หลายวันต่อมา...
เสียงหายใจหอบเมื่อท้องป่องนูนเริ่มปวดจนทำให้ไอเดียร์น้ำตาไหลบนวีลแชร์ที่กำลังถูกเข็นจากบุรุษพยาบาลด้านหลัง มือเรียวจับราวเหล็กเย็นเฉียบเเน่นจนสั่นเกร็ง
โดยไม่รู้ตัวเลยว่าติวเตอร์มองเธอด้วยความสงสารตลอดทางพร้อมกับหอบหิ้วเอกสารงานกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามตั้งแต่รถแท็กซี่ ถึงเธอจะไม่ปริปากร้องโอดโอยตามทางแต่ใบหน้าเจ็บปวดช่วยบรรยายความรู้สึกของไอเดียร์ได้เป็นอย่างดี
"อดทนหน่อยนะเดียร์" น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยของชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายเธอตลอดเวลาทำให้ไอเดียร์คลายความหวาดกลัวลงได้บ้างเพียงแค่ถูกเคลื่อนรถมุ่งหน้าไปยังห้องคลอดก็รู้สึกเจ็บทั้งกลัวตีกันไปหมด
"พี่เตอร์ไม่น่ารีบมาเลย เดียร์มาคนเดียวก็ได้" เธอฝืนตอบเสียงสั่น เป็นจังหวะเดียวกันกับรถเข็นเปลฉุกเฉินที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนกำลังเคลื่อนตัวด้วยความเร็ว ตามด้วยเหล่าชายฉกรรจ์ชุดดำห้าคนวิ่งกรูประกบหลัง
เสียงฝีเท้าหนักหลายคู่ดึงให้ไอเดียร์เผลอมองตามอัตโนมัติ จังหวะเดียวกันคนบนเตียงเอียงหน้าซีดเผือดมาให้คนบนวีลแชร์ได้ดูชัดๆ หญิงสาวตาเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าคมซึ่งเธอจำเขาได้แม่น
"นะ..นาย!" ไอเดียร์ร้องเสียงหลงเมื่อมั่นใจว่านั่นคือพ่อของลูกในท้อง ทำให้ชายหนุ่มชุดดำบนเปลลืมตาทั้งที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาส่งสัญลักษณ์ทางมือสั่งให้เจ้าหน้าที่ทางโรงพยาบาลหยุดการเคลื่อนไหว และลูกน้องชะลอฝีเท้าลงตามคำสั่ง
ครั้นรถเข็นเปลฉุกเฉินชะลอลงจนหยุดนิ่ง บุรุษพยาบาลทำหน้าที่ดันวีลแชร์หญิงสาวท้องแก่ไปหาคนรู้จักบนเปลตามสัญชาตญาณ ท่าทางของเธอมันบ่งบอกว่ารู้จักกับชายคนนั้น
"จำฉันได้ไหม ...โอ้ย!" เธอเกาะมือเรียวบนเปลสะกิดแขนทั้งที่ยังเจ็บท้องจะคลอด การที่เธอได้พบเขาโดยบังเอิญคงถือว่าเป็นโอกาสดี มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายหากจะเข้าไปคุยธุระเป็นการส่วนตัวกับเจ้าพ่อมาเฟียอย่างชาริท
"เธอ... มีอะไร" เขาถามกับเสียงเรียบราวกับคนปกติทั้งที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ การที่หญิงสาวท้องแก่ร้องทักในตอนที่เธอเองก็เจ็บปวดเช่นกันคงไม่ใช่ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบแน่
"เจอตัวก็ดีแล้ว ฉันท้องลูกนาย อีกสามเดือนช่วยฉันเลี้ยงด้วย" พระเจ้า! พระเจ้ากำลังเล่นตลกอะไรกับชีวิตเขา แผลถูกยิงก็เจ็บปวดทรมานเจียนตาย จู่ๆผู้หญิงที่เคยนอนด้วยก็มาบอกว่าเธอท้องกับเขา
"ใครให้มาบอกเรื่องแบบนี้ตอนจะตายวะ! อึก" เลือดบริเวณแผลกระสุนทะลักไหลออกในตอนที่ชาริทดันตัวไปโต้เถียง
"ฉันก็ปวดท้องจะตายเหมือนกัน!"
"เดียร์ พี่ว่า..."
"โอ้ย! พะ..พาเดียร์เข้าห้องคลอดเถอะค่ะ มะ..ไม่ไหวแล้ว" เธอรีบแทรกขึ้นทั้งที่ติวเตอร์พูดไม่ทันขาดคำ ก่อนจะผละตัวออกจากเปลทันที มือเรียวยกกุมหน้าท้องด้วยความทรมานแทบอ่อนระทวยลงไปนอนกับพื้นเย็น ความเจ็บที่เพิ่มทวีคูณเรื่อยๆเป็นสัญญาณเตือนว่าถึงเวลาที่เธอต้องเบ่งคลอดลูกน้อยออกมาลืมตาดูโลก ไม่มีเวลาพูดกับพ่อของลูกไปมากกว่านี้แล้ว
ไอเดียถูกนำตัวส่งไปยังห้องคลอดในทันทีในขณะที่ชาริทถูกนำตัวไปยังห้องไอซียู ทั้งเขาและเธอต่างต่อสู้กับความเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน เสียงกรีดร้องโอดโอยตามด้วยเสียงร้องของทารกน้อยจากห้องคลอด ในขณะที่ห้องผ่าตัดเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดของเหล่าทีมแพทย์ที่ทำงานภายใต้ความกดดัน
"พี่เตอร์~" เจ้าของชื่อรีบดันตัวลุกขึ้นเมื่อเห็นคนบนเตียงเรียกชื่อ ตรงไปยังข้างเตียงทำหน้าที่เปิดขวดน้ำเทใส่แก้วเปล่าและหลอดยื่นให้กับเธออย่างรู้งาน หญิงสาวบนเตียงคงเปล่งเสียงร้องจนคอแหบแห้งถึงได้รีบดื่มน้ำที่เขาส่งให้
"ขอบคุณค่ะ ลูกเดียร์ล่ะคะ" เธอคลายริมฝีปากออกจากหลอดสีขาวแล้วเงยหน้าตั้งคำถามกับผู้มีพระคุณ แพขนตางอนสวยยังเปียกชุ่มไปด้วยน้ำใสๆสบตารอเอาคำตอบ
"อย่าบอกพ่อของลูกได้ไหมเดียร์" ติวเตอร์วางแก้วน้ำบนโต๊ะข้างหัวเตียง พร้อมกับพูดในสิ่งที่ใจคิดออกไป
"เดียร์ว่า... "
"คุณชาริทเป็นมาเฟีย เขาไม่ใช่นักธุรกิจธรรมดา" เขาแทรกขึ้นไม่รอให้หญิงสาวได้พูดต่อ เพราะอย่างน้อยให้เธอรู้ตัวตนบุคคลอันตรายอย่างชาริทน่าจะทำให้คนบนเตียงล้มเลิกความคิดเหล่านั้น
"เดียร์รู้แล้วค่ะพี่เตอร์"
"วะ...ว่าไงนะ" ติวเตอร์แทบไปไม่เป็น นี่เขากำลังพลาดอะไรไปหรือเปล่า ยอมรับว่าเขาเองก็เพิ่งรู้ตัวตนของชายหนุ่มที่เมื่อครู่ว่าเขาคือหนึ่งในนักธุรกิจอันดับต้นๆของไทยและไต้หวัน อีกทั้งยังซ่อนความโหดเหี้ยมไว้ภายใต้ธุรกิจที่ใช้เป็นฉากบังหน้า
"เดียร์เคยไปบ้านเขาแล้ว พอจะรู้บ้าง" สองเดือนก่อนคลอดเธอรีบหาข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับชาริทเพื่อติดต่อให้เขาช่วยเรื่องลูก แม้ความหวังจะริบหรี่แต่เธอก็ยังมีอีกทางเลือกนั่นคือการตัดใจรอให้ลูกโตขึ้นแล้วค่อยเรียนต่อ
"ทำไมพี่ไม่เคยรู้ว่าเลยว่าเดียร์รู้จักกับเขา รู้จักกันนานหรือยัง"
"มันเป็นแค่ความผิดพลาดค่ะ" ไอเดียเมินเฉยต่อคำถามไม่ยอมให้คำตอบ
"แล้วตอนนี้พี่สามารถช่วยเหลืออะไรเดียร์ได้บ้าง"
"เขาเป็นยังไงบ้างคะ เดียร์สามารถไปเยี่ยมเขาได้หรือเปล่า" ไอเดียร์ยังคงถามต่อเพื่ออยากคุยธุระของเธอให้เเล้วเสร็จ แม้จะได้ยินเสียงถอนลมหายใจแรงๆของติวเตอร์ก็ตาม
"ยังไม่รู้ นอนพักก่อนเถอะเดี๋ยวพยาบาลก็พาตาหนูมาแล้ว"
"ขอบคุณนะคะ" เธอขอบคุณร้อยพันครั้งแล้วกับสิ่งที่เขายื่นมือมาช่วยทั้งที่ยังงุนงงและเกรงใจ แต่ความจำเป็นบีบบังคับให้เธอรับเอาความช่วยเหลือจากเขา ไม่รู้ว่าทั้งชีวิตนี้เธอจะสามารถตอบแทนได้หมดเท่าที่ติวเตอร์เคยช่วยเหลือหรือเปล่า
"พักเถอะ" ชายหนุ่มส่งยิ้มบางๆให้ก่อนเดินกลับไปนั่งรอตรงโซฟาตำแหน่งเดิม
_________________________________________
เฮียได้ตาหนูนะฮะ🎉
ช่วยกด Like และเมนต์ให้เค้าหน่อยน้าาา ออดอ้อน🥺