“ข้าไม่เคยเห็น”
“หืม?”
ระหว่างเดินทางซอลมินและแทซันทั้งคู่นั่งอยู่บนหลังม้ามีทหารหลวงขี่ม้าตามมาไม่ห่าง ซอลมินหันไปทางคู่สนทนาด้วยความแปลกใจหลายชั่วโมงเค้าทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลยจนกระทั่งแทซันงึมงัมอะไรบางอย่างขึ้นมา
“ข้าไม่เคยสงสัยในการตัดสินใจ หรือขัดต่อคำสั่งของท่าน”
“เจ้าเป็นองครักษ์และเพื่อนที่ดี ข้ามั่นใจในข้อนั้น”
“ข้าไม่เคยเห็นท่าน หวั่นไหวต่อหญิงงามจนข้านึกว่าท่านจะตายด้านไปเสียแล้วองค์ชาย”
“นี่เจ้า! หึ ห่วงแต่เจ้าเถอะ จนป่านี้แล้วข้าก็ไม่เคยเห็นเจ้าสนใจหญิงใด ไม่ใช่ว่าเจ้าหมดความเป็นชายไปเสียเองหรือ? ฮ่าาา”
“ฮ่าๆ ข้าเห็นด้วยกับท่าน”
ซอลมินและแทซันต่างก็หลุดขำแบบไม่ปิดบังทำเอาเหล่าทหารที่ติดตามมาด้านหลังหันมองหน้ากันงงๆ
“เป็นเรื่องน่าแปลกใจยิ่งนัก ข้าไม่เคยเห็นสายตาที่ท่านมองคังอียู สายตาที่ข้าไม่คิดว่าจะได้เห็นที่บ้านตระกูล คัง”
“.....!”
ซอลมินนิ่งไปชั่วขณะนึกย้อนไปในวันที่เขาได้ติดตามอียูไปที่บ้านของนาง นึกไปแล้วการกระทำที่ไร้เหตุผลเช่นนั้นเขาเองก็ไม่เข้าใจ จนกระทั่งทุกอย่างเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“เป็นเรื่องน่ายินดีที่อียูทลายหินในหัวใจท่าน แม้ว่าข้าจะรู้อยู่แก่ใจว่านี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องวุ่นวายอีกมาก แต่ข้ากลับไม่สงสัยในการตัดสินใจของท่าน”
“ทำไมเจ้าถึงกังวลเช่นนั้นสหาย?”
แทซันชักสีหน้าหลบสายตาจากซอลมิน เขารู้ดีว่าผู้ที่หวังร้ายต่อองค์ชายมีมากมายนัก การที่คังอียูเป็นหนึ่งในคนสำคัญ อาจทำให้เขากับองค์ชายทำการยากขึ้น อียูนางกำลังกลายเป็นตัวแปรที่ยากจะควบคุม
“ข้าคงกังวลมากเกินไป อย่างไรเสียนางก็เป็นพระชายาที่ท่านเลือก งานของข้าก็จะหนักขึ้นอีกสิน่าาา”
“เงินที่ข้าให้เจ้าคงน้อยไปอย่างนั้นหรือ?”
“น้อยไป”
“จะ เจ้านี่มัน!”
แทซันตอบกลับทันควันทำเอาซอลมินถึงกับตกใจชักสีหน้าอย่างหมั่นไส้ เจ้าคนกำเริบเสิบสาน
“งานนี้จบลงข้าคงต้องส่งคำร้องขอขึ้นค่าแรงเสียหน่อย”
“หึ แล้วข้าจะรอคำร้องนั้นจากเจ้าในคราวหลัง”
“ฮ่าๆๆ”
“นั่น ควันไฟใช่ไหมท่านราชองครักษ์?!”
“....!!”
เสียงของทหารคนนึงที่ตามหลังมาพูดขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วไปบนฟ้า ทุกคนรวมทั้งซอลมินหันมองตามที่ทหารบอก ควันไฟมากมายกำลังพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า นี่เป็นสัญญาณว่าข้างหน้าอาจมีเพลิงไหม้หรือไม่ก็...
“องค์ชาย ทางข้างหน้าอาจมีอันตรายกระหม่อมคิดว่าเราควรเลี่ยงไปอีกทางจะดีกว่า”
ราชองครักษ์อีแทรีบควมม้าตรงเข้ามาแจ้งเหตุแก่ซอลมิน
เลี้ยงไปทางอื่นอย่างนั้นหรือ ข้าเดินทางตามร่องรอยของกลุ่มคนมาตั้งแต่ต้น ควันไฟเพียงเท่านนี้ทำไมข้าจะต้องเปลี่ยนเส้นทาง
“ข้าจะไปดูให้เห็นกับตา”
“แต่องค์ชาย!!”
“ย๊า!!”
ซอลมินไม่แม้แต่จะฟังคำค้านของราชองครักษ์อีแท เขารีบสะบัดบังเหียนควบม้าตรงไปยังควันไฟน่าสงสัยนั่นทันที ทิ้งให้เขาหน้าเสียกับการถูกเมินอย่างไม่ใยดี
“นายท่าน!”
“ตามไปอารักขาองค์รัชทายาท!”
“ขอรับ!!”
ลึกๆแล้วก็แอบสมน้ำหน้าอยู่ในใจ ท่านวิ่งตามหาใครกัน? วิญญาณอย่างนั้นหรือ หากฟ้าเป็นใจท่านอาจจะได้เจอนางในนรกก็เป็นได้
ราชองครักษ์อีแทแสยะยิ้มอย่างผู้กุมความลับเหนือซอลมินก่อนจะควบม้าตามไป
“อร๊ากกก!! ช่วยด้วย!!”
“เกิดอะไรขึ้น?”
ใช้เวลาเพียงไม่นานซอลมินและเหล่าทหารหลวงก็มาถึงจุดที่เกิดควัญไฟมากมาย ภาพตรงหน้าเต็มไปด้วยความสับสนอลหม่าน ชายบาดเจ็บหนักกำลังวิ่งหนีตายเมื่อเห็นซอลมินเขาจึงเข้าไปเกาะขาพร้างร้องเรียกให้ช่วยอย่างทรมาน
“เอามือของเจ้าออกไปก่อนที่ข้าจะ..!!”
“ไม่เป็นไร ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?”
แทซันตะวาดแว๊ดใส่คนด้านล่างพร้อมกับซักดาบออกจากฝักในทันที แต่ต้องหยุดเอาไว้เพียงเท่านั้นเพราะซอลมินยกมือห้ามไว้
“โจร มีโจรบุกมาทำร้ายเรา อ๊ากกก!”
“.....!!”
“องค์ชาย?!”
ทหารหลวงที่เห็นเหตุการณ์จึงรีบวิ่งเข้ามารวบชายบาดเจ็บออกจากการจับต้องพระวรกายองค์รัชทายาทในทันที
ซอลมินหันมองไปยังด้านหน้าและเห็นว่าเหล้าชายชุดดำปิดหน้าปิดตาก็พอเดาที่ชายบาดเจ็บบอกถึงโจรที่พูดถึง
“ช่วยพวกเขา”
“พะยะค่ะองค์ชาย!”
เมื่อได้ยินซอลมินออกคำสั่งแทซันไม่รอช้ารีบควบม้าเข้าไปตะลุมบอนในทันทีตามด้วยทหารหลวงติดตามอีกจำนวนหนึ่ง
ซอลมินไม่ยอมอยู่นิ่งแม้ว่าราชองครักษ์ไม่เห็นด้วยที่องค์ชายจะเข้าไปต่อสู้ด้วยพระองค์เอง ถึงจะเป็นองค์ชายผู้สูงศักดิ์ไม่มีหน้าทีต้องจับดาบอย่างทหารหรือองครักษ์ แต่ไม่ใช่กับซอลมิน เขาทั้งเก่งกาจในเรื่องศิลปะการต่อสู้ทั้งประชิดและอาวุธต่างๆ ถึงศัตรูรายล้อมไร้ทหารป้องกันก็ไม่หวั่น
แทซันหายเข้าไปในกลุ่มคนที่กำลังต่อสู้ที่ดุเดือด ซอลมินสังสารโจรไปหลายสิบคนจนสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย โจรหลายคนล้าถอยหนี บางคนยังคงเดินหน้าสู้จนตัวตาย
“ว้ายยยยยยย!!!!”
“....!!!!!”
เสียงหวีดร้องของหญิงสาวดังขึ้นอยู่ไม่ไกล้ไม่ไกลหากแต่เพียงเสียงที่ได้ยินนั้นคุ้นหูจนซอลมินหยุดเดินหันมองหาต้นตอของเสียงอย่างร้อนรน
“อียู!!”
ร่างสูงออกวิ่งอีกครั้งไม่ได้สนใจรอบข้างพยายามมองหาที่มาของเสียง เพราะถ้าเป็นอียู นางอาจตกอยู่ในอันตราย
“ฮ่าๆๆๆ”
ซอลมินหยุดชะงักกับเสียงหัวเราะของใครบางคนชวนให้หงุดหงิดดังมาจากด้านท้ายของเกวียนขนของ
มีอะไรน่าขำนัก ฆ่าคนบริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยมมันน่าขำนักหรือยังไง?!
สองเท้าหยุดนิ่งตกตะลึงเมื่อภาพที่เห็นตรงหน้าคือชายชุดดำกำลังใช้มือดึงทึ้งผมของอียูพร้อมกับหัวเราะชอบอกชอบใจ
การกระทำไวกว่าความคิด มือหนาคว้าดาบตรงเข้าไปหาโจรในทันที
“ฮ่าๆๆ ทำไมแกถึงไม่ฆ่าฉันตั้งแต่แร อะ กะ แก!!!!”
ซึบ!!
พรึบ!! ตุบ!!
เพื่อให้มันได้รับรู้รสชาติของความเจ็บปวดหลังถูกแทงข้างหลังผ่านหัวใจทะลุอกด้านซ้าย ซอลมินชักดาบออกจากร่างของโจรอย่างช้าๆ ใบหน้าหล่อเต็มไปด้วยความโกรธอย่างที่ใครก็ไม่อาจขวางได้
พรึบ!
“อียู! คังอียู!!”
“.....”
ร่างสูงทิ้งดาบลงพื้นรีบเข้าไปคว้าร่างเล็กเอาไว้ในอ้อมแขน เขาพยายามเขย่าตัวอียูเบาๆให้นางได้สติแต่ไร้การตอบกลับและสลบไป
“ไม่เป็นไร ข้ามารับเจ้าแล้ว”
“.....”
ซอลมินรอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าความพยายามของเขาได้จบสิ้นลง เขากระชับอ้อมแขนช้อนร่างบอบบางของอียูขึ้นพาออกไปยังที่ปลอดภัยโดยมีทหารหลวงคอยอารักขาตลอดทาง
“อือ~”
“คะ คุณหนูฟื้นแล้ว ข้าจะไปกราบทูลองค์ชาย!”
“ได้ๆ!”
อียูเริ่มขยับตัวตื่นขึ้นจากอาการเมื่อยล้าไปทั้งตัว จีมินนั่งอยู่ด้านล่างข้างกับเตียงไม้กุมมือข้างหนึ่งของอียูเอาไว้ภายในกระโจมหลังใหญ่
“เกิดอะไรขึ้น จีมินพวกเจ้าปลอดภัยใช่ไหม?”
“ปลอดภัยเจ้าค่ะ เราสองคนปลอดภัยดี คุณหนูเจ็บตรงไหนไหมเจ้าคะ?!”
“อือ ข้าเจ็บแขนจัง”
“โธ่ ข้าต้องหัวขาดแน่เลยที่ดูแลคุณหนูไม่ดี!!”
อียูยกแขนทั้งสองข้างขึ้นดูและเห็นว่าเป็นรอยฟกช้ำจากกระถูกกระแทกด้วยรังไม้ที่โดนโจรเตะใส่ จีมินเริ่มร้องไห้เพราะรู้สึกผิดต่อความบกพร่องของตน อียูขยับเข้าใกล้หญิงสาวรับใช้พรางส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“ข้าไม่เป็นไร เจ้าเจ็บกว่าข้าอีกนะอย่าลืมสิ”
“ฮึกๆ!”
พรึบ!!
“....!!”
“.....!!”
เสียงใครบางคนสะบัดผ้าม่านกระโจมให้เปิดขึ้นแสงจากภายนอกส่องเข้ามาเผยให้เห็นถึงร่างสูงที่ดูคุ้นตายืนเด่นอยู่ตรงหน้า
“องค์ชาย!”
“....”
ซอลมินไม่พูดอะไรมีเพียงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล ร่างสูงก้าวเท้าเข้ามาใกล้อียูเรื่อยๆ จีมินที่มองอยู่หันมาก้มหัวคับนับแค่องค์ชายแล้วหมุนตัวเดินออกจากกระโจมไปอย่างรู้งาน
“ท่าน ทำไมถึงอยู่ที่!..”
หมับ!!
ร่างสูงเร่งฝีเท้าเข้าประชิดตัวคนถามสองแขนแข็งแรงคว้าอียูเข้ามากอดไว้ราวกับกลัวว่านางจะหายไป มือหนาค่อยๆเชยคางคนที่นั่งอยู่ให้ขึ้นมองก่อนจะค่อยๆเลี่ยนใบหน้าหล่อลงไปจุมพิตด้วยความอ่อนโยน
ปากนิ่มขยับไปตามแรงจูบและความถวิลหา กลิ่นหอมจางๆจากอียูทำเอาซอลมินเองแทบเก็บกั้นอารมณ์ไม่อยู่ ในสมองของอียูโล่งไปหมดเรี่ยวแรงที่มีถูกซอลมินดูดกลือไปเสียอย่างนั้น
คนตัวสูงผละออกจากการจูบอ้อยอิ่งอย่างเสียดาย แต่หากนานไปกว่านี้เขาคงหยุดตัวเองไม่ได้แน่ อียูเมื่อเป็นอิสระจึงลอบถอนหายใจหอบหนักจากการถูกจู่โจมไม่ทันตั้งตัวจนเผลอกลั้นหายใจ
“ใบหน้าของเจ้า”
“หืม...!!”
ซอลมินใช้นิ้วเรียวสวยกรีดเอาเส้นผมสลวยออกจากใบหน้าขาวเผยให้เห็นถึงรอยขีดเล็กๆเท่าแมวข่วน แต่นั่นก็ถือเป็นเรื่องใหญ่เพราะนี่คือความบกพร่องของเขาเอง
“ไม่เป็นไรเพคะ เดี๋ยวก็หาย”
“....”
อียูเอื้อมมือมาจับมือหนาพร้อมกับยิ้มให้เขาอย่างสบายใจ ใบหน้าหล่อที่เคยเห็นมักจะไม่แสดงสีหน้าใดแต่หลับดูเป็นห่วงเป็นใยเสียปิดบังไม่ได้
“ท่านพบข้าได้อย่างไร?”
“ข้า ตามรอยคนพวกนั้นมา และอาจเจอเจ้า”
ซอลมินยกแขนข้างนึ่งขึ้นให้อียูได้เห็นถึงกำไรเส้นเล็กที่ตนเก็บเอาไว้กับตัวตลอด อียูนิ่งอึ้งเพราะนึกว่ามันได้หายไปเสียแล้ว
“ข้ามาเพื่อรับเจ้ากลับ”
“....!!”
อียูชักสีหน้าเศร้าพรางหลบสายตา กลับไปแบบไหนกัน ข้าควรถามเขาออกไปดีไหมนะ หากข้าถามจะเป็นการไร้มารยาทหรือเปล่า แต่ถ้ากลับไปแล้วเป็นสนมคนหนึ่งของเขา ข้าก็ไม่เอา
“ข้าขอถามอะไรท่านได้หรือไม่?”
“อืม”
“ท่านได้เลือก พระชายาไปแล้วใช่หรือไม่?”
“ใช่”
“....!!!!”
เลือกไปแล้ว เลือกไปโดยที่ไม่มีเราอยู่ในพิธี เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นข้าสินะ ข้ามัวหวังอะไรอยู่
ซอลมินเห็นท่าทีของอียูเปลี่ยนไปราวกับกำลังจะร้องไห้อย่างไรอย่างนั้น เขาทำอะไรผิดไปหรือเปล่านะ หรือเขาตอบคำถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาทำร้ายจิตรใจนางมากเกินไป
“อะ ฮึม ในวันนั้นข้าได้ตัดสินในเลือกพระชายาของข้าด้วยตนเองอย่างชัดเจนแล้ว พระชายาของข้าก็คือ..!!”
“ไม่ใช่ข้า ใช่หรือไม่?!”
“....!”
ยังไม่ทันที่ซอลมินจะพูดจบอียูก็พูดขึ้นอย่างเสียมารยาททันที หากเป็นคนอื่นข้าก็ไม่อยากรู้ว่านางผู้นั้นเป็นใคร ข้าอยากรู้เพียงเป็นข้าหรือไม่ก็พอแล้ว
ซอลมินเริ่มเห็นปฏิกิริยาบางอย่างของอียูและเริ่มรู้สึกได้ถึงพลังแห่งความหึงอยู่ภายในนั้นจนทำให้ใบหน้าหล่อถึงกับเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
“เป็นเจ้า คังอียู เป็นเจ้ามาตั้งแต่แรก”
“....!!!!”