เกวลินนั่ง ๆ นอน ๆ ไม่ได้ทำอะไร เลยโทรหาผู้เป็นบิดาให้หายคิดถึงเสียหน่อย
“ว่าไง ยัยเกว พอไหวไหมลูก” นายพุฒิเป็นห่วงลูกสาว พอ ๆ กับเป็นห่วงลูกเขย เพราะรู้ว่า เกวลินนั้นไม่ธรรมดาเหมือนกัน
“คิดถึงพ่อจังค่ะ” เกวลินส่งเสียงอ้อน
“อืม....ฟังเสียงแล้วแสดงว่าพอไหวใช่ไหมลูก”
“เอาอยู่ จ้าพ่อ” เกวลินบอกอย่างมั่นอกมั่นใจ
“หมายความว่าไง”
“ก็ คุณอนาวิน เขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนักหรอกค่ะ เกว พอรับมือไหว” หญิงสาวหลีกเลี่ยงที่จะบอกรายละเอียด
“อืม...ดีแล้วลูก...แต่ถ้ามีอะไรเหลือบ่ากว่าแรง บอกพ่อนะ อย่าเก็บไว้คนเดียว หนูไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้สินนักหรอก พ่อคุยกับลุงดนัยได้” นายพุฒิบอกกับลูกสาว เขารู้สึกผิดต่อลูกอยู่ไม่น้อย ถ้าทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนเขาก็พร้อมจะยกเลิกทันที
“เกวลิน ซะอย่าง ไม่มีคำว่าล้มเหลว” หญิงสาวโอ่
“...ฮ่า..ฮ่า..... เออ ๆ ดี พ่อก็นึกว่าจะต้องสร้างคานให้ลูกสาวอยู่ซะแล้ว”
“ก็ไม่แน่หรอกพ่อ...เกวไม่ใช่สเป็คของเขาซะด้วย แค่ที่เขาไม่ไล่ตะเพิดกลับก็ดีแล้ว”
“เฮ้ย...ลูกพ่อก็น่ารักอยู่นา...ถ้าใครมันไม่เห็นก็ไม่ต้องไปง้อมัน” นายพุฒินักเลงพอ
“โธ่พ่อ...พูดแบบนี้สร้างคานไว้เลยเหอะ”
“จริง ๆ นะเกว พ่อไม่รู้จะพูดยังไง พ่อขอโทษ ที่ทำให้ลูกสาวพ่อเหมือนผู้หญิงไร้ค่า”
“โอ๋ ๆ อย่าเศร้าสิจ๊ะ...พ่อจ๋า..เกวไม่เป็นไรเลย...คริ...คริ”
“อ้าว...อะไรเจ้าเกว ชอบใจอะไร”
“ก็ถ้าให้เกวหาสามีเอง คงไม่เจอผู้ชายสมบูรณ์แบบขนาดนี้....ทั้งหล่อ ทั้งรวย...เสียนิดเดียว”
“อะไรลูก”
“ปากเสีย....แต่ คอยดูนะพ่อ เกวจะทำให้เรียก เกวจ๊ะ..เกวจ๋า...ให้ได้เลย” เกวลินซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองเสมอ หล่อนไม่เคยมีแฟน และแน่นอนความรู้สึกรักแบบหนุ่มสาว ช่างไม่มีประสบการณ์เอาซะเลย แต่ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว หล่อนจะลองดูซักตั้ง บางทีภาระกิจประหลาดนี่อาจจะทำให้ได้ครอบครัวที่อบอุ่นขึ้นมาก็ได้
“...ฮ่า..ฮ่า....ก็สมน้ำสมเนื้อดีนะ...พ่อว่า” นายพุฒิขำลูกสาว
“พ่ออ่ะ...ไม่ต้องหัวเราะเยาะเลย” หญิงสาวทำตาคว่ำใส่โทรศัพท์
“เออ ๆ พ่อเอาใจช่วยก็แล้วกัน”
“เจ้าแฝดเป็นไงบ้าง พ่อ” อดห่วงน้องไม่ได้
“ก็ดี เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยออกไปตะลอนข้างนอก บอกว่าเป็นห่วงพ่อ” นายพุฒิชื่นชมลูกชายฝาแฝด
“พ่อก็ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ เอาไว้หนูจะกลับไปเยี่ยม”
“ไม่ต้องห่วงพ่อหรอก ลุงดนัยเขาก็มาคุยด้วยบ่อย ๆ ขนซื้อข้าวของ บำรุงมาเต็มไปหมด”
“ค่ะพ่อ...สวัสดีค่ะ”
หญิงสาวถอนหายใจออกมาหนัก ๆ หลายครั้ง บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตัวเองหนักใจเรื่องอะไร มันสับสนปนเปกันไปหมด
“คุณเกวครับ...คุณเกว”
“ขะ...คะ...คุณภีม มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“ก็ตั้งแต่คุณเกวนั่งถอนหายใจอยู่นั่นแหละครับ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า” ภีมวัจน์ทอดเสียงอ่อนโยน เขาถูกชะตากับหญิงสาว เรียกว่าเอ็นดูเหมือนน้องสาวคนหนึ่งด้วยซ้ำ
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ...แล้วนี่คุณภีมมาหาคุณวินเหรอคะ”
“ครับ พอดีมีเรื่องงานนิดหน่อย แต่ก็ไม่ด่วนหรอกครับ”
“คุณวินเข้าไปในไร่ค่ะ อีกเดี๋ยวคงกลับ เชิญนั่งก่อนสิคะ”
“เอ๊ะ! นั่นเท้าของคุณเกวเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ภีมวัจเพิ่งสังเกตเห็นแผลที่เท้าของหญิงสาว
“อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ เลยต้องมานั่งจุ้มปุ๊กแบบนี้ คงอีกหลายวันกว่าจะเดินได้ถนัด”
“เบื่อแย่เลยนะครับ....เอาอย่างนี้ ..ระหว่างรอคุณวิน ผมว่าเราไปนั่งดื่มกาแฟอร่อย ๆ กันไหมครับ มีร้านเปิดใหม่อยู่ไม่ไกลนี่เอง ร้านเขาน่ารักดีด้วย ไปเช็คอินกันดีกว่าค่ะ” เลขาหนุ่มบอกอย่างกระตือรือล้น
“จะดีเหรอคะ เผื่อคุณวินกลับมา” เกวลินลังเล เมื่อนึกถึงความเหมาะสม แต่พอคิดอีกทีก็รู้ ๆ กันอยู่คงไม่เป็นอะไรมั้ง
“ดีสิครับ คุณวิน น่ะดื่มกาแฟกับน้ำร้อนแค่นั้น ทำเองที่บ้านก็ได้” ภีมวัจ ย่นจมูกเมื่อนึกถึงกาแฟที่เจ้านายดื่ม ไม่รู้ว่ามันอร่อยตรงไหน สำหรับเขามันต้องกลมกล่อม หอมมัน ถึงจะได้อรรถรส
“งั้นก็ไปกันเลยค่ะ” เกวลินหยิบไม้เท้าค่อย ๆ เขยกไปขึ้นรถ โดยมีภีมวัจคอยช่วยเหลือดูแล การได้ไปนั่งในร้านกาแฟ เป็นอะไรที่โปรดปรานมาก เพราะหล่อนชอบกลิ่นหอม ๆ กรุ่นกลิ่นปลายจมูกรู้สึกผ่อนคลาย สมันเรียนยังอาศัยนั่งดื่มกาแฟพลาง อ่านหนังสือไปพลางครั้งละหลาย ๆ ชั่วโมง หากวันนั้นในร้านไม่ค่อยมีลูกค้า
“ขอบคุณนะคะ” รถเก๋งของภีมวัจน์ค่อนข้างเตี้ย ทำให้หญิงสาวสามารถขึ้นมานั่งได้ง่ายหน่อย