“......กรี๊ด..ด..ด.......” หญิงสาวตกใจ กรีดร้อง เมื่อชนเข้ากับร่างหนาดั่งกำแพง
“ใบหม่อน พี่เอง” ตะวันคว้าเอวหญิงสาวไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นหล่อนคงได้ลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้นแข็ง ๆ เป็นแน่
ใบหม่อนกอดชายหนุ่มไว้แน่น ความแง่งอนหายไปหมดสิ้น ครั้งนี้หล่อนกลัวมาก เพราะเรื่องฆ่ากันตายที่ท้ายไร่ก็ยังวนเวียนอยู่ในหัว ทำให้หล่อนมโนไปว่าสิ่งที่หล่อนปะทะอยู่นี่อาจจะเป็นคนร้าย หรือสิ่งที่มองไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน ก็น่าสยดสยองทั้งนั้น
“ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรแล้ว”” ตะวันกอดปลอบ ร่างบางยังสั่นสะท้าน น้ำตาจากความอัดอั้นตันใจไหลเอ่อจนชุ่มอกเสื้อ
“พี่ตะวันมายืนเงียบ ๆ จะแกล้งหลอกใบหม่อนใช่ไหมคะ” หญิงสาวต่อว่าเขาเสียงอู้อี้
“เปล่า...พี่ได้ยินเสียงเปิดประตู เลยขึ้นมาดู ไม่ได้ตั้งใจทำให้กลัวสักหน่อย พี่ขอโทษ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่ม พลางแตะริมฝีปากบนหน้าผากสาวน้อยอย่างต้องการปลอบประโลม
“ไปไหนมาคะ” หญิงสาวผละออกห่าง จ้องมองหาพิรุธ
“อยากรู้เหรอ ไปดูไหมล่ะ” ชายหนุ่มทำตาวิบวับ จูงมือหญิงสาวให้ตามลงไปด้านล่าง ไม่ไกลจากตัวบ้าน เขาก่อกองไฟเล็ก ๆ ตะวันดึงมือหญิงสาวให้นั่งลงด้วยกันบนขอนไม้ใหญ่ ใกล้ ๆ กองไฟ ถัดจากกองไฟเป็นพื้นที่ ลาดเอียงปกคลุมด้วยหญ้าที่ตกแต่งไว้อย่างงดงาม
“ทำไมพี่ตะวันถึงลงมาที่นี่คะ”
“ก็เมียไม่ให้เข้าห้อง หนาวจะตายชัก เลยต้องมานั่งผิงไฟ”
“ฮึ...ไม่ต้องพูดเลย..ไม่คิดจะง้อเขามากกว่า” ใบหม่อนบ่นเบา ๆ
“อะไรนะ พี่ฟังไม่ถนัด”
“เปล่าค่ะ...”
“หิวหรือเปล่า พี่รอตั้งนาน ไม่เห็นออกมากินข้าว” ชายหนุ่มถามอย่างห่วงใย เขาเองก็ไม่ได้กินเหมือนกัน กลัวหล่อนจะหาว่าไม่รอ จะงอนอีกเปล่า ๆ
“จะถามขึ้นมาทำไมอีกเนี่ย เดี๋ยวก็ท้องร้องขึ้นมาอีกหรอก” ใบหม่อนเผลอตัวดุเขา
“.........555.........แล้วก็มัวเก็กอยู่นั่นแหละ เลยอดกันทั้งคู่”
“ใครขอให้อดด้วยล่ะ...” หญิงสาวเถียงอ้อมแอ้ม รู้สึกว่าตัวเองไร้สาระมากขึ้นทุกที
ตะวันเอาไม้เขี่ย ๆ ก้อนอะไรบางอย่างออกจากกองไฟ แล้วกลิ้งไปกลิ้งมาพอให้ไฟสีแดง ๆ มันหายไป ความร้อนลดลงบ้าง ก่อนหยิบขึ้นมาปอกเปลือกแบบร้อน ๆ ทุลักทุเลพอดู
“อะไรคะ” ใบหม่อนดูไม่ออก เห็นเป็นก้อนดำ ๆ
“มันเผา ลองดูสิ อร่อยนะ” ตะวันยื่นมันที่ปอกเอาเปลือกดำ ๆ ข้างนอกออกเกือบหมด เหลือแต่เนื้อสีม่วงเข้ม
ใบหม่อนรับมากัดคำแรก ก็ร้อง.... ร้อน !....
“ค่อย ๆ กินสิ เดี๋ยวก็ปากพองหรอก” ชายหนุ่มอ่อนใจ หลังจากนั้น ใบหม่อนก็นั่งเคี้ยวตุ้ย ๆ ด้วยความหิว บวกกับความหวาน หอมของมันม่วง จนเขาปอกให้แทบไม่ทัน
“อร่อย อุ่นท้องดีจัง พี่ตะวันคิดเมนูอร่อย ๆ แบบนี้ได้ยังไงคะ” พอได้กินมันอุ่น ๆ หญิงสาวก็ลืมความหนาวไปชั่วขณะ
“ใคร ๆ เขาก็รู้ เวลาหนาวจัด ๆ ชาวบ้านเขาก็มาล้อมวงกินมันเผาแบบนี้แหละ”
“เหรอคะ สุดยอดเลย” พอท้องอิ่ม หญิงสาวก็อารมณ์ดีเป็นพิเศษ หล่อนพิงศีรษะกับต้นแขนแข็งแรงของชายหนุ่ม ความรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัยกลับมาอีกครั้ง รู้อย่างนี้ ไม่งอนให้เสียเวลาหรอก หญิงสาวตาหรี่ปรือ ก่อนจะหลับไปกับต้นแขนของผู้เป็นสามี
“อ้าว...หลับซะแล้ว จะชวนดูดาวซักหน่อย ...เฮ้อ...วัยกำลังกินกำลังนอนแท้ ๆ” ตะวันเขี่ยกองไฟให้ดับก่อนจะเรียกหญิงสาวเบา ๆ แต่ไร้ประโยชน์ เขาจึงก้มลงช้อนใต้เข่า อุ้มใบหม่อนขึ้นบ้าน ไปวางลงหน้าห้องน้ำ
“ใบหม่อน เข้าไปแปรงฟันก่อน เดี๋ยวค่อยไปนอน” ชายหนุ่มเขย่าไหล่เบา ๆ หญิงสาวงัวเงีย รีบจัดการตัวเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะคลานขึ้นเตียงอย่างง่วงจัด หลับไปแบบไร้กังวล
“...ฮือ....ฮือ.....” เสียงร้องของแววเด็กในอุปการะวัยสิบหก ของป้าเจิม เมื่อวานหญิงสาวยกอาหารที่หล่อนช่วยกันทำกับแม่ครัวใหญ่อย่างตั้งใจ เพื่อเอามาให้นายตะวันกับนายผู้หญิง แต่เช้านี้ เมื่อหล่อนเอาอาหารเช้ามาให้ และเก็บของเก่า ปรากฏว่าอาหารไม่ได้รับการแตะต้องแม้แต่น้อย หญิงสาวจึงนั่งลงร้องไห้สะอึกสะอื้น
ตะวันกับใบหม่อนออกมาเห็นถึงกับอึ้ง ไม่คิดว่าจะทำให้แววเสียใจขนาดนี้