศัยดีชอบสร้างสัมพันธะไมตรีกับคนรอบข้าง เกรงว่าดรีมจะมาตีสนิทกับชาริท เธอมองว่ามันไม่จำเป็นสำหรับคนอย่างเขา เพราะถึงอย่างไรเมื่อครบกำหนดก็ต่างคนต่างอยู่
สองพี่น้องนั่งพูดคุยกันไปสักพักก่อนดรีมจะเป็นฝ่ายเอ่ยลาน้องสาวเมื่อถึงเวลาขับรถต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัด บางครั้งเธอก็แอบสงสารผู้เป็นพี่ที่ต้องดูแลครอบครัวตัวเองและดูแลพ่อแม่ไปด้วย ทั้งที่เธอเป็นลูกคนเล็กแท้ๆแทนที่จะได้อยู่ตอบแทนบุญคุณแต่ทำตัวเหลวแหลกให้พ่อแม่อับอายขายขี้หน้าชาวบ้าน
"เดินทางปลอดภัยนะคะพี่ดรีม" เธออวยพรประโยคสุดท้าย หลังปลายสายเอ่ยลาอย่างเร่งรีบ นอกจากดรีมและติวเตอร์แล้วก็เหลืออีกสองคนที่ยังสามารถพึ่งพาได้ ป่านนี้ทั้งสองคนคงเรียนจบและเริ่มหางานทำแล้วต่างจากเธอที่เพิ่งจะกลับไปเรียนกับรุ่นน้อง
_______________________________________
กับเรื่องเรียนไม่มีคำว่าสายนะจ๊ะ❤
พบคำผิดช่วยกันแจ้งเทียร์หน่อยนะคะ เขียนไปตาลายไป😂