“เมีย !” ภีมวัจน์อึ้ง หน้าตาเหมือนเห็นผีกลางวันแสก ๆ ก่อนจะได้สติหันมาทักทายนายสาว
“เอ่อ...สวัสดีครับ คุณเกวลิน ผมภีมวัจน์เป็นเลขาของคุณอนาวิน” เลขาหนุ่มแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ
“สวัสดีค่ะ คุณภีม ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เกวลินส่งยิ้มยื่นไมตรีไปให้ ในขณะที่ชายหนุ่มก็ส่งยิ้มเก๋กลับมาให้เช่นกัน ใบหน้าหล่อคม เกลี้ยงเกลา ดูดีทุกกระเบียดนิ้ว เกวลินเผลอจ้องมองริมฝีปากสีชมพูอ่อนของเขา กำลังสงสัยว่าเขาทาเคลือบลิปสติกไว้ หรือว่ามันเป็นธรรมชาติแบบนั้นกันแน่ ก็มีเสียงกระแอมขึ้นขัดจังหวะ
“เกว..คุณทำกับข้าวเผื่อนายภีมด้วยนะ” อนาวิน เอ่ยเสียงเรียบ ๆ เดาอารมณ์ไม่ถูก
“ค่ะ อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมคะ”
“อะไรก็ได้ เดี๋ยวผมขอคุยธุระกับนายภีมสักครู่” พูดจบ ก็เดินออกไป โดยมีคุณเลขาเดินตามไปติด ๆ
เจ้านายกับเลขาคู่นี้ ต่างกันลิบ คนเป็นนายดูเถื่อน ๆ ในขณะที่เลขาหนุ่มโอปปามาก....เอ....หรือว่า....ความคิดบางอย่างแวบเข้ามาในหัวสมอง...หรือว่า..คู่นี้จะ.....ไม่นะ...ไม่ ๆ ๆ ๆ
“พี่เกว.....พี่เกว” ครกเรียก เมื่อเห็นหญิงสาวมองตามหลัง เจ้านายกับคุณเลขา แล้วทำตาลอย ๆ ชอบกล
“ห๊ะ....อะไร...แค่นี้เรียกซะดังเลย” หญิงสาวตกใจ พลั้งเผลอคิดไปไกล
“ผมเรียกตั้งนาน” ครกบ่น
"เอ่อ ครกจ๊ะคุณภีมนี่เขาพักอยู่ที่ไหนเหรอ บ้านนี้หรือเปล่า"
"อยู่บ้านพักด้านหลังครับ ไม่ไกลหรอก แต่ไม่แน่บางทีเวลาไปไหน ๆ กับคุณวินกลับมาดึก ๆ ผมก็เคยเห็นแกนอนที่นี่แหละครับ"
"นอนที่นี่! " เกวลินถึงกับเหวอ
"ทำไมเหรอ พี่เกว ตกใจอะไรครับ"
"ปะ...เปล่าจ่ะ" หญิงสาวรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
"นั่นสิ...คุณภีมแกก็นอนที่นี่บ่อย ๆ ไม่เห็นแปลกนี่ครับ" ครกส่ายหัวไม่เข้าใจ
“มา ๆ ช่วยกันทำกับข้าว เดี๋ยวมีคนโมโหหิว” หญิงสาวรีบเปลี่ยนเรื่อง เก็บความสงสัยไว้ในใจ
เกวลิน ช่วยกันทำกับข้าวกับเจ้าครกอย่างรวดเร็ว เสร็จแล้วจึงแบ่งส่วนหนึ่งให้เด็กหนุ่มไปกินที่บ้าน รวมทั้งคัพเค้ก ที่เจ้าตัวภูมิใจนักหนาในฝีมือแต่งหน้าของตัวเองเพื่อเอากลับไปอวดป้ามะลิ
“นี่อะไรกันครับ คุณวิน มีเมียตั้งแต่เมื่อไหร่” ภีมวัจน์ ใช้วันลาหนึ่งสัปดาห์เต็ม ๆ ลาไปหาคนสำคัญที่ฝรั่งเศส ปิดการรับรู้จากโลกภายนอกทั้งหมด ก่อนจะกลับมาพบเจอกับเรื่องแปลกประหลาดที่สุด
“พ่อส่งมาให้” เจ้านายตอบอย่างเสียไม่ได้
“ไม่ได้ชอบเลย ว่างั้น” หนุ่มภีม สนิทกับเจ้านายถึงขนาดพูดจาล้อเล่นกันได้ เพราะ อนาวินเป็นเพื่อนรักกับพี่ชาย ก็เลยพลอยสนิทสนมกับเขาตั้งแต่สมัยเรียน จนเหมือนเป็นพี่น้องกันจริง ๆ จนกระทั่งมาทำงานเป็นเลขาให้ จึงสนิทสนมกันขึ้นไปอีก ชนิดที่ไปไหนไปกัน เนื่องจากเจ้านายไม่ได้ตัดขาดจากธุรกิจอย่างสิ้นเชิง ยังทำงานสำคัญ ๆ อยู่เบื้องหลังเพราะไม่อาจผลักภาระให้ผู้เป็นบิดามากจนเกินไป ดังนั้นเลขาอย่างเขาจึงยังมีงานอยู่เต็มมือ บางช่วงต้องไป ๆ มา ๆ ระหว่างกรุงเทพฯ กับที่นี่บ่อย ๆ
“นายภีม” อนาวินเอ่ยเรียกเสียงเข้ม พอ ๆ กับใบหน้าที่ออกสีเข้มจัด คนที่สนิทกันเท่านั้นถึงจะรู้ว่าเจ้าตัวอยู่ในอารมณ์ไหน
“..ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า.......คุณท่านนี่ตาแหลมเข้าใจเลือก ทำเอาเจ้านายเห็นหน้าปุ๊บ ปิ๊งปั๊บ” เลขาหนุ่มยังแซวไม่เลิก
“ไม่ต้องมาสู่ รู้....แล้วกลับมานี่ คงอิ่มจนล้นเลยสิท่า”
เลขาหนุ่มยิ้มละไม แววตาหวานซึ้ง เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาตลอดหนึ่งสัปดาห์เต็ม เขาเก็บภาพความประทับใจมาด้วยมากมาย เผื่อว่าเจ้านายหนุ่มจะหวั่นไหวอยากมีใครซักคนขึ้นมาบ้าง ไม่คิดเลยว่าท่านเจ้าสัว จะปฏิบัติการสายฟ้าแลบแบบนี้
“มีหลักฐานให้ดู” ภีมวัจน์ ลุกจากเก้าอี้ยื่นโทรศัพท์ไปให้เจ้านายดู แต่เพราะความรีบร้อน ทำให้สะดุดขาเก้าอี้แล้วเสียหลักไปข้างหน้า มือ ยันเข้ากับเท้าแขน ที่เจ้านายหนุ่มนั่งอยู่
“เฮ้ย! คุณ...” เกวลิน เผลออุทานเสียงดัง ดวงตาเบิกกว้าง ตะครุบปากตัวเองไว้ไม่ทัน สิ่งที่คิดแวบ ๆ ขึ้นมาตอนอยู่ในครัวสงสัยจะเป็นเรื่องจริงอย่างที่สงสัยไว้ไม่มีผิด ถึงภาพที่เห็นจะเป็นแค่หลังของ เลขาหนุ่ม ที่ก้มตัวคร่อม เจ้านายที่นั่งอยู่ บนเก้าอี้ แค่จินตนาการก็รู้ว่าจะต้องกำลัง จูบ...กันอยู่แน่นอน
ร่างสูงรีบผละออกมาทันที ภีมวัจน์หน้าจืดเจื่อนสนิท