นายเดชาสะอึก เมื่อถูกลูกสาวยอกย้อน ในเรื่องที่เขายากจะอธิบายให้หล่อนเข้าใจได้ เพราะเมื่อแม่ของใบหม่อนเสียชีวิตลงได้เพียงสามเดือน เขาก็พามาริสากับใบชา น้องสาวคนละแม่ของใบหม่อน ที่อายุห่างกันแค่หนึ่งปี เข้ามาอยู่ในบ้าน วันนั้นหล่อนกรีดร้อง ฟูมฟาย หาว่าเขาทรยศแม่ แม่ของหล่อนจึงต้องตรอมใจตาย หลังจากนั้น ใบหม่อนก็เปลี่ยนจากเด็กเรียบร้อย น่ารัก กลับกลายเป็นอย่างที่เห็น
“ทำไมล่ะคะคุณพ่อ เงียบทำไม” ใบหม่อนรุกต่อ
“ฉันพูดไป แกก็ไม่พยายามเข้าใจ ยังยึดติดกับความเชื่อเดิม ๆ”
“ก็มันเป็นความจริงนี่คะ ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว จะเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นได้ยังไง” หญิงสาวเถียงบิดา
“เอาล่ะ แกจะเชื่อยังไงก็เรื่องของแก แต่อย่าทำเรื่องเสื่อมเสียให้ฉันต้องขายหน้ามากไปกว่านี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะจัดการกับแกขั้นเด็ดขาด !” เดชาคาดโทษลูกสาว หลังจากพยายามสงบสติอารมณ์
“คุณพ่อจะล่ามโซ่หนูเอาไว้หรือคะ” ใบหม่อนประชด
“ถ้าจำเป็น ฉันก็จะทำ จำใส่หัวของแกไว้” นายเดชาชี้หน้าลูกสาวด้วยมือที่สั่นเทาตามแรงอารมณ์ของเจ้าตัว ก่อนจะเดินกลับขึ้นห้องไป
“........ฮึ...กลัวจะเสียหน้า” ใบหม่อนแสลงใจกับคำนี้ของบิดายิ่งนัก ในความคิดของพ่อมีแต่หน้าตา สังคม ธุรกิจ แล้วหล่อนกับแม่เคยอยู่ในใจของพ่อบ้างหรือเปล่า ใบหม่อนกลับเข้าห้อง ทุ่มตัวลงบนเตียงแล้วก็ร้อง ๆ ๆ ให้น้ำตามันเหือดแห้งให้หมด หล่อนจะได้ไม่มีน้ำตาเหลือให้ร้องไห้ได้อีก
ตะวัน มาหานายเดชา เพื่อนสนิทของพ่อ เขานึกถึงเมื่อครั้งเริ่มก่อตั้งไร่กาแฟใหม่ ๆ แล้วประสบปัญหาซวนเซ ส่งผลกระทบกับธุรกิจทุกอย่างของครอบครัว จนแทบจะล้มละลาย ก็ได้อาเดชาที่ยื่นมือเข้าไปช่วย จนเขากับพ่อสามารถพลิกสถานการณ์กลับมามีฐานะมั่นคงเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง
“สวัสดีครับคุณอา” ตะวัน พนมมือไหว้เพื่อนบิดา พร้อมทั้งส่งกระเช้าผลิตภัณฑ์ส่งออกของไร่ ให้กับผู้สูงวัยกว่า เป็นสิ่งที่เขาปฏิบัติมาทุกปี อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ถึงแม้ว่าบิดาจะถึงแก่กรรมไปแล้ว
“ขอบใจนะ ตะวัน ไม่น่าต้องลำบาก”
“ไม่ลำบากเลยครับ ถ้าเทียบกับสิ่งที่คุณอามีบุญคุณ ช่วยเหลือครอบครัวของผมไว้”
“เฮ้ย ! อย่าคิดมาก บุญคุณอะไรกัน พ่อเรากับอาน่ะคบหากันด้วยใจ อะไรช่วยกันได้ก็ช่วยกันไป”
“ขอบคุณนะครับ ถ้าคุณอามีอะไรให้ผมรับใช้บอกเลยนะครับ ผมยินดีถ้าคุณพ่อยังอยู่ก็คงคิดแบบเดียวกัน"
“ขอบใจมากหลานชาย” นายเดชาตบไหล่ชายหนุ่ม ชอบใจในความมีน้ำใจของเขา
“เออ...แล้วคุณนุชนารถได้กลับไปที่ไร่บ้างหรือเปล่า”
“ไม่เคยไปเหยียบอีกเลยตั้งแต่คุณพ่อท่านเสียนั่นแหละครับ อยู่ที่เชียงใหม่บริหารโรงแรมอย่างเดียว” ตะวันบอก โดยไม่จำเป็นต้องอธิบายรายละเอียดเพราะทั้งสองรู้อยู่แก่ใจดี
“น่าเสียดาย มาคราวนี้ ก็ยังไม่ได้เจอกับยัยใบหม่อน เหมือนเคย” นายเดชาพูดถึงลูกสาวที่เคยสนิทสนมกับตะวันเมื่อตอนเด็ก ๆ แต่โตมานี่มีอันต้องคลาดกันตลอด ไม่เคยได้เจอกัน
“ไม่เป็นไรครับ คงมีโอกาสได้เจอกันจนได้” ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ เมื่อนึกถึงเด็กหญิงตัวอ้วนกลม ที่วิ่งตามพี่ตะวัน หยอย ๆ เวลาที่ครอบครัวทั้งสองไปพักผ่อนด้วยกันที่ดอยแม่สลอง อันเป็นที่ตั้งของไร่กาแฟในปัจจุบัน
“แล้วนี่หลานแต่งงาน แต่งการหรือยัง อายุไม่น้อยแล้วนา”
“ยังครับ” ตะวันตอบสั้น ๆ
“จะอยู่กรุงเทพ ฯกี่วันล่ะเนี่ย” นายเดชาเปลี่ยนเรื่อง เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่อยากพูดถึงเรื่องแต่งงาน
“อีกสองสามวันก็กลับแล้วครับ...ผมลาล่ะครับ”
“เอา ๆ เดินทางปลอดภัยนะ” นายเดชามองตามชายหนุ่ม มีความคิดบางอย่างแวบเข้ามาในหัวสมอง