EP 03
เป็นพี่เป็นน้อง Part ll Loading…100%
“อ้าวน้องโอบ”
เสียงใครสักคนตะโกนเรียกชื่อผมดึงผมออกจากห้วงภวังค์ ต้องรีบเก็บเงินก้อนนั้นใส่กระเป๋าเป้เอาไว้ตามเดิมแล้วมองออกไป ซึ่งไม่ต้องมองไปไกลเจ้าของเสียงเรียกเมื่อครู่ก็เดินเข้ามายิ้มให้ผมเสียแล้ว
“พี่ตังเม มาไงครับเนี่ย”
“ก็มากันหมดนี่แหละ” พี่ต๊อดบอกยิ้มๆ หลังจากเดินมาปรากฏตัวตรงหน้าผมอีกคน และนอกจากพี่ตังเมกับพี่ต๊อดแล้ว ก็ยังมีพี่ไอติมกับหัวหน้าเผ่าอย่างพี่ศิลาด้วย
“เสร็จงานแล้ว พี่ศิลาก็เลยพาพวกเรามาเลี้ยงน่ะ” พี่ตังเมรีบบอก เธอยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี และจากที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับเธอมาแม้จะไม่กี่ชั่วโมงแต่ผมพอจะเดาได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่โลกสดใสมากพอตัว
ต่างจากใครอีกคนที่ตั้งแต่เขาเดินมาถึงตรงนี้ เขาก็ยังไม่ยิ้มให้ผมเลย
“น่าน้อยใจจังนะครับ เมื่อกี้ไม่เห็นมีใครชวนผมเลย” ผมแสร้งงอนใส่เสียเลย
“มึงอย่ามา ตังเมบอกว่าแฟนมึงไปรอรับไม่ใช่รึไง” พี่ไอติมแย้งขึ้นมาเสียงเข้ม และคำว่าแฟนก็ทำให้ผมถึงกับต้องเลิกคิ้วสูงขึ้นทันทีเลยทีเดียว
“แฟนน้องโอบโคตรหล่อเลยค่ะ” ยังไม่ทันปะติดปะต่อเรื่องได้ พี่ตังเมก็รีบก้มลงมากระซิบบอก ซึ่งผมก็พอจะเข้าใจได้นั่นแหละ
“อ้อ ครับ ไว้ผมจะบอกพี่เขาให้ก็แล้วกัน” ผมบอกยิ้มๆ ก่อนจะลอยหน้าลอยตามองกลับไปที่พี่ศิลาที่จนป่านนี้แล้วเขาก็ยังเอาแต่เสมองไปทางอื่นเหมือนไม่อยากจะเห็นหน้าผมยังไงชอบกล
“จะไปกันได้รึยัง ตกลงพวกมึงจะกินอะไรกัน เลือกสักทีเถอะ”
แหม ทำเป็นเข้ม
“ปิ้งย่างดีมั้ยพี่”
“เออ แล้วตอนแรกใครมันบอกว่าอยากกินสเต็ก”
“ของมันเปลี่ยนใจกันได้นี่ครับพี่ ป่ะ ไอ้โอบ กินอะไรรึยังล่ะ จะไปด้วยกันมั้ย หรือว่ารอแฟนอยู่ เขาไปไหนแล้วอ่ะ เข้าห้องน้ำเหรอ ชวนไปกินด้วยกันมั้ย”
“ไอ้เชี่ยต๊อด พูดมากเดี๋ยวกูให้มึงจ่ายนะ” พี่ศิลาทักท้วงเสียงเข้ม แต่พี่ต็อดก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะเกรงกลัวเขาสักนิด ตรงกันข้ามเขากลับยิ้มกว้างเหมือนดีใจที่ยั่วโมโหพี่ศิลาได้สำเร็จ
ความน่ากลัวแต่ไม่น่ากลัวของพี่ศิลานี่เหมือนกับพี่จอมทัพไม่มีผิด ไม่ผมจะทำงานให้ใคร เพื่อนร่วมงานของผมก็ดูจะไม่เคารพหัวหน้างานสักเท่าไหร่ ฮ่าๆ
“ว่าไงคะน้องโอบ ตกลงว่าจะไปกับพวกเรารึเปล่า พี่ศิลาเลี้ยงนะ” พี่ตังเมถามอีกรอบ เพราะเธอคงเห็นว่าผมยืนอยู่คนเดียวตั้งแต่ที่พวกเราเจอกัน
“เอ่อคือ…”
“ถ้ามึงมีนัดแล้วไปก็เหอะ ไว้เจอกันวันกลังก็ได้ไอ้โอบ อย่ามายืนทำหน้าเหมือนตังเมบีบคอบังคับให้มึงไปด้วยกันหน่อยเลย” พี่ศิลานี่ก็ปากร้ายอยู่เหมือนกันนะ
“เปล่าครับ ผมแยกกับพี่เขาแล้ว แค่อยากจะรู้ว่าค่าอาหารมื้อนี้ไม่ได้นับรวมกับค่าตัวผมใช่รึเปล่า” ผมรีบถาม และก็เห็นทันทีว่าพี่ศิลาถึงกับกลอกตามองบน
“ถามอะไรแบบนั้นวะไอ้โอบ กูทำงานแลกเงินเดือน ไม่ได้แลกข้าว มื้อนี้มันพิเศษโว้ย ไม่เกี่ยวกับค่าแรง” พี่ต็อดรีบตอบแทน
“งั้นถ้าไม่นับว่าเป็นค่าตัว ผมไปด้วยครับ”
“กูว่าแล้ว”
ผมแยกไม่ออกเหมือนกันว่าพี่ไอติมเขาดีใจหรือว่าเสียใจที่ผมตัดสินใจไปด้วย แต่พูดจบแล้วเขาก็เดินมาล็อคคอผมแล้วพาเดินตรงไปที่ร้านปิ้งย่างด้วยกันซะอย่างนั้น
เอาเถอะ อย่างน้อยก็ดีกว่าเดินเหงาคิดไม่ตกอยู่คนเดียวแหละน่า
ABC ปิ้งย่าง
พวกเราเลือกนั่งโต๊ะด้านในสุด เป็นโซฟาชุดใหญ่ล้อมรอบโต๊ะกลมซึ่งดวงผมน่าจะสมพงษ์กับพี่ศิลาเขาอยู่บ้างเพราะเราได้นั่งติดกันพอดีแบบที่ผมไม่ได้วางแผนเอาไว้ เขานั่งอยู่ขวามือของผมส่วนด้านซ้ายคือพี่ไอ้ติม พี่ต็อดกับพี่ตังเมนั่งปิดหัวท้ายอยู่อีกที
ทุกคนรับเมนูมาจากพนักงานแล้วสั่งกันอย่างบ้าคลั่งราวกับหิวโหยกันมานมนาน มีเพียงผมที่ยังไม่นึกอยากอาหารสักนิดเพราะเพิ่งจะกินอิ่ม แต่เพื่อรักษามารยาทก็เลยต้องสั่งไปสองอย่างกับเครื่องดื่มเป็นน้ำอัดลมแบบที่อย่างกินให้ชื่นใจมาตั้งแต่เมื่อชั่วโมงก่อน
“มึงเป็นอะไรรึเปล่าไอ้โอบ หรือว่าทะเลาะกับแฟน” อยู่ๆ พี่ศิลาก็หันมาถาม เขาคงเห็นว่าคนอื่นกำลังตั้งอกตั้งใจสั่งอาหารกันอยู่น่ะ ก็เลยถือโอกาสถามเบาๆ
“เราทะเลาะกันตอนไหนรเหรอครับ ผมจำไม่เห็นได้” ผมย้อนถามพลางช้อนตามองเขาแล้วส่งยิ้มให้ ซึ่งสิ่งที่ได้กลับมาก็คือเสียงถอนหายใจและสายตาเอือมระอาของเขาเหมือนทุกทีนั่นแหละ
“กูไม่น่าถาม”
“ถามเถอะครับ ผมจะได้รู้ว่าพี่ใส่ใจ”
“ไอ้…”
“เป็นห่วงผมแบบนี้ มีใจให้ผมรึยังน้า”
“พอเลยมึง กูจะคิดเสียว่ากูพลาดเองก็แล้วกัน” พี่ศิลาตัดจบเสียงเข้มจนผมต้องกลั้นขำ สีหน้าเวลาเขากระอักกระอ่วนใจนี่ดูไม่จืดเหมือนกัน จะว่าน่าสงสารก็น่าสงสาร แต่จะทำยังไงได้ล่ะในเมื่อผมชอบที่เขาเป็นแบบนี้
ผู้ชายอะไร ขนาดหงุดหงิดยังน่ารัก
“น้องโอบคะน้องโอบ ไหนๆ เราก็คนกันเองแล้ว พี่ขอถามอะไรน้องโอบหน่อยสิ” พี่ตังเมที่เพิ่งจะส่งเมนูในมือคืนให้พนักงานหันมาถามเบาๆ
ผมงงๆ อยู่นิดหน่อยกับคำว่าเราคนกันเอง แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะยังไงซะผมก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไรกับใครอยู่แล้ว ดีเสียอีกที่เธอบอกแบบนั้นเพราะผมเองก็จะได้สบายใจที่เราเข้ากันได้ดี
“เรื่องแฟนน้องโอบน่ะค่ะ”
ว่าแล้วเชียว
“แฟนผมทำไมเหรอครับ” ผมแกล้งถาม
“พี่อยากรู้ว่าเขาชื่ออะไรเหรอคะ บอกได้รึเปล่า อยากรู้เฉยๆ นะ ไม่ได้คิดจะแย่งน้องโอบเลยนะคะ แบบว่าตื่นเต้นเพราะนานๆ จะได้เห็นคนหล่อๆ พอดีที่ออฟฟิตมีแต่…”
“อ่ะแฮ่ม”
“อุ้ย เว้นพี่ศิลาไว้คนหนึ่งค่ะ พี่หล่อมากแบบไม่คิดจะเอาไปเทียบกับใครเล้ย”
“อยู่เป็นนักนะยัยตังเม”
ผมได้ยินพี่ต็อดว่าพี่ตังเมแล้วอดจะขำไม่ได้
“ผมบอกไม่ได้หรอกครับ มันเป็นความลับ” ผมแกล้งว่า ใจจริงคือไม่อยากจะแนะนำให้ใครรู้จักกับเขาทั้งนั้น ไม่ได้หยิ่งหรือว่าหวงอะไร เพียงแต่ไม่อยากจะพูดถึงเขาไม่ว่าจะกับใครก็เท่านั้นเอง
“หูย หวงเสียด้วย”
“เปล่าครับพี่ ผมไม่ได้หวง ผมจะมีสิทธิ์อะไรไปหวงพี่เขาล่ะ เขาไม่ใช่แฟนผม” ผมเฉลย พูดจบสีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป จากที่กำลังแซวๆ ผมกันอยู่ก็กลับกลายเป็นอึ้งไปกันหมด ไม่เว้นแม้แต่พี่ศิลาที่แม้ว่าเขาจะไม่ได้แสดงออกชัดเจนว่าตกใจหรือแปลกใจ แต่การที่เขามองผมนิ่งๆ แบบนั้นก็เหมือนจะกำลังแบ่งรับแบ่งสู้ คล้ายจะเชื่อคำพูดของผมครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง
“ไม่ใช่แฟนน้องโอบหรอกเหรอคะ”
“ครับ ผมคงน่ารักน่าเอ็นดูมาก ใครๆ ก็เลยชอบบอกว่าผมเป็นน้องชาย” ผมทำทีเป็นเหลือบมองไปที่พี่ศิลานิดหน่อย พอเขาสบตาด้วยผมก็รีบยิ้มกว้างใส่เสียเลย
“อูยยย เกมพลิกซะงั้น”
“ครับ วันนี้เขาแวะมาบอกว่ากำลังจะแต่งงานเดือนหน้าน่ะครับ ขอร้องให้ผมช่วยเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้”
“พอๆๆ ไร้สาระ เมื่อกี้สั่งไปกี่อย่าง เอาเมนูมาสั่งเพิ่มสิ หิวชะมัด” พี่ศิลาตัดบท เขาโพล่งออกมาเหมือนจะรำคาญเรื่องเล่าของผมอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งพวกเราในที่นี้ก็ไม่มีใครกล้าขัดเขาหรอก พี่ต็อดต้องรีบหันกลับไปเรียกพนักงานเพื่อขอเมนูใหม่อีกรอบ
“พี่ขอโทษนะคะน้องโอบ ไม่น่าถามเลย”
“ไม่เป็นอะไรเลยครับ เรื่องแค่นี้สบายมาก ผมชินแล้ว” ผมยิ้มให้พี่ตังเมเพราะอยากให้เธอสบายใจขึ้น เหมือนว่าเธอจะรู้สึกผิดกับผมเพราะเธอเป็นคนถามเรื่องนี้ออกมา เพียงแต่ผมไม่ได้คิดจะโกรธเธอเลยจริงๆ ตรงกันข้าม ผมกลับรู้สึกสบายใจที่ได้พูด เพราะอย่างน้อยๆ ผมก็ได้ใช้โอกาสนี้อธิบายให้พี่ศิลาเข้าใจด้วยว่าผมยังโสด
“พี่ศิลาครับ”
“อะไร”
เมื่อไหร่ที่เขาขานผมเพราะๆ ท้องเขาจะอืดรึยังไงกันนะ
“พี่…”
Rrrr~
ไม่ทันจะได้พูดอะไร โทรศัพท์มือถือของพี่ศิลาก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน เขาก็เลยต้องละสายตาจากผมไป
เฮ้อ เมื่อเช้านี้ผมก้าวเท้าอะไรออกจากห้องกันนะ วันนี้อะไรๆ ที่ดูเหมือนจะดีแต่ท้ายที่สุดกลับไม่ดีสักอย่างเลย
“กินกันก่อนเลยนะ เดี๋ยวมา” พี่ศิลาขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก เหลือผม พี่ไอติม พี่ต็อดและพี่ตังเมที่ยังนั่งมองหน้ากันอยู่
เอายังไงดีนะ หรือว่าผมจะถามพวกพี่ๆ เขาดี จะถามยังไงให้ดูไม่เสียมารยาท และไม่ทำให้ทุกคนลำบากใจโดยเฉพาะพี่ศิลา ผมไม่อยากให้คำถามของผมทำให้เขาต้องอึดอัด
“อึกอักแบบนี้สงสัยแฟนโทรมาแหง” พี่ไอติมโพล่งออกมากลางโต๊ะ
ยังไม่ทันจะถามเลย อยู่ๆ จะมาได้คำตอบ แถมยังเป็นคำตอบที่ทำร้ายจิตใจของผมแบบนี้ได้ยังไงกันล่ะ ผมไม่เชื่อหรอกนะ
“แฟนที่ไหน พี่ศิลาเขายังโสดไม่ใช่เหรอวะ ใช่มั้ยตังเม” พี่ต๊อดถามแทนผมเสร็จสรรพ ดีเหมือนกัน ผมจะได้ไม่ต้องมานั่งทบทวนคำถามเพราะไม่กล้าพอจะถามตงๆ ผมไม่อยากให้ใครมองพี่ศิลาไม่ดีน่ะ ไม่อยากให้เขาต้องลำบากใจกับสายตาของคนอื่นเพราะผมเป็นต้นเหตุ
“ไม่แน่ใจค่ะ แต่คิดว่ายัง ถ้ามีเขาคงพามาแนะนำให้รู้จักแล้ว หรือไม่ก็ต้องพูดถึงบ้าง”
เหตุผลของพี่ตังเมทำให้ผมใจเต้นแรงขึ้นมาทันที แถมยังหุบยิ้มไม่ได้อีกต่างหาก
“จริงค่ะพี่ ตั้งแต่ที่ตังเมทำงานกับพี่ศิลามา ก็ยังไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงแฟนเลย น่าเสียดาย”
“พี่ตังเมเสียดายอะไรเหรอครับ” ผมแกล้งถาม
โชคดีที่นิสัยของผมเป็นคนช่างพูดอยู่แล้วดังนั้นผมจึงไม่ได้หนักใจอะไรที่จะแสดงความคิดเห็นหรือถามออกไป เพราะยังไงเสียผมก็ไม่ได้เป็นคนเริ่มประเด็นนี้ขึ้นมา ผมแค่อภิปรายร่วมเฉยๆ
“ก็เสียดายความเพอร์เฟ็กต์ของพี่ศิลาไงคะน้องโอบ พี่ศิลาทั้งหล่อทั้งรวย โปรไฟล์ดีเว่อร์ สมัยเรียนนี่ฮ็อตมากนะคะ พี่ยังเคยแอบกรี๊ดเลย แต่ก็ไม่เคยเห็นควงกับผู้หญิงคนไหน ช่วงแรกที่พี่เขาเรียนจบไปแล้วพี่ก็คิดว่าเขาจะมีแฟนไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ตั้งแต่ที่ชวนพี่มาทำงานด้วยจนถึงตอนนี้ก็หลายปีแล้ว พี่ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าพี่ศิลาจะถูกใจใครเป็นพิเศษเลยสักคน” พี่ตังเมอธิบายด้วยน้ำเสียงเสียดายจริงๆ เพียงแต่ไม่น่าจะเจือปนความรู้สึกอื่นมาด้วยเพราะผมพอจะมองออกว่าเธอไม่ได้คิดอะไรกับพี่ศิลา
เธอคงจะแค่เสียดายความเพอร์เฟ็กต์ของเขาแบบที่เธอบอกนั่นแหละ ตรงกันข้ามกับผมที่กำลังคิดจะฉวยโอกาสคว้าความเพอร์เฟ็กต์ของเขามาครอง ตอนนี้มั่นใจได้แล้วว่าทางสะดวก เพราะขอเพียงมั่นใจว่าพี่ศิลาเขายังโสดอยู่จริงๆ นั่นก็เท่ากับว่าประตูความหวังของผมยังคงเปิดอยู่เต็มบาน จากที่ก่อนหน้านี้มันเปิดครึ่งๆ กลางๆ มาตลอด
“หรือว่าพี่เขาจะเป็นเกย์วะ”
“แค่กๆๆ”
บ้าจริง ผมถึงกับสำลักเป๊บซี่
“โทษๆๆ กูขอโทษเว้ยไอ้โอบ ไม่ได้ตั้งใจ กู…”
“มะ ไม่เป็นไรครับพี่” ผมรีบบอกเมื่อสีหน้าของพี่ไอติมดูตกใจมากเมื่อผมสำลักตอนที่เขาสงสัยว่าพี่ศิลาจะเป็นเกย์
“กูไม่ได้จะเหยียดนะ กูเคารพในตัวมึง แค่ถามเพราะสงสัยเฉยๆ มึงโอเคนะเว้ย”
“ผมรู้น่าพี่ คิดมากไปได้ แต่ทำไมอยู่ๆ พี่ถึงคิดว่าพี่ศิลาเขาจะชอบผู้ชายอ่ะ” ผมรีบเปลี่ยนคำถาม จากที่พุ่งมาที่ผมก็ปรับเสียหน่อยให้กลายเป็นคำถามอ้อมๆ แต่ก็ยังเป็นคำถามที่เขาทางผมอยู่ดี
“แล้วมันจะมีกี่เหตุผลที่ทำให้ผู้ชายที่มีพร้อมทุกอย่างๆ พี่ศิลายังไม่มีแฟนวะ อายุก็เลยสามแล้ว ต่อให้จะยังไม่จริงจังกับใครหรือว่าแต่งงานมีเมียมีลูก มันก็น่าจะมีแวบๆ เข้ามาบ้างดิ ใช่มั้ยไอ้ต๊อด”
“เกี่ยวไรกับกูวะ”
“ฮั่นแน่ คืนก่อนกูรู้นะว่ามึงควงเด็กดริ้งค์ขึ้นคอนโดอ่ะ”
“อ้าวไอ้เวร เรื่องของกูป่ะ ไม่เกี่ยวกันโว้ย มึงอย่าโยงมึงอย่าเทียบ เดี๋ยวได้ตกงานกันหมด” พี่ต๊อดโวยวายกลบเกลื่อน และยังไม่ทันที่พวกเราจะได้จบประเด็นการสนทนาในครั้งนี้แต่อย่างใด พี่ศิลาก็เดินกลับเข้ามาเสียก่อน ต่างคนก็เลยต้องหาทางเอาตัวรอดด้วยการมองไปทางอื่นบ้าง ปิ้งหมูบ้าง ดูดน้ำบ้างไปตามๆ กัน
“นินทาก็อยู่สินะพวกมึง”
เบื่อคนรู้ทันจริงๆ
“ตังเม เมื่อกี้ไอ้ติมกับไอ้ต๊อดมันว่าอะไร หรือมึง ไอ้โอบ”
“เปล่าพี่ เมื่อกี้พี่ติมเขาแซวเรื่องพี่ต๊อดหิ้วเด็กดริ้งค์ขึ้นคอนโดเมื่อคืนก่อน”
“ไอ้โอบ!” พี่ต๊อดหันมาหาเรื่องผมในทันที แต่พอเห็นว่าผมขึงตาใส่เขาถึงได้ยอมที่จะไม่เอาเรื่อง
เอาน่า ให้ผมเผาเขาก็ดีกว่าให้พี่ศิลารู้ว่าเราเผาเขาจะดีกว่า ถูกมั้ยล่ะ
“เหอะ! จะอะไรก็ได้แต่หัดสวมถุงบ้างนะมึง โรคจะถามหาเอา”
“แหมพี่ก็ ผมรู้น่า เซฟเซ็กซ์ตลอด”
“ก็ดี คิดจะซื้อกินมึงต้องป้องกันตัวเองด้วย เดี๋ยวจะสนุกได้ไม่นาน” น้ำเสียงของพี่ศิลาจริงจังขึ้นมาเชียว หน้าตาเขาเองก็ดูซีเรียสเหมือนพี่กำลังสั่งสอนน้องไม่มีผิด
“ตังเมว่าเราข้ามๆ เรื่องนั้นไปดีมั้ยคะ”
“อย่ามาอาย แกเองก็ซื้อกินอยู่บ่อยๆ ใช่มั้ย”
“พี่ต๊อด!”
“ดีแล้ว อย่าไปยึดติดมาก ผู้ชายดีๆ มันหายากนะน้อง พี่ขอเตือน”
“หนึ่งในผู้ชายเลวๆ นี่นับรวมพี่ต๊อดไว้แล้วมั้ยครับ”
“ไอ้โอบ”
“ฮ่าๆๆ น้องโอบพูดถูกใจ เอาผักไปเป็นรางวัลค่ะ” พี่ตังเมคีบผักกาดขาวในหม้อสุกี้ใส่ถ้วยให้ผมเสร็จสรรพ ทุกคนหัวเราะครืนไม่เว้นแม้แต่พี่ศิลาที่นั่งอมยิ้มจนแก้มตุ่ย
“พี่ศิลาครับ”
“อะไร”
ต่อให้เขาจะขานผมห้วนกว่านี้ ผมก็ไม่เปลี่ยนใจหรอก
“ปกติพี่ซื้อกินบ่อยมั้ยครับ”
“แค่กๆๆๆ”
คำถามของผมทำให้ทุกคนพากันสำลัก บ้าจริง ตกใจอะไรกันเล่า ผมก็เนียนๆ ถามเรื่องที่พวกเรากำลังคุยกันอยู่ไม่ใช่หรือยังไง
“มึงนี่มัน…”
“กินดีกว่าครับ นี่ครับหมูติดมันนุ่มๆ ย่างสุกร้อนๆ เลยครับ พี่กินเถอะ เราข้ามๆ เรื่องนั้นไปก็แล้วกัน แต่ยังไงก็อย่าลืมถุงเนอะพี่เนอะ”
“ไอ้เด็กเวร”
หลังจากที่ด่าผมมาหนึ่งคำ พี่ศิลาก็ไม่พูดกับผมอีกเลยตลอดมื้ออาหาร…