มือหนาถอด Stethoscope ออกจากหูทันทีหลังจากตรวจคนที่กำลังนอนบนเตียงเสร็จ ร่างสูงในชุดกาวน์เงียบไปสักครู่ได้แต่มองหน้าลูกชายที่แม้จะลืมตาแต่ดูเหมือนว่าสติจะยังไม่มาเท่าไหร่ นัยน์ตาสีครามเข้มคู่นั้นดูเหม่อลอยไม่มีจุดหมาย ไม่ว่าจะเรียกเท่าไหร่ก็เหมือนจะไม่หลุดออกมาจากผะวัง
“ไปเรียกธามเข้ามาหน่อย” คุณหมอข้างกายพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินผ่านประตเปิด-ปิดอัตโนมัติเป็นชั้นที่หนึ่งไปยังประตูชั้นที่สองเพื่อออกไปนอกห้องที่บัดนี้มีคนมารอกันอยู่ตรึมเนื่องจากยังไม่มีใครถูกปล่อยให้เข้าไปเยี่ยมเลยแม้แต่คนเดียว นัยน์ตากลมโตมองไปรอบๆแล้วเดินตรงดิ่งไปหาร่างเล็กที่นั่งอยู่บนวีลแชร์สองมือประสานกันบนตักคล้ายคนกำลังหนักใจ ที่จริงเธอไม่รู้ว่าใครคือธามแต่ดูจากท่าทางแล้วคนนี้น่าจะใช่
“ใช่ธามหรือเปล่า”
อีกฝ่ายค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาเมื่อได้ยินคำถามแล้วพยักหน้าก่อนตอบด้วยน้ำเสียงแผ่ว “ครับ”
หญิงสาวเดินไปทางด้านหลังเพื่อเลื่อนวีลแชร์ทันที เธอเลี่ยงที่จะตอบคำถามจากทุกคนแม้กระทั่งคนที่เป็นแม่ของคนไข้ที่อยู่ในห้องได้แต่เข็นรถเข็นเข้าไปด้านในแต่น่าแปลกที่คนบนรถไม่ถามอะไรเลย
“เขา…” คิ้วขมวดเข้าหากัน เธอคิดสรรพนามที่จะใช้เรียกหัวหน้าของเธอกับเด็กน้อยคนนี้ไม่ถูก “เขาให้นายเข้าไปเยี่ยมก่อนเพราะเหมือน…”
“เสือเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” น้ำเสียงร้อนรนดังขึ้นมาทันที
“เปล่าหรอกแค่เหมือนสติจะยังไม่มาเท่านั้นแหละ”จบคำนั้นประตูอัตโนมัติที่เป็นทางเข้าไปในห้องก็เปิดออก แอร์เย็นๆด้านในที่เย็นกว่าด้านนอกเข้ามากระทบกับผิวจนธามเผลอเอามือยกขึ้นมาลูบแขนด้วยเองเล็กน้อย
วีลแชร์ถูกเคลื่อนเข้าใกล้เตียงผู้ป่วย นัยน์ตากลมโตสั่นระริกเมื่อได้เห็นภาพของคนที่กำลังนอนอยู่บนเตียง จนกระทั่งวีลแชร์หยุดอยู่กับที่ คุณหมอที่สวมชุดกาวน์ทั้งสองคนก็เดินออกจากห้องไปโดยหวังให้เจ้าของร่างเล็กที่เรียกตัวมาสามารถทำให้คนที่กำลังลืมตาตื่นบนเตียงนั่นได้สติ
“พี่… เสือ” เสียงใสเอ่ยขณะเอื้อมมือไปจับมือหนามาแนบกับแก้มของตัวเอง “เสือครับ”
“…”
“ฮึ! ฮึบ!” มือบางค่อยๆยันตัวเองขึ้นนั่งบนเตียงขณะยังจับมือของอีกฝ่ายเอาไว้ไม่ห่าง นัยน์ตาสีใสคลอเบ้าเล็กน้อยเพราะความเจ็บแต่เมื่อนึกถึงสภาพของคนที่อยู่ข้างๆแล้วมันเจ็บของตัวเองมันน่าจะกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย ธามเม้มปากเมื่อได้สำรวจคนตรงหน้า
เสือไม่ได้แค่นอนตามตัวมีแผลอย่างเดียวแต่ดูเหมือนขาก็หักไปด้วย แต่โชคยังดีเพราะใบหน้าหล่อเหลานั้นเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย
“พี่เสือพี่เสือได้ยินธามไหม” เป็นอย่างที่คุณหมอคนนั้นบอก นัยน์ตาสีครามเข้มคู่นั้นลืมตาขึ้นมาแต่กลับเหม่อลอยเหมือนยังไม่ได้สติ “พี่เสือ เสือ เสือครับ”
“…”
แม้จะเงียบแต่ร่างเล็กยังไม่ละความพยายามเสียงใสเรียกเสือๆๆอยู่เกือบสิบนาทีหากเจ้าตัวกลับเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น กระทั่งธามก้มลงริมฝีปากบางจูบเข้าที่หน้าผากของคนที่นอนอยู่เบื้องล่างขณะประสานมือแล้วบีบแน่นๆก่อนเลื่อนริมฝีปากไปที่ข้างหูกระซิบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า…
“ที่รัก”
กึก!
“ได้ยินตี้ไหม ได้ยินไหมพี่เสือ” ใบหน้าหวานซุกลงตรงอกของอีกฝ่าย แล้วปล่อยให้น้ำตามันไหลจนเสื้อของเสือชื้นแฉะไปหมดก่อนจะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังเคลื่อนที่ อะไรบางอย่างที่มาวางอยู่ตรงหัวของเขา “เสือ”
…แล้วค่อยๆลูบศีรษะเบาๆ
2 วันต่อมา
‘หายไวๆนะเสือ แม่มีธุระช่วงบ่ายคงมาอยู่กับเราไม่ได้’
‘ไว้เดี๋ยวออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ เดี๋ยวเราไปทำบุญกันนะ’
เสียงพูดคุยด้านในทำให้ผมยิ่งตัวสั่น ไม่ใช่เพราะกลัวแต่เพราะไม่กล้าเข้าไป หลังจากที่เสือได้สติขึ้นมาเขาก็ถูกเปลี่ยนให้มาอยู่ห้องใหม่และเปิดให้ทุกคนในครอบครัวมาเยี่ยม จนเวลาผ่านมาสองวันแล้วทั้งคุณพ่อเสือ คุณแม่เสือ คุณพ่อผม แม่ผม น้องผมหรือคนอื่นๆก็ไปเยี่ยมกันหมดแล้วจะมีแค่ผมคนเดียวเท่านั้นที่ไม่กล้ามา เพราะตอนที่พี่เสือได้สติไม่รู้อะไรบางอย่างดลใจให้ผมรีบออกมาทันที ผมอยากให้เขาฟื้นแต่ยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้าตรงๆ
“ตกลงจะเข้าไปไหมพี่ พี่เสือเขาก็ถามหาพี่ตลอดเลยนะ”
“ขอทำใจอีกก่อนนะธีม” ผมบอกธีมที่ทำหน้าที่เป็นคนบังคับทิศทางวีลแชร์ให้ผมจากทางด้านหลัง แต่แล้วอยู่ดีๆประตูห้องมันก็เปิดออกมาอย่างกะทันหันทำให้ต้องเบิกตากว้าง
แอด
“อ้าวธามไม่เข้าไปหรือจ๊ะ—”
“ชู่ว!!! เงียบก่อนครับได้โปรด” ผมรีบเอานิ้วแตะที่ริมฝีปากแล้วส่งเสียงเบาเมื่อคนที่เดินออกมาเป็นคุณแม่ของเสือ อีกฝ่ายจึงทำตามคำขอด้วยการปิดประตูก่อนแล้วถึงหันมาพูดกับผม
“เสือถามหาเรานะแต่เพราะเขายังขยับตัวไม่ค่อยจะได้เลยไม่ได้ไปหา แต่จะไม่เข้าไปหน่อยหรือจ๊ะ”
“ผมทำใจอยู่ครับ”
“จะทำใจอะไรกันเล่าธาม เข้าไปเลยดีกว่าจ๊ะ เชื่อแม่เถอะตอนนี้ในห้องก็ไม่มีใครอยู่ด้วย”
ผมเงียบอยู่สักพักแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนพยักหน้า ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดออก ธีมที่เป็นคนบังคับวีลแชร์ให้ผมก็พาเข้าไปอย่างรู้งาน
ห้องที่ย้ายมาใหม่ใหญ่มากไม่ต่างจากวันที่ผมได้มาอยู่ตอนจมน้ำสักเท่าไหร่ ทางเข้าจนไปถึงเตียงผู้ป่วยจึงยาวอยู่นิดหนึ่ง ผมใจเต้นตึกตักเมื่อเริ่มมองเห็นภาพเป็นเตียงขนาดใหญ่สีทะมึนกับคนที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอ่านแฟ้มงานอยู่บนเตียงเสียงโทรทัศน์ที่เหมือนจะพึ่งเปิดเมื่อสักครู่นี้ดังกลบเสียงวีลแชร์ของผมเพราะขนาดใกล้มาถึงขอบเตียงแล้วคนที่กำลังก้มหน้าอ่านแฟ้มงานอยู่ก็ยังไม่รู้สึกตัว
ผมเม้มปากมองคนที่พึ่งรู้สึกตัวเมื่อสองวันก่อนแต่วันนี้กลับมานั่งอ่านแฟ้มงานเสียแล้ว
ปึก!
มือหนาฟาดแฟ้มหน้านั่นลงบนเตียงนอน นัยน์ตาสีครามเข้มฉายแววหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ในจังหวะนั้นเองเขาก็ได้มองมาทางผม…
“เมีย”
เสียงทุ้มเอ่ยเป็นจังหวะเดียวกันที่ธีมเคลื่อนวีลแชร์มาชิดขอบเตียง ก่อนน้องสาวของผมจะรีบเดินออกไปทันทีที่ส่งผมเสร็จจนในที่สุดทั้งห้องก็เหลือเพียงคนสองคน
“ตี้ขึ้นมาหาพี่” ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเสือแทนตัวเองว่าพี่อย่างที่ไม่เคยเป็น ผมทำตามคำสั่งของร่างสูงอย่างว่าง่ายค่อยๆยืนขึ้นด้วยขาเดียวแล้วขึ้นไปนั่งบนเตียงขนาดใหญ่แต่พอขึ้นไปนั่งได้ไม่นานก็ถูกมือหนาทั้งสองข้างของอีกฝ่ายมาดึงร่างให้เข้าไปใกล้มากขึ้น ตัวของผมถูกแทรกให้เข้าไปอยู่ในผ้านวมผืนเดียวกันกับอีกฝ่ายขณะพิงหลังกับอกแกร่งโดยมีมือหนากอดมาจากทางด้านหลัง เสียงพึมพำดังที่ข้างหู “ตี้”
ผมหันหน้าไปตามเสียงเรียกก่อนจะถูกบังคับให้ไถลตัวลงไปนอนราบกับเตียงแล้วหันหน้าเข้าหากัน มือหนาวางลงตรงศีรษะผมขยี้เบาๆแล้วกดใบหน้าของผมให้ซุกเข้ากับอก ก่อนกดสวิตท์เพื่อปิดโทรทัศน์
“อยากฟังคำอธิบายหรือยัง”น้ำเสียงทุ้มดังอู้อี้เพราะอีกฝ่ายก็กำลังกดใบหน้าลงบนกลุ่มผมฟูของผมเช่นกัน
“อืม”
ฝ่ามือหนาเคลื่อนลงจากกลุ่มผมลงแผ่นหลังแล้วกรีดปลายนิ้วราวไปตามแผ่นหลังเบาๆวนไปมาจนผมรู้สึกเสียวตรงท้องน้อยวูบวาบ น้ำเสียงทุ้มค่อยๆกล่าว
“วันนั้น…”
‘คุณเสือคะได้เวลาออกไปงานแล้วค่ะ’น้ำเสียงหวานของสาวใช้ทำให้มือเล็กของเด็กชายวัยประมาณห้าถึงเจ็ดปีต้องปิดหนังสือสารคดีสัตว์เล่มใหญ่ราคาแพงในมือลง ดวงตากลมสีครามเข้มเงยขึ้นร่างเล็กของเด็กชายค่อยๆเดินออกมาจากมุมมืดเพื่อหลบอ่านหนังสือหวังว่าจะพี่เลี้ยงจะหาไม่เจอ แต่แล้วก็เจอจนได้…
ใบหน้ากลมฉายแววหงุดหงิดเล็กน้อยที่ถูกหาเจอขณะที่พี่เลี้ยงกำลังแต่งกายด้วยชุดเท็กซิโดสีดำสำหรับเด็กให้ เสียงใสๆก็พูดขึ้นมา
‘งานเลี้ยงน่าเบื่อ’
เป็นประโยคที่แสดงออกถึงความเบื่อหน่ายและสะกิดใจคนฟังมือบางที่กำลังจัดเสื้อผ้าให้เด็กชายอยู่เผลอหยุดชะงัก ขณะเงยหน้าขึ้นมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายแล้วรู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก วันนี้เป็นวันที่คุณท่านทั้งสองกลับมาจากต่างประเทศหลังจากที่ไปทำธุรกิจที่เยอรมันเป็นเวลาเกือบสามเดือนรวมถึงพี่น้องทุกคนที่เคยถูกจับแยกย้ายมารวมตัวกัน แทนที่จะได้อยู่ทานข้าวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากลับต้องมาจัดงานเลี้ยงเพราะคำว่าธุรกิจ ก็คงไม่น่าแปลกที่เด็กวัยนี้จะเบื่ออายุยังไม่ถึงสิบขวบก็ถูกชักจูงให้เข้าไปในสังคมใส่หน้ากากเสียแล้ว
แอด
ประตูห้องถูกเปิดออกร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงประตูทำให้เมดสาวต้องโน้มหัวลงมองพื้น
‘เสือไปได้แล้ว พ่อมีคนที่อยากแนะนำให้รู้จัก’ ชายหนุ่มผู้เป็นพ่อของเด็กคนนี้ หญิงสาวเหลือบตาขึ้นเล็กน้อยในขณะที่หน้ายังคงก้มอยู่เพื่อมองเด็กชายที่แสดงสีหน้าเฉยเมยขณะค่อยๆเดินออกไปตามคำสั่งพ่อ ภายหลังจากที่ประตูห้องถูกปิดเธอจึงเงยหน้าขึ้นเนื่องจากกฎระเบียบของคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ไม่ให้สาวใช้มองผู้เป็นนาย เว้นเสียแต่แม่นมของคุณเสือที่ถือเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่รับใช้ตระกูลนี้มานาน หญิงสาวมองไปยังประตูที่ถูกปิดอีกฝากหนึ่งของประตูคือเส้นทางขนาดใหญ่ที่นำไปสู่ห้องโถงด้านล่างที่ใช้เป็นที่จัดงานเลี้ยง เธอรู้ดีว่าไม่ควรยุ่งเรื่องของเจ้านายแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าครอบครัวนี้
…น่าสงสารเหลือเกิน
‘ที่จะแนะนำให้รู้จักเป็นเพื่อนบอกที่รู้จักดีอีกทั้งบ้านนั้นก็ยังมีลูกสาวอีกหนึ่งคนด้วย’
‘ครับ’นัยน์ตาสีครามเข้มเงยหน้ากลมๆมองผู้เป็นพ่อก่อนจะเลื่อนลงมามองมือหนาที่กุมมือเขาเอาไว้อยู่ แต่แล้วมือที่ถูกกุมเอาไว้นั้นก็หลุดออกจากกันอย่างง่ายดายด้วยแรงของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่วิ่งมาชนจากทางด้านหลัง
ปึก!
‘อ๊ะ!’ เสือล้มหน้าคะมำไปกับพื้น ขณะที่ของเล่นที่คุ้นเคยก็กระจัดกระจายเต็มพื้นด้วยเหมือนกัน
‘สิงห์’ เสียงของพ่อเรียกผู้เป็นน้องชายที่อายุน้อยกว่าเขาสองปี ก่อนมือหนาจะมาดึงให้เขาลุกขึ้นจากพื้นเสือลุกขึ้นแล้วมองรอบตัวเห็นน้องชายในชุดเท็กซิโดสีขาวกำลังก้มหน้าก้มตาเก็บเลโก้ที่หล่นเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น ‘จะไปไหน แล้วจะเอาไปเล่นที่ไหนล่ะนั้น’
‘ไปเล่นกับ… ตะ…ธามที่หลังบ้าน’
ธาม ?
ชื่อนี้ทำให้เสือขมวดคิ้ว เขาไม่เห็นรู้สึกว่าน้องชายมีเพื่อนชื่อธามด้วย
‘งั้นมาขอโทษพี่ชายก่อน’ พอพ่อว่าสิงห์ที่กำลังเก็บเลโก้อยู่จึงค่อยๆวางของเล่นนั่นลงแล้วไหว้และพูดตามมารยาทที่เคยถูกสอนมา
‘ขอโทษครับพี่เสือ’
‘อืม’
‘แม่นม’ เสียงคุณพ่อเรียกแม่นมที่ยืนมองอยู่ใกล้ๆมาหา ‘ให้คนตามสิงห์ด้วย’
‘ค่ะคุณท่าน’
‘ไปกันเสือ’ ร่างสูงจูงมือให้เขาเดินอีกครั้ง ในขณะที่เด็กชายได้แต่หันมามองน้องชายที่กำลังเก็บเลโก้อยู่ที่เดิม เม้มปากและคิดในใจว่า…
อยากไปเล่นด้วยจังเลย
เสือถูกพามารู้จักกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอชื่อว่าลินินท่าทางน่าจะอายุเท่ากันและแววตาคู่นั้นก็ฉายแววแบบเดียวกับเขานั่นคือ… เบื่อ
เป็นครั้งแรกที่เสือรู้สึกถูกใจใครสักคน ถูกใจที่มีนิสัยคล้ายกับเขา บางทีอาจจะเข้าใจความรู้สึกของเขา
‘ทำความรู้จักกันไว้นะเสือ’ พ่อบอกเสือเลยพยักหน้าแล้วหันมองเด็กสาวที่กำลังมองเขาเหมือนกัน ฉับพลันทั้งสองก็แสยะยิ้ม
“แสยะยิ้ม ?” ผมถามด้วยความไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
“อืม”
“ทำไมล่ะ”
“ลินินเหมือนพี่ เหมือนกันมากเลยเข้าใจทุกอย่างแต่พอได้มารู้จักกันจริงถึงรู้ว่าเหมือนกันมากจนเกินไป”
“แล้วยังไงต่อ”
นัยน์ตาสีครามเข้มหลุบต่ำมองคนตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังโดนเขากอดแล้วเลียริมฝีปากช้าๆ
“แล้วก็ได้เจอเรา…”
ภายหลังจากที่ได้รู้จักกับลินินเสือขัดคำสั่งพ่อโดยการออกมาจากในงานแล้วมุ่งตรงดิ่งไปยังหลังคฤหาสน์เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรทำเด็กชายซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่งแล้วมองไปยังน้องชายกับเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ถูกรายล้อมไปด้วยพี่เลี้ยงกำลังต่อเลโก้กันด้วยความสนุกสนาน
เด็กผู้ชายตัวเล็กที่ทำให้เกิดความรู้สึกหนึ่งที่เรียกว่า… น่ารัก
น่ารักมาก
‘คุณเสือไม่เข้าไปเล่นกับพวกเขาล่ะคะ’ แม่นมเดินมาทางจากด้านหลัง หญิงสาวมองเด็กชายตัวน้อยที่กำลังยืนหลบมุมมองทั้งสอง เสือเงยหน้าขึ้นกระพริบตาปริบๆก่อนจะเดินตรงดิ่งไปหาทั้งสองคน
‘อ้าวพี่เสือ’ เสียงทักทายจากน้องชายแต่เสือไม่สนมองข้ามหัวน้องไปยังเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งในท่ากบมองเขาอยู่เช่นเดียวกัน
‘หวัดดี’ นั่นคือคำทักทายแรกของเสือ
‘ดีฮะ’ และนี่ก็คือคำทักทายแรกของธาม
ทั้งสามสนิทกันอย่างรวดเร็ว เสือพึ่งจะรู้สึกชอบงานเลี้ยงเป็นครั้งแรกเพราะนั่นทำให้เจอธามบ่อยขึ้น บ่อยขึ้นและบ่อยขึ้น เพราะทุกครั้งที่มีงานเลี้ยงคุณอาซึ่งเป็นแม่ของธามก็จะพาร่างเล็กมาด้วยตลอด
‘พี่เฉือ’ น้องที่ยังออกเสียง สอ เสือได้ไม่ชัดเท่าไหร่ว่าขณะพาร่างเล็กๆอวบๆและเต็มไปด้วยเนื้อหนังขาวๆของตัวเองมากอดอีกฝ่าย ‘เล่นกัน’
‘เด็กดี’ เสือว่ากอดตอบน้องด้วยความเอ็นดูแต่แล้วร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดอยู่ดีๆก็หายไปโดยแรงดึงจากน้องชาย แรงกระชากทำให้ธามร้องไห้ออกมาทันที ผู้ใหญ่ในบ้านรีบวิ่งมาดู สิงห์โดนพ่อตำหนิและเสือจำสายตาของน้องในวันนั้นได้สายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าที่โดนพ่อว่าให้ ความรู้สึกที่เหมือนโดนขัดใจแต่เด่นชัดที่สุดคือความโกรธ… เหมือนที่เขากอดธาม
‘พี่เสืออย่ามาแย่งธาม’
‘อย่ามากอดธาม ธามเป็นของสิงห์’
ประโยคนั้นของน้องทำให้เด็กสามคนที่เคยเล่นด้วยกัน กลับเหลือเพียงสองคนโดยมีอีกหนึ่งคนเดินถอยออกมา
แม้จะถอยออกมาแต่เสือก็ยังตามมองทั้งสองอยู่ไม่ห่าง แต่แค่มองไม่ได้เข้าไปเล่นด้วยอย่างที่ใจอยาก ริมฝีปากบางหลุดยิ้มเมื่อเห็นร่างเล็กเผลอสะดุดล้มในสวนดอกไม้หลังคฤหาสน์ ก่อนจะนึกแปลกใจเมื่อเห็นว่าทั้งสองไม่มีพี่เลี้ยงตามเหมือนแต่ก่อน ฉับพลันความคิดนั้นถูกสะบัดทิ้งเมื่อเสือได้ยินเสียง
ตู้ม!!
นัยน์ตากลมเบิกกว้างเมื่อเห็นน้องชายกำลังตกลงไปในสระน้ำ โดยมีธามกำลังมองอย่างตกใจแล้วกระโดดลงไปตามคล้ายอยากจะช่วย
‘บ้า!!’ เสือตะโกนบอกเด็กชายรีบวิ่งไปยังสระช่วยน้องชายที่บัดนี้หมดสติขณะอีกมือก็โอบเอวคนที่กำลังตะเกียกตะกายเพราะว่ายน้ำไม่เป็นแต่ยังกระโดดลงมา โชคดีที่พ่อให้เรียนว่ายน้ำทำให้เขาสามารถส่งน้องชายและธามขึ้นฝั่งได้แต่เพราะยังเป็นเด็กแรงยังไม่ค่อยมี เป็นอันว่าแรงที่จะเอาตัวเองขึ้นฝั่งนั้นกลับเหือดหายจนกลายเป็นว่าเขาเองนี่แหละกำลังจะจมน้ำ
เสือแน่นิ่งหายใจไม่ออกได้แต่ปล่อยให้ร่างของตัวเองโดนน้ำกลบจนมิด ทว่าในจังหวะที่กำลังจะหมดลมหายใจมือหนาของใครสักคนก็มากระชากให้เขาโผล่ขึ้นจากน้ำ
‘แฮ่กๆ’
‘เสือ!! เป็นอะไรไหมลูก’ คุณพ่อกำลังโอบเขาเอาไว้บนตักขณะเรียกรถพยาบาล ส่วนสิงห์และธามสลบไปแล้ว
ภายหลังจากเหตุการณ์นั้นพี่เลี้ยงในบ้านแทบจะถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด เนื่องจากไม่สามารถดูแลแด็กทั้งสามคนได้
จนกระทั่งวันหนึ่ง…
‘สิงห์อยากได้ธาม’ ประโยคหนึ่งของเด็กชายทำให้ทุกคนบนโต๊ะอาหารต้องวางช้อนลงแล้วหันมามองต้นเสียงทันที ‘อยากได้ พ่อ… สิงห์อยากได้’
‘ธามเขาไม่ใช่สิ่งของนะสิงห์ จะได้ซื้อแล้วได้มา’
‘แต่สิงห์อยากได้’
เคร้ง!
‘อิ่มแล้ว’ คราวนี้เป็นเสือที่เป็นจุดสนใจ ร่างเล็กเดินลงจากเก้าอี้แล้วให้พี่เลี้ยงพาขึ้นห้องทันทีโดยมีสายตาคมคู่หนึ่งกำลังมองแผ่นหลังเล็กที่กำลังเดินขึ้นบันได คล้ายดูอะไรบางอย่างออก
“อืม” ใบหน้าหล่อเหลาซุกเข้าที่ซอกคอขณะที่ผมกำลังคิด เสือใช้จังหวะนั้นในการทำคิสมาร์กบนคอและล้วงมือเขามาปลดกระดุมเสื้อผ้า จนกระทั่งรู้สึกเย็นที่ผิวหนังผมเลยก้มลงมองตัวเองในผ้านวมก่อนจับมือของเขาออกจากเสื้อ “เล่าต่อสิครับ”
“อืม”
“อย่าอืมอย่างเดียวเล่าต่อด้วย”
เสียงทุ้มว่าต่อขณะสอดมือเข้าไปยังเสื้อตัวบางอีกครั้ง
เสือไม่เคยคิดว่าคำขอของน้องมันจะเป็นจริง
เช้าวันต่อมาหลังจากที่เขาได้ยินเรื่องๆหนึ่งจากสาวใช้ร่างเล็กก็รีบตรงดิ่งไปยังห้องของคุณพ่อกับคุณแม่ แล้วเปิดเข้าไปแบบไร้การเคาะประตู ร่างสูงกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง นัยน์ตาสีครามเข้มตวัดมองมาทางเขาแวบหนึ่งมือหนาตบเตียงแปะๆแล้วเอ่ย
‘ขึ้นมานี่มา’ เสือขึ้นไปแต่โดยดีก่อนจะไปนั่งขัดสมาธิบนเตียงพลางถาม
‘พ่อให้ธามกับสิงห์’
‘ใช่’
‘ทำไม’ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน มือหนาวางหนังสือลงหันไปมองใบหน้าของลูกชายแล้วตอบ
‘บ้านธามกำลังจะล้มละลาย’
‘แล้วเอาลูกชายมาขาย’
‘ไม่เชิง ลูกชายน่ะพ่อขอให้สิงห์แต่แลกกับเงิน’
‘พ่อ!! ธามไม่ใช่สิ่งของ’
‘อย่าบอกนะว่านี่ก็ชอบเขาอีกคน’
‘…’
‘คิดว่าพ่อดูสายตาของเราไม่ออกหรือเสือ’
‘…’
‘น้องขอก่อน ให้น้องไปเราต้องหมั่นกับลินินด้วย’
ตุบ!
เสือไม่ฟังต่อ ร่างเล็กเดินลงจากเตียง แล้วหน้าบึ้งเดินออกจากห้องไปเป็นจังหวะเดียวกันที่ร่างบางในชุดคลุมที่พึ่งอาบน้ำเสร็จเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี
‘เสือเป็นอะไรคะ’
‘เขาโมโหเรื่องสิงห์’
หญิงสาวขมวดคิ้วเธอได้ยินเสียงสนทนาของลูกชายกับสามีตั้งแต่อยู่ในห้องน้ำแล้ว ขาเรียวค่อยๆเดินมานั่งบนเตียงโดยมีมือหนาจัดการรวบเอวบางนั่นเข้ามาใกล้ เสียงหวานกระซิบที่ข้างหู ใบหน้าสวยซบตรงไหล่แกร่ง
‘จริงที่เสือว่า เราตามใจสิงห์ไปหรือเปล่า เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่นะ’
‘เราไม่ได้อยู่กับเค้า บางอย่างผมก็อยากตามใจกลัวเค้าขาดความอบอุ่น’
‘แล้วธามล่ะคะ เด็กคนนั้นน่ะ… ไม่เหมือนกับลินินที่เข้าใจอยู่แล้วนะคะ’
‘ถ้าธามไม่รับจริงๆ ผมจะให้สิงห์ถอนหมั้นเอง’
ประโยคนี้คงเป็นประโยคที่เสือในตอนนั้นอยากได้ยินที่สุดแต่น่าเสียดายที่คนที่กล่าวถึงนั้นเดินออกไปก่อนเสียแล้ว
หลังจากนั้นหนึ่งเดือน ทุกคนก็แยกย้ายกันไปอีกครั้งมีแต่เสือและน้องสาวอีกหนึ่งคนที่ยังอยู่ที่ประเทศไทย เสือไม่ได้เจอธามอีกเลยนับแต่ครั้งนั้น เขาใช้ชีวิตโดยมีคุณย่าคอยเลี้ยงดูอยู่ในกรอบประพฤติมาเรื่อยจนกระทั่งอายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปดที่เริ่มจะหลุดกรอบ จำได้ว่าช่วงนั้นอยู่ม.ห้า เพื่อนสนิทที่สุดของเขาคือฮิม ด้วยหน้าตาและฐานะทางบ้านมันไม่ยากเลยเมื่อเขาอยากได้อะไรก็ได้ทุกอย่าง ทั้งคอนโด ทั้งรถยนต์ และผู้หญิงอบายมุขแทบจะลองหมดทุกอย่างยกเว้นยาเสพติด
เสือควงไม่ซ้ำหน้า เคยเหลวไหลมากจนคุณย่าท่านว่าเอาแต่คนที่สำคัญที่สุดในตอนนั้นก็คือลินิน เขาพึ่งมาจริงๆจังๆกับลินินตอนช่วงอายุสิบห้าถึงสิบเก้า ในตอนนั้นแม้จะเหลวไหลแค่ไหนผู้หญิงที่สำคัญที่สุดก็ยังคงเป็นลินิน ก็ผู้หญิงคนอื่นมันมาเทียบลินินได้ซะที่ไหนละ ถ้าจะให้เทียบก็เทียบไม่ติด คนละเกรด คนละระดับกันไปเลย
แต่ฝ่ายหญิงเขาคงไม่คิดแบบนั้นดูเหมือนเรื่องที่เสือเหลวไหลมันจะทำให้ทั้งสองคนแตกต่าง ก่อนจะมาเจอเซอร์ไพรส์เมื่อตอนอายุครบสิบเก้าปี เมื่อเห็นน้องชายกับคู่หมั้นกำลังได้กัน
พอเข็ดจากคราวนั้นเสือก็เลยได้เปลี่ยนตัวใหม่ยังควงบ้างก็จริงแต่ไม่บ่อยเหมือนเดิม ทุกคนได้แต่วันไนท์แสตนท์จนถึงวันนั้น…
วันที่ได้เจอกับธามอีกครั้ง หลังจากที่ผ่านมาแล้วนับสิบกว่าปี
“…”
“…”
“ยังอยากฟังอยู่ไหม”
“อยาก” เสียงใสตอบกลับมา
“กูพามึงกลับคอนโดเพราะเราเมา”
“…”
“กูรู้ว่ามึงเป็นคู่หมั้นน้องชาย วันนั้นกูเลยไม่ทำอะไร” มือหนาแตกที่ใบหน้าของผมขึ้น แล้วแตะริมฝีปากลงที่ปลายคางเบาๆ “แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันกูก็รักคู่หมั้นน้องชายของตัวเอง… อีกครั้ง”
“…”
“กูผิดที่แย่งมึงมาเมีย กูเห็นแก่ตัว”
“…”
“รู้แบบนี้แล้วยังจะรักกันอยู่หรือเปล่า” นัยน์ตาคมสบตาผม หากผมไม่ตอบเม้มปากแล้วเบือนหน้าหนีอย่างใช้ความคิด หารู้ไม่ตาคมคู่นั้นกำลังสั่นไหวคนตัวสูงละจูบที่ปลายคางออกแล้วเอาหน้าซบลงที่อกขณะพูดเสียงคล้ายกำลังสั่น
“…”
“งั้นไม่ต้องรักกูก็ได้”
“…”
ผมเงียบ…
“แต่อยู่ให้กูรักก็พอ”
ก่อนจะโผล่เข้ากอดทั้งน้ำตา
100%
มาช้าเดี๋ยวแถมให้อีกตอนแล้วกันค่ะ ดังนั้นไม่ว่ากันเนาะ 55555