“ท่านเอเธอน่าต้องการเข้าพบท่านค่ะ”
หญิงสาวผมสีเขียวยาวสลวยเดินเข้ามาหลังจากการอนุญาตของอิควินอกซ์ เธอเดินช้า ๆ ใบหน้าซีดเซียวบ่งบอกให้รู้ว่าฝืนมากแค่ไหน
“ข้าต้องการคุยกับท่านเพียงลำพัง” อิควินอกซ์นิ่งอึ้ง แต่ก็ให้คนรับใช้รวมถึงคนติดตามออกจากห้องทั้งหมด คนรับใช้ปิดหลังประตูเอเธอน่าจึงเริ่มพูดคุย “ข้าอยากให้ท่านหยุดการทดลองของท่านเดี๋ยวนี้”
“อะไรนะ” อิควินอกซ์เลิกคิ้ว “มันกำลังไปได้สวยเลยนะ เอเธอน่า สิ่งนี้จะเป็นอนาคตของเซราฟิมนะ”
“การที่พลังงานจะต้องถือกำเนิดจากคนด้วยกันเอง ไม่ว่าเขาจะเป็นคนที่เลวขนาดข่มขืนแม่ตัวเองได้ หรือจับคนมาขังเพื่อความสนุกแล้วฆ่าทิ้งตราบที่เขายังมีชีวิตยังเป็นมนุษย์ ข้าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านทำเลย การทำพลังงานของท่านมันจะทำให้วิญญาณของเขากลายเป็นพลังงานและสูญสลายไป ไม่ได้เกิดต่อในภพภูมิหน้า
ท่านกำลังทำลาย ‘วัฏจักรแห่งวิญญาณ’ ท่านรู้ตัวหรือไม่ ? ”
“แต่ข้าทำเพื่อเซราฟิม” อิควินอกซ์ยืนยันหนักแน่น
เอเธอน่ามองเขานิ่ง ๆ ก่อนจะทำได้แค่พ่นลมหายใจ “ท่านทำเพื่อข้า..ใช่ไหม?”
อิควินอกซ์นิ่งอึ้ง ก่อนอีกฝ่ายจะพูดต่อ “เซราฟิมต้องการมารดา ต้องการชายและหญิงที่จะมาปกครอง หากเสียไปหนึ่งแล้วไซร้เซราฟิมจะไม่สมบูรณ์ แต่ตอนนี้ข้าป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่ได้แล้วกำลังจะตายโปรดเห็นแก่ข้า หยุดทุกอย่างแล้วปล่อยข้าไปเถอะ”
“ไม่ ! ” อิควินอกซ์คว้าต้นแขนของเธอแน่น เขาโกรธเกรี้ยวจนแทบคุมสติไม่อยู่กับการที่เธอตัดสินใจทิ้งเขาไปโดยไม่รู้ว่าตัวเองบีบมันแรงแค่ไหน “เจ้าต้องอยู่กับข้า เราแต่งงานเพื่อความมั่นคงถ้าเจ้าตายเซราฟิมจะสั่นคลอน”
อยู่กับข้าเถอะนะ ข้าจะรักษาเจ้าจะทำให้เจ้าเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก
“อย่าคิดว่าชีวิตของเจ้าเป็นของเจ้าคนเดียว เมื่อมาอยู่จุดนี้แล้วก็เหมือนขี่หลังเสืออย่าคิดว่าป่วยแล้วจะลงไปง่าย ๆ ”
อย่าตายเลยนะ ข้าอยากให้เจ้าอยู่กับข้าดูความรุ่งเรืองเซราฟิมไปพร้อมกับข้า
“ชีวิตของเจ้าเป็นของเซราฟิมและเป็นของข้าด้วย”
ได้โปรดเถอะ เอเธอน่า ข้ารักเจ้า ข้ารักเจ้า
“ท่านอิควินอกซ์โปรดปล่อยมือและหยุดการกระทำของท่านด้วย” เอเธอน่าตั้งสติแม้จะเจ็บมาก ชายหนุ่มพึ่งรู้ตัวหลังจากการเตือน เขาบีบเธอจนเหมือนเนื้อจะติดกันได้เขาต้องควบคุมตัวเองมากกว่านี้ เธอจะเจ็บมากไหม ? หญิงสาวมองเขาอย่างมั่นคงและแน่วแน่เขารู้สึกว่าตัวของเธอสั่นเทาต่างจากสีหน้าที่พยายามควบคุม เธอกำลังเจ็บแต่เธอกำลังอดทน...ใช่ไหม?
เขามองเอเธอน่ากลับด้วยสีหน้าเรียบเฉยที่มาจากการพยายามอย่างยิ่งยวด
นางกำลังป่วยหนัก ข้าทำอะไรลงไป ข้าทำร้ายนางทำร้ายคนที่ข้ารัก
มือหนาค่อย ๆ คลายออกก่อนจะทิ้งลงข้างตัว
“ท่านจงตรึกตรองดูให้ดี ต้องมีทางช่วยเซราฟิมทางอื่นอีกแน่และข้าจะช่วยท่านในทุก ๆ เรื่อง แต่แค่เรื่องพลังงานใหม่ที่ท่านค้นพบเท่านั้นที่ข้าขอห้ามท่าน ไม่เช่นนั้นข้าเองก็จะทำตามวิถีของข้า”
เอเธอน่าเดินจากไป อิควินอกซ์ระบายอารมณ์ด้วยพลังโซล จนกระดาษและทุกสิ่งกระจัดกระจายไปทั่วห้องและฉับพลันนั้นเองก็มีคนรับใช้คนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“ท่านอิควินอกซ์ ! ท่านเอเธอน่าล้มลงหมดสติที่ริมทางเดินขอรับ !”
ทันทีที่ได้ยินหัวใจก็วิ่งนำไปก่อนแล้ว เขารีบวิ่งออกจากห้องด้วยเสียงเรียกที่ได้แต่เพียงเรียกชื่อเธอในหัวใจ
“ท่านอิควินอกซ์คะได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถอะค่ะ” อิควินอกซ์ยืนมองผู้คนในคุก ทั้งผู้หญิงผู้ชาย วัยรุ่นหรือหนุ่มสาวต่างถูกจับขังมาไว้ในคุกใต้ดิน
อิควินอกซ์มองพวกเขานิ่งด้วยสายตาสำนึกผิด ก่อนจะจับพวกเขาด้วยพลังของโซลนำพวกเขามาล่ามโซ่แบบเดียวกับเหล่านักโทษ
รีลได้แต่มองอย่างตกตะลึง ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง
“คนพวกนี้เป็นคนบริสุทธิ์ไม่มีความผิดอะไรค่ะ” เอเธอน่ามองดูด้วยความเศร้าใจส่วนหนึ่งเพื่อให้เกียรติต่อความตายของพวกเขา “หากนำคนดีคนบริสุทธิ์มาทำโซลจะทำให้โซลบริสุทธิ์อย่างถึงที่สุด”
สิ่งที่ออกบุคคลเหล่านั้นคือแสงสีขาวอมฟ้า มันเปล่งประกายสวยงามอยู่ภายในหลอดแก้วขนาดใหญ่ อิควินอกซ์ไม่รอช้ารีบใช้มันกับคนไข้ชายคนหนึ่งทันที
อิควินอกซ์ค่อนข้างมั่นใจกับการทดลองครั้งนี้แต่ยังซ่อนปืนไว้ข้างหลัง เขาไม่เคยประมาท ไม่เลย
เมื่อเห็นอีกฝ่ายค่อย ๆ ลุกขึ้นมา อิควินอกซ์กำปืนแน่นแต่ก็ยังกลั้นใจถามออกไป “เป็นยังไงบ้าง?”
เท้าของชายคนนั้นค่อย ๆ สัมผัสกับพื้น ร่างแห้งนั้นทรุดลงเพราะการเป็นโรคนี้มาเนิ่นนานจนไม่สามารถแม้แต่จะลุกขึ้น เขามองมือทั้งสองข้างของตัวเองที่สั่นเทาดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาไหลริน
“ไม่มีแล้ว” ชายคนนั้นยิ้ม “โรคหายไปแล้ว อิสระแล้ว”
อิควินอกซ์มองดูก่อนจะยิ้มออกมา
“อิควินอกซ์รีบใช้พลังงานนี้กับเอเธอน่า นางหายสนิทในระยะเวลาไม่นานแต่ทว่าตั้งแต่วันนั้นนางก็ไม่พูดคุยกับเขาอีกเลย จนนางไปเข้าพวกกับทอรัสหลังจากได้เห็นพลังและใช้ของโซล น้องสาวของท่านเลลุซ่าที่ป่วยเป็นโรคเดียวกับท่านเอเธอน่าก็หายจากโรค” เอเธอน่าอธิบายขณะมองดูทั้งสองฝ่ายทำสงครามกัน
“มันฟังดูดีนะครับถ้าไม่รู้ที่มาของมัน” รีลพูด
“มันดูดีแต่อิควินอกซ์ลืมเรื่องหนึ่งที่สำคัญที่สุด คือความภูมิใจของคนรอบข้าง...ถ้าเป็นพลังปกติทุก ๆ คนรอบกายของเขาคงจะยินดีมากแน่ค่ะ แต่ว่านี่เอาชีวิตคนเป็นร้อยมาใช้เพื่อชีวิตเดียว” เอเธอน่าเฝ้ามองทุกอย่างถูกมอดไหม้ด้วยเปลวเพลิง “ต่อให้ได้ผลคุณยอมรับได้หรือเปล่า ?”
“ไม่...”
“แล้วถ้าอยู่สถานการณ์เดียวกับอิควินอกซ์ล่ะ ? ”
“...ผมไม่รู้” รีลส่ายหน้า รู้สึกเจ็บปวดจนต้องเอามือปิดตา “เพราะว่านั่นก็คือผมเหมือนกัน”
“ตอนนี้คุณคือรีล โซลคีนนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดค่ะ”
อิควินอกซ์ถูกพบอยู่ในห้องวิจัยลับของเขา ปืนสีดำที่มีหลอดแก้วอยู่ตรงกลางจ่ออยู่ที่หัวตัวเอง สีของมันแปลกประหลาดเพราะมันมีสีขาวอมฟ้าที่มีพลังงานสีดำสนิทไหลวนอยู่ภายในเช่นกัน
ต้องเก็บโซลไว้ก่อนจะสายเกินไป เราจะให้ความรู้ทุกอย่างสูญสลายไปกับร่างกายเราไม่ได้ด้วยปืนดูดโซลที่เราประดิษฐ์นี่ จะทำให้เรารักษาวิญญาณในรูปแบบของพลังงานไว้ได้
แต่ทันทีที่ประตูเปิด กระสุนที่บรรจุด้วยโซลเข้มข้นก็ลั่นออกไป
อินควิน๊อกที่นำโซลครึ่งหนึ่งไปไว้ที่ปืนแล้วย่อมอ่อนแรงลง ร่างของเขาหงายหลังไปตามแรงกระสุนและเลือดก็อาบเต็มใบหน้า สัมผัสทั้งห้าค่อย ๆ หายไปทิ้งไว้แต่เพียงความหนาวเย็น
“เอ..เธอ...น่า” เขายังคงเห็นภาพหลอนของเธอในวินาทีสุดท้าย ก่อนสติสัมปชัญญะจะดับลง
“จบแล้วเหรอครับ” รีลเห็นทุกอย่างรอบข้างถูกรายล้อมด้วยสีดำ แต่ดวงตาของรีลเต็มไปด้วยน้ำตาและความรู้สึกที่ท่วมท้นอาจจะเป็นเพราะเขาคือครึ่งหนึ่งของอินควิน๊อกหรือไม่ก็จากตัวของเขาเอง
“เปล่าหรอกค่ะ มันพึ่งจะเริ่มค่ะ” แล้วเอเธอน่าก็ยิ้มอ่อนเมื่อเห็นหญิงสาว ผมยาวสีน้ำตาลอ่อนถักเปียเอาไว้เส้นหนึ่ง ร่างอรชรอยู่ในชุดหนังนักรบกระชับทั้งร่างหากเผยเนินอกโดดเด่นหากความเป็นนักรบโดดเด่นกว่าเพศสภาพหลายขุม บนศีรษะสวมกระบังหน้าสีทองและมีเขาสองข้างยื่นขึ้นมาคล้ายเขาแหลม มันคือสัญลักษณ์ของทอรัสและข้าง ๆ นั้นก็มีคน ๆ หนึ่งที่รีลคุ้นเคย
“แม่...”
“และข้าง ๆ กันนั่นคือฉันในอดีตชาติ ‘ฮุ่ยเหริน’ ค่ะ