.39. สร้างภาพ
[มันตา]
อ่า เจ็บ…
จะด้วยความซุ่มซ่ามหรืออะไรก็แล้วแต่ มันทำให้ฉันเผลอเดินไปสะดุดเข้ากับขอบเตียงตัวเองจนต้องนั่งลงแทน ปลายนิ้วโป้งแดงก่ำเลยทีเดียวเพราะดันสะดุดแรงมาก ๆ
ก๊อก ก๊อก
เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันทันทีเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นมา
“ลิต นอนหรือยังลูก”
“ยังค่ะแม่” ตอบกลับแม่ออกไปก่อนจะลุกไปเปิดประตูให้ท่าน แต่กลับต้องแปลกใจเพราะสีหน้าของแม่ดูตกใจมาก “มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมหน้าแม่ถึงเป็นแบบนี้”
“ฟังแม่ดี ๆ นะลูก สมุทรประสบอุบัติเหตุ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล xxx”
“คะ?” ฉันไม่ค่อยแน่ใจกับคำพูดของแม่สักเท่าไหร่ หรือจะบอกว่าสมองมันตื้อไปเลยก็ได้ เปลือกตาทั้งสองข้างกะพริบเข้าหากันถี่มาก มองหน้าแม่โดยที่ไม่พูดอะไรอีก
“ลิต… ลลิต!”
“แม่คะ ลิต…” ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไปแล้ว มันพูดไม่ออก มันจุกอยู่ในอกมาก ๆ หยาดน้ำตาไหลอาบแก้ม จนเห็นพ่อธีร์เดินขึ้นมา ท่านไม่ได้พูดอะไรนอกจากเดินเข้ามาสวมกอดฉันและคอยลูบหัวเพื่อปลอบใจไปด้วย
ฉันไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าตัวเองยืนกอดพ่ออยู่นานแค่ไหน ตอนนี้ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนฉันกลัวไปหมด… รถกำลังแล่นออกจากบ้านเพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาล มือฉันสั่นมาก ๆ ไม่อยากร้องไห้เลย แต่มันห้ามน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
มาถึงโรงพยาบาล ตรงไปทางห้องฉุกเฉิน แต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้ฉันสมองตื้อไปมากกว่าเดิม ทำไมทุกคนถึงร้องไห้
“พ่อคะ ทุกคนร้องไห้ทำไม?” ฉันเริ่มใจไม่ดีเลยจริง ๆ หยาดน้ำตาเริ่มไหลอาบแก้มอีกครั้ง ปลายนิ้วชี้ข้างหนึ่งของพ่อธีร์ยื่นมาเกลี่ยหยาดน้ำตาให้ฉันอย่างอ่อนโยน “พี่วิน… พี่สมุทรล่ะคะ”
ทุกคนไม่ยอมตอบคำถามฉันเลย พี่วินเองก็ด้วย เขาเอาแต่เงียบ ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาฉันตรง ๆ ด้วยซ้ำ ในเมื่อทุกคนไม่ยอมพูดอะไร ฉันก็ต้องหาคำตอบเอง รีบเดินเข้าไปดูข้างในทันที แต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้ฉันนิ่งงันไปเลยทีเดียว ร่างกายชา ขยับไปไหนไม่ได้เลย จนพ่อธีร์เดินตามเข้ามา
“ลิต…” เสียงเรียกจากพ่อไม่ได้ทำให้สติของฉันกลับมาเลยจริง ๆ ทำไมคนตรงหน้าถึงมีผ้าขาวคลุมอยู่ทั้งตัวแบบนี้ ทุกคนค่อย ๆ พากันเดินเข้ามา
“รถคันที่สมุทรขับออกไปประสบอุบัติเหตุชนเข้ากับเสาไฟฟ้าข้างทางจนเกิดระเบิด ทำให้…” พ่อของพี่สมุทรพูดค้างเอาไว้แค่นั้นก่อนที่ท่านจะเงียบไป ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะตายน่ะ ไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ
“ขะ ขอลิตดูหน้าเขาหน่อยได้ไหมคะ” ฉันพยายามเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ สองขาก้าวเข้าไปหยุดยืนอยู่ข้างขอบเตียง มือทั้งสองข้างยื่นไปรั้งผ้าที่ปกคลุมคนตรงหน้าออกทีละนิดจนเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย มือทั้งสองข้างเริ่มสั่นเทา
หมับ!
ยังไม่ทันจะได้เห็นใบหน้าของเขาชัดเจน พ่อธีร์ก็ยื่นมือมาจับข้อมือของฉันเพื่อห้ามเอาไว้ซะก่อน
“พอเถอะลิต”
“หนูอยากดู อึก… นะคะ” น้ำเสียงอ้อนวอนของฉันคงไม่ได้ผล เพราะพ่อธีร์ทำหน้าดุใส่
“พาน้องออกไปก่อน” พ่อเธียร์หันไปพูดกับพี่ฟ้าพี่ครามจนทั้งคู่เดินเข้ามารั้งฉันให้เดินตามออกไปด้านนอกแทน ไม่มีใครพูดอะไรนอกจากเงียบกัน ฉันยอมรับว่าอ่อนแอมาก ๆ
“พี่ฟ้า นั่นไม่ใช่พี่สมุทรใช่มั้ยคะ อึก… ไม่ใช่เขา ฮือ ๆ”
“พอแล้วลิต” พี่ฟ้าพูดพลางรั้งฉันเข้าไปสวมกอดเอาไว้จนแน่น อ้อมกอดของพี่ชายไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นเลยจริง ๆ
“อึก… ไม่ใช่เขา ฮือ ๆ” ฉันเหนื่อยมาก ร้องไห้จนเหนื่อย ภาพทุกอย่างค่อย ๆ เลือนราง ร่างกายแทบไร้เรี่ยวแรงและเสียงสุดท้ายที่ได้ยินคือชื่อของตัวเองจากปากของพี่ชาย
“ลิต!”
ฉันอยากให้ตอนนี้คือความฝัน… ฝันที่ตื่นขึ้นมาแล้วมีพี่สมุทรยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่ใช่พี่สมุทรคนที่นอนอยู่ในห้องนั้น
ก่อนหน้านี้ฉันกำลังฝันอยู่ใช่มั้ย? เหมือนฝันร้าย เพราะก่อนหน้านี้ฉันยังมีความสุขอยู่เลย…
“พี่สมุทร… พี่จะไปไหนคะ อย่าทิ้งลิตสิ อึก… พี่สมุทร”
“ลิต…” เสียงใครกัน แล้วนั่นพี่สมุทรจะเดินไปไหน ทำไมเขาถึงไม่รอฉันเลย
“ยะ อย่าไป อย่าทิ้งลิต”
“ลิต… ลลิต!” เปลือกตาทั้งสองข้างถึงกับเบิกกว้างทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกชื่อดังขึ้นมา แสงภายในห้องสี่เหลี่ยมเริ่มทำให้ฉันแสบตา จนต้องปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง พอเริ่มแน่ใจว่าตัวเองสามารถปรับสายตาได้ก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
ตอนนี้ในห้องมีแค่ครอบครัวของฉันและพี่วินยืนอยู่เท่านั้น ส่วนคนอื่น ๆ ฉันไม่รู้ว่าหายไปไหนกันหมดแล้ว ฉันยิ้มให้กับทุกคนพลางยันตัวเองลุกขึ้นนั่ง
“พ่อคะ” หันไปมองหน้าพ่อธีร์พลางเอ่ยเรียกจนท่านเดินเข้ามาหา “คนนั้นไม่ใช่พี่สมุทรนะคะ”
ทุกคนไม่ได้พูดอะไรนอกจากมองหน้าฉันเท่านั้น เหมือนทุกคนจะรู้ไม่ต่างไปจากฉันหรอก
“ตอนนี้สมุทรปลอดภัยแล้ว” คำตอบของพ่อธีร์ทำให้ฉันยิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง มือหนาข้างหนึ่งของท่านยื่นมาลูบหัวฉันแผ่วเบา “ถึงเวลาทุกอย่างจะเรียบร้อย”
“เขาจะกลับมาหาหนูใช่มั้ยคะ” ฉันไม่อยากให้เขาหายไปอีกแล้ว มันนานเกินพอสำหรับการรอคอยที่ผ่านมา ฉันอยากมีความสุขจริง ๆ สักที
ตอนนี้ฉันกลับมาบ้านแล้ว ส่วนเรื่องของพี่สมุทรทางครอบครัวของเขาจะจัดงานศพที่วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทางฝั่งนั้นรู้หรือเปล่าว่านั่นไม่ใช่พี่สมุทรตัวจริง และที่ซ้ำร้ายไปมากกว่านั้นก็คือตอนนี้มีภาพหลุดบางอย่างของพ่อพี่สมุทรและผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งถูกเบลอใบหน้าเอาไว้ปรากฏอยู่ในโลกออนไลน์
“ดูอะไรอยู่น่ะลิต พักผ่อนได้แล้ว”
“แม่คะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะคะ” ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองสบตาแม่พร้อมคำถาม แม่ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากยื่นมือมาหยิบโทรศัพท์ของฉันไปวางเอาไว้ที่โต๊ะใกล้หัวเตียงแทน
“นอนได้แล้วลูก”
“แต่ว่า…”
“เรื่องนี้ปล่อยให้พ่อจัดการเอง ส่วนหนูควรนอนได้แล้ว” แม่พูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม ท่านมักจะยิ้มอยู่เสมอเพราะไม่อยากให้ฉันคิดมาก ถึงพี่สมุทรจะปลอดภัยแล้วก็ตาม แต่ฉันก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน
“หนูไม่ต้องไปที่วัดเหรอคะ”
“ลลิต! พักผ่อนได้แล้วนะ” แม่เรียกชื่อฉันเสียงดุ ๆ แถมยังบังคับให้พักผ่อนอีกต่างหาก และสุดท้ายก็ต้องยอมนอน แกล้งทำเป็นหลับจนแม่ปิดไฟในห้องก่อนจะเดินออกไป พอแม่ออกไปก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มากดเล่นต่อ สงสัยก็ต้องหาคำตอบ แต่จะไม่ทำให้ตัวเองหรือคนอื่นต้องเป็นห่วงแน่นอน…
*
เป็นอีกวันที่ฉันต้องสร้างภาพ และพาตัวเองออกจากบ้านเพื่อมาร่วมงานศพที่วัด แต่กลับไม่มีแขกมากเท่าที่ควรเลยจริง ๆ นึกสงสารป้าเพราะท่านเอาแต่ร้องไห้ตลอด ยายเพิ่งเสียไปได้ไม่นาน ยังต้องมาเสียใจเพราะเรื่องของพี่สมุทรอีก ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ มันคงจำเป็นจริง ๆ ที่ต้องปิดบังเรื่องนี้เอาไว้และให้คนอื่นรู้น้อยที่สุดเพื่อความปลอดภัย
“ลิต” นั่งเงียบ ๆ อยู่ในมุมหนึ่งจนได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลัง พอหันไปมองก็เห็นส้มโอยืนอยู่ ฉันไม่ได้อยู่คนเดียว ใกล้ ๆ ยังมีสายตาของพี่ครามคอยมองอยู่ด้วย อีกอย่างส้มโอคงไม่กล้าทำอะไรฉันที่นี่หรอก “แกโอเคไหม?”
“อืม” ต้องฝืนยิ้ม ฝืนร้องไห้เพื่อมองหน้าส้มโอ แววตาของเธอที่มองมามันอธิบายไม่ถูกเลยจริง ๆ
“แกยังมีฉันนะ” ฉันเลือกจะยิ้มให้กับส้มโอ ไม่ได้พูดอะไรออกมาต่อ จนเธอเดินออกไป
ที่งานวันนี้ไม่เห็นพ่อของพี่สมุทรด้วยซ้ำ จะว่าไปคงเพราะภาพหลุดวันนั้นด้วยละมั้ง อีกอย่างท่านก็เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงพอสมควร ส่วนพี่อ้นกับแม่ของเขาก็ยังคงมางานอยู่บ้าง
“ลิตอยากเข้าห้องน้ำค่ะ” ลุกเดินออกมาหาพี่ครามที่ยืนอยู่ด้านนอก เขาพยักหน้ารับก่อนจะพาฉันเดินไปทางห้องน้ำ แต่กลับต้องชะงักเพราะมุมหนึ่งได้ยินเสียงคุ้นหูดังขึ้นมา
“คุณผิดสัญญา… คุณทำร้ายเขา” ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองสบตาพี่ครามทันที เสียงที่ได้ยินคล้ายกับเสียงของส้มโอมาก “คุณกล้าทำร้ายเขา อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน คุณทำลายความพยายามทั้งหมดของฉัน… ฉันก็พร้อมจะทำลายทุกคนด้วยเหมือนกัน”
น้ำเสียงเหมือนโกรธแค้นกันมาก ก่อนที่ส้มโอจะวางสายและเดินออกไป ฉันกับพี่ครามต้องรีบหามุมหลบทันที
“ผู้หญิงคนนี้อันตรายเกินไปแล้วจริง ๆ” ฉันเงียบไม่ได้พูดอะไรนอกจากมองตามไปเท่านั้น
หลังจากส้มโอเดินออกไป ฉันก็รีบเดินไปเข้าห้องน้ำก่อนจะกลับมานั่งที่เดิมเพื่อรอฟังพระสวดจนเสร็จ เจ้าภาพทางฝั่งพี่สมุทรวันนี้มีแค่พี่อ้นกับป้าเท่านั้น สีหน้าของทุกคนดูเศร้ามาก
“โอเคหรือเปล่า” คำถามจากพี่อ้นทำให้ฉันได้แค่ยิ้มและพยักหน้าให้เขาเท่านั้น “พี่เป็นคนดีนะ” ประโยคนี้เขาก้มลงมากระซิบให้ได้ยินแค่ฉันเท่านั้น อาจจะงงไปบ้าง แต่ก็พอเข้าใจที่เขาพยายามจะสื่อนั่นแหละ
“คืนนี้มึงจะค้างที่วัดหรือเปล่า” พี่ครามหันไปถามคนตรงหน้าฉัน
“ไม่ครับ ผมว่าจะกลับไปดูแม่ที่บ้านสักหน่อย”
ยืนรอส่งแขกจนทยอยกลับกันเกือบหมด พี่ครามเลยพาฉันกลับบ้านบ้าง งานวันนี้พวกเรามากันแค่สองคนเท่านั้นและจะมีสลับกันมาจนกว่าจะถึงวันเผาเพื่อไม่ให้คนอื่น ๆ สงสัย
“พี่คราม”
“ครับ”
“ลิตคิดถึงพี่สมุทร สองวันแล้วนะคะ” พูดพลางเงยหน้าขึ้นไปมองพี่คราม จนเขายื่นมือข้างหนึ่งมาขยี้หัวฉัน “พี่ว่าคนอื่นจะเชื่อไหมคะ?”
“พี่ก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เพราะตอนนี้ไม่ได้มีแค่ข่าวการตายของไอ้สมุทร แต่กลับมีข่าวคาวของพ่อหมอนั่นออกมาด้วย แม่ไอ้อ้นก็คงแย่ไปเหมือนกัน”
“ลิตสงสัย”
“หืม?”
“เขาใช่พ่อของพี่สมุทรจริง ๆ หรือเปล่าคะ” คำถามของฉันทำให้พี่ครามเงียบไปเลยทีเดียว เป็นจังหวะเดียวกับที่รถติดสัญญาณไฟจราจรพอดี
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะครับ”
“ก็…”
ปี้น!
กรี๊ด!
ยังพูดไม่ทันจบเสียงแตรรถทางฝั่งไหนก็ไม่รู้ดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงกรีดร้องของฉันเพราะแสงไฟจากหน้ารถคันหนึ่งที่พุ่งมาทางพวกเรา มันเป็นจังหวะที่เร็วมากและทุกอย่างก็ประชั้นชิดจนเกินไป
โครม!
เสียงการปะทะที่ดังสนั่นหวั่นไหวกลางแยกไฟแดง เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้มึนงงไปเลยทีเดียว มันเจ็บจี๊ด ๆ ที่หัวคิ้วข้างซ้ายเพราะกระแทกเข้ากับกระจกข้างประตูรถ
“ลิต… ได้ยินพี่ไหม ลิต” เสียงเรียกจากพี่ครามดังขึ้นมา ฉันจุกจนพูดไม่ออกนอกจากกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อมองหน้าเขา พี่ครามดูเจ็บหนักกว่าฉันอีกเพราะใบหน้าของเขามีเลือดไหลออกมาเยอะมาก
“พะ พี่คราม…”
“พี่อยู่ตรงนี้แล้ว เจ็บไหมครับ” หยาดน้ำตาไหลอาบแก้มพลางส่ายหัวให้เขาแทนคำตอบ
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะกระจกรถดังขึ้นมา พี่ครามเลยปลดล็อกจนคนด้านนอกเปิดประตูพาพวกเราลงมา สภาพรถด้านหน้าฝั่งพี่ครามพังเยอะมาก โชคดีมากที่ด้านข้างฝั่งฉันไม่มีรถมอเตอร์ไซค์จอดติดไฟแดงอยู่ ไม่งั้นต้องมีคนเจ็บมากกว่าพวกเราแน่นอน
“เป็นอะไรกันไหมครับ” พี่ผู้ชายที่ลงมาช่วยถามขึ้นมา
“ไม่ครับ” พี่ครามตอบกลับไปก่อนจะเดินเข้ามาหาฉัน รู้สึกเจ็บที่หัวคิ้วมาก เหมือนมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย ไม่ได้เยอะเท่าของพี่คราม
“โชคดีนะครับที่คุณมีสติถอยรถหลบทัน เหมือนคันนั้นตั้งใจพุ่งมาทางรถของคุณเลยด้วยซ้ำ”
“ครับ”
“ลิตปวดหัว” ตอนนี้โลกของฉันเริ่มหมุนอีกแล้ว พี่ครามกระชับกอดเอาไว้จนแน่น ฟังจากปากของพี่พลเมืองดีแล้วรู้สึกใจหายมาก ฉันกลัวจริง ๆ ว่าเหตุการณ์เมื่อกี้จะเป็นความตั้งใจของส้มโอ
ตอนนี้ฉันกับพี่ครามถูกพามาที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ระหว่างทางพี่ครามดูมีสติมากกว่าฉัน เขาคอยจับมือเพื่อให้กำลังใจอยู่ตลอดก่อนจะโทรไปบอกพ่อ พอทำแผลเสร็จก็พากันมานั่งรอรับยา
“หายตกใจหรือยัง”
“ค่ะ ลิตทำให้พี่ต้องเจ็บตัวอีกแล้ว” ฉันไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าในสถานการณ์แบบนั้น ถ้าฉันอยู่คนเดียวจะเป็นยังไงบ้าง
“ถ้ายังมีพี่ ไม่มีใครทำอะไรลิตได้หรอกนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“คราม ลิต” เสียงของแม่ดังขึ้นมา ฉันกับพี่ครามเลยพากันลุกขึ้น แม่วิ่งเข้ามาสวมกอดพวกเราทันที “เป็นยังไงกันบ้างลูก”
“หนูไม่เป็นอะไรมากแล้วค่ะ พี่ครามเจ็บมากกว่า” ตอบแม่พลางเงยหน้าขึ้นไปมองพี่ครามด้วย
“เลิกทำหน้าหงอยได้แล้ว พี่ไม่ได้เจ็บขนาดนั้น” พี่ครามพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม เขาก็แค่ยิ้มเพื่อให้ฉันสบายใจเท่านั้นแหละ
“มันเกิดอะไรขึ้น” พ่อเธียร์ถามขึ้นมา
“ไว้คุยตอนกลับบ้านดีกว่าครับ” พี่ครามตอบกลับพ่อเธียร์ จนได้ยินเสียงพยาบาลเรียกให้ไปรับยาและจ่ายเงิน พอเสร็จเรื่องก็พากันกลับบ้าน ส่วนเรื่องตำรวจก่อนหน้านี้พวกเราให้ปากคำกันไปเรียบร้อยแล้ว…
ระหว่างทางกลับบ้านก็มีบทสนทนาถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เกิดขึ้น พี่ครามเล่าเรื่องที่ได้ยินส้มโอคุยโทรศัพท์ให้กับทุกคนฟัง ก่อนจะไปถึงเหตุการณ์ที่พวกเราเจอตรงแยกไฟแดง
“มันคงจนตรอกแล้วจริง ๆ โชคดีที่แกยังมีสติ ไม่งั้นคงเป็นอะไรกันมากกว่านี้แน่นอน” พ่อเธียร์พูดออกมาก่อนจะหันมามองหน้าฉัน “พ่อคงให้ลิตออกจากบ้านไม่ได้แล้ว”
“แต่ว่า…”
“ตอนนี้เรื่องทุกอย่างมันไม่ใช่อย่างที่ลูกคิดอีกแล้ว และพ่อคงปล่อยให้คนพวกนั้นลอยนวลแล้วไม่ได้เหมือนกัน” น้ำเสียงของพ่อเธียร์ฟังดูน่ากลัวมาก ๆ
ถ้าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับฉันเป็นฝีมือของส้มโอจริง ๆ เธอก็คงหวังให้ฉันตายไปด้วยซ้ำ
“พี่ฟ้าไปไหนคะ”
“ไปรับสมุทร…” คำตอบของพ่อธีร์ทำให้ฉันเงียบไปเลยทีเดียว ทั้งเป็นห่วงและดีใจในเวลาเดียวกัน
__________________________________________________________
นิยายจะจบแล้ว บางทีเอสก็อยากอ่านคอมเมนต์เหมือนกันนะคะ พอตอนไหนไม่มีเมนต์แล้วว้าเหว่หัวใจมาก ๆ เหมือนมันไม่สนุก ไม่น่าติดตามหรืออาจจะงง แต่อีกใจก็ยิ้มแหละ เพราะมีคนเปย์เหมือนกัน 555555555555 แต่ใด ๆ คืออยากอ่านฟีดแบคเหมือนกันค่ะ
ตอนนี้ฟรีค่ะ ปกป้องผัวหน่อย กลัวผัวถูกด่า 55555555555
ปล.ตอนแรกเขียนจบแล้ว แต่เอสไม่พอใจกับส่วนท้าย ๆ เลยตัดสินใจลบทิ้งและเขียนใหม่แทน มันเลยนานไปหน่อย เขียน ๆ ลบ ๆ 55555555555 ทีนี้ก็ไปต่อถูกแล้วค่ะ
ขอบคุณค่ะ ^^