“สวัสดีค่ะ คุณบัวชมพู ต้องการอะไรเพิ่มเติมเรียกดิฉันได้นะคะ”
“ขอบใจจ๊ะ”
บัวชมพู มองมาทางมาร์ค เหมือนจะเย้ยอยู่ในที ในขณะที่เขานั่งหน้าตึง ขนาดแม่บ้านยังรู้จักบัวชมพู แถมยังเอาใจหล่อนราวกับเป็นคุณผู้หญิงก็ไม่ปาน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้เพราะบัญชาจากคุณนายรัมภา มารดาของเขาแน่ ๆ
“คุณว่าวิธีนี้จะได้ผลไหมคะทอม” คุณรัมภา ถามสามี เพื่อเรียกความมั่นใจ ใช่ว่าจะไม่ห่วงหนูบัวชมพู ที่ส่งไปอย่างนั้นก็เหมือนส่งเนื้อไปเข้าปากเสือ แต่หล่อนก็ได้ทำการป้องกันไว้อย่างดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ หวังว่าความใกล้ชิดจะทำให้ทั้งคู่รักกันได้ ครั้นจะบังคับให้แต่งงานกันตรง ๆ ลูกชายคงไม่ยอมแน่ ๆ มันต้องให้ยาก ๆ เข้าไว้ ไม่อย่างนั้น จะจับเพลย์บอยอย่างนายมาร์คไว้ไม่อยู่แน่
“คุณวางแผนไว้อย่างดีแล้วไม่ใช่หรือที่รัก ยังต้องกังวลอะไรอีก” ทอมปลอบภรรยา หลังจากวางมือจากธุรกิจให้กับลูกชายทั้งสาม เขาก็ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่กับภรรยาที่เมืองไทย
“ก็นั่นแหละค่ะ ถึงยังไง ฉันก็ยังอดห่วงหนูบัวชมพูไม่ได้ ถ้าตามาร์คเกิดทำบ้าๆ ขึ้นมา ฉันไม่ยอมจริง ๆ ด้วย”
“คุณพูดเหมือนไม่รู้จักลูก ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเพลย์บอย แต่มาร์คไม่เคยฝืนใจใคร ผมเชื่อว่าลูกเป็นสุภาพบุรุษพอ”
“ขอให้เป็นอย่างนั้นนะคะ ฉันไม่อยากทำผิดต่อเพื่อนรัก”
“ถ้ามันเกเร ก็จับแต่งงานซะเลยสิ คุณทำได้อยู่แล้ว เจ้ามาร์คมันยอมคุณคนเดียวอยู่แล้วนี่”
“คุณก็...ยังไงก็ต้องนึกถึงจิตใจของหนูบัวชมพูด้วย ฉันอยากให้ทั้งสองคนแต่งงานกัน ด้วยความรัก ไม่ใช่เพราะถูกบังคับค่ะ”
หลังจากทานอาหารกลางวันที่เลขาหนุ่มสั่งขึ้นมาให้เจ้านายทั้งคู่แล้ว มาร์คลุกขึ้น ยืนเต็มความสูง ขยับสูทให้เข้าที่ก่อนจะหันไปพูดกับบัวชมพูที่นั่งตาปรือปรอยอย่างน่าขัน
“ผมจะไปตรวจงาน ตามแผนกต่าง ๆ คุณจำเป็นต้องไปกับผมไหม...หนูบัว” ชายหนุ่มแกล้งถามไปอย่างนั้นเพราะรู้ว่ายังไง หล่อนก็ต้องไป
“ค่ะ ฉันต้องไปกับคุณอยู่แล้ว” หญิงสาวลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง สลัดความง่วง หายไปเป็นปลิดทิ้ง หล่อนกำลังเบื่อกับการนั่งจับเจ่าในห้องนี้เต็มทน
“หึ..หึ..แน่ใจนะ” แววตาเจ้าเล่ห์ฉายชัด แต่บัวชมพูไม่มีโอกาสได้เห็น
“แน่ใจค่ะ” หญิงสาวตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
มาร์คเดินนำออกไป บัวชมพูเดินตามไปติด ๆ หญิงสาวซอยเท้าตามเขาแทบไม่ทัน ต้องเดินแกมวิ่ง เพราะสรีระที่ต่างกันมาก ด้วยความสูง 167 เซ็นติเมตร เมื่อเทียบกับหนุ่มเลือดผสมอย่างมาร์ค ทำให้หล่อนดูตัวเล็กลงไปถนัดตา
อลันกับนิค บอร์ดี้การ์ดคู่ใจ เดินตามเจ้านายหนุ่มมาเงียบ ๆ สองหนุ่มเห็นเจ้านายของเขาเดินจ้ำเอาจ้ำเอา ก็ให้รู้สึกสงสารคุณบัวชมพูที่โดนต้อนรับอย่างหนักตั้งแต่วันแรก ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ตั้งหลัก…..เฮ้อ....ก็แค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แถมสวยมากด้วย ทำไมเจ้านายของเขาถึงได้มองไม่เห็นบ้างนะ.มัวแต่ตั้งแง่...เดี๋ยวน้ำตาได้เช็ดหัวเข้า...อลันได้แต่คิดเงียบ ๆ เพราะรู้พอ ๆ กับเจ้านายว่า ผู้หญิงคนนี้คุณนายใหญ่ให้ความสำคัญมากแค่ไหน
ตรวจงานแบบไหนของเขานะถึงได้ไม่แวะดูอะไรเลย เอาแต่เดิน เดินและเดิน ไม่แม้แต่จะทักทายหรือซักถามพนักงานคนไหน อย่างนี้เขาต้องการกลั่นแกล้งหล่อนชัด ๆ ถ้าเป็นเวลาปกติ บัวชมพูจะไม่เดือดร้อนเลย เพราะหล่อนวิ่งออกกำลังกายสัปดาห์ละหกวันอยู่แล้ว แต่วันนี้หล่อนพลาดเอง เพราะอยู่บนรองเท้าส้นสูง สี่นิ้วที่มันทำให้หล่อนดูสวย งามสง่า แต่ตอนนี้อยากจะถอดเดินเท้าเปล่าให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ถึงกระนั้น บัวชมพูก็ไม่มีทางปริปากบ่นให้คนใจร้าย ได้ใจเด็ดขาด แค่เวลาไม่กี่ชั่วโมง หล่อนก็เริ่มจะเรียนรู้ว่า วิธี นิ่งสงบเพื่อสยบความเคลื่อนไหว นั้นใช้ได้ดีเวลาที่เขาต้องการยั่วประสาทหล่อน
อยู่ ๆ มาร์คก็หยุดเดินแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย จนหญิงสาวแทบจะหน้าคะมำ เกือบชนเข้ากับแผ่นหลังหนา ๆ นั่นอยู่แล้ว ยังดีที่เบรคได้ทัน
“นี่คุณ...” หญิงสาวมองเขาอย่างไม่พอใจ มันจะมากไปแล้วนะ คนบ้า.....
“เป็นอะไร ไม่ไหวก็บอก งานของผมไม่ได้นั่งสบาย ๆ ทั้งวันหรอกนะ มันไม่หมูขนาดนั้น” มาร์คพูดเหมือนมีน้ำใจ แต่น้ำเสียงออกจะเย้ยหยัน กับ หน้าตายียวนสุด ๆ
“ฉันไหว ทำงานของคุณไปเถอะ” หญิงสาวถือทิฐิ ตอบกลับคนใจร้ายเสียงห้วน ไม่มีคำขอร้องออกจากปากของบัวชมพูเด็ดขาด