"พวกเราสองคนจะใช้ชีวิตอย่างผู้อ่อนแอ และจะสู้อย่างผู้อ่อนแอ และจะกำหราบผู้แข็งแกร่งลงอย่างผู้อ่อนแอ พวกเราขอสาบาน!!!!!"
ยูโตะมองดูคำประกาศของราชาองค์ใหม่ทั้งสองคนที่ถือหมากเเห่งวงศ์วานสิทขาดของผู้เป็นราชาเอาไว้
"เป็นคำปลุกใจที่ยอดไปเลยนี่ ถึงจะไม่คิดว่าเป็นคนๆเดียวกันแต่ทั้งหน้าตากับแนวคิดนั้นคล้ายกันกับนายมากเลยนะริคุ....."
ยูโตะพึมพัมเบาๆแล้วเดินออกจากฝูงชนที่พากันเหดังลั่นให้กับคำปราศัยของราชาองค์ใหม่
"หลังจากนี้อาณาจักรแห่งนี้คงพัฒนาเพิ่มอีกแน่ระหว่างนั้นเราเองก็หาอะไรทำก่อนจะกลับดีกว่า"
ยูโตะมองไปทางด้านนึงซึ่งเป็นเส้นทางที่จะไปเมืองของพวกเผ่าแวร์บีส
"อ๊ะ แต่ก่อนหน้านั้นต้องหาข้อมูลก่อนจะไปหาเรื่องคนอื่นโดยไม่มีแผนนี่คงไม่ดี...เอ.....ถ้าจะหาข้มูลก็ต้งหอสมุดสินะแต่ในเมืองก็ไม่เห็นแหะ"
ตั้งแต่ที่ยูโตะมายู่ที่อาณาจักรเอลเกียร์นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วยูโตะได้ทำการสำรวจพื้นที่แถบทั้งหมดแล้วแต่ก็ไม่เจอสถานที่คิดว่าเป็นหอสมุดเลย
"นี่คุณป้าครับ"
"หืมอะไร เหรอจะพ่อหนุ่ม"
ยูโตะเรียกหญิงชราทีากำลังเดินผ่าน ในเมือตนเองหาไม่เจอก็มีแต่ต้องถามคนที่รู้เท้านั้น
"คุณป้ารู้จักที่ๆเหมืนกับหอสมุดไหมครับพอดีผมมีธุระกับที่นั้น"
ยูโตะถามไปด้งยความเป็นมิตร
"อืม...หอสมุดเหรอจะว่ามีมันก็มีอยู่หรอกแต่ว่าที่นั้นโดนฟลูเกลยึดไปแล้วน่ะ โน้นไงอยู่สุดทางนี้เองแต่ว่าอย่าเข้าไปใกล้จะดีกว่านะ"
คุณป้าชี้เพื่อบอกทางให้กับยูโตะ ยูโตะเลยก้มหัวให้เล็กน้อย
"ครับขอบคุณมาก"
"จ้า ไว้เจอกันใหม่นะพ่อหนุ่ม"
ยูโตะโบกมือลาจากนั้นก็มองไปทางที่ป้าเพิ่งชี้ไป
"ลองไปซักหน่อยดีกว่าฟลูเกลถ้าจำไม่ผิดคือพวกที่มีปีกเป็นวงจรเวทย์มนต์ที่ชอบฆ่าคนไปทั่วเมื่อสมัยก่อนสินะ แล้วตัวอันตรายแบบนั้นกับมาอยู่ใกล้กัลอิมานิตี้ที่อ่อนแอที่สุดแบบนี้ไม่แย่ไปหน่อยรึไง"
ยูโตะเกาหัวแล้วบ่นไปพลางค่อยๆเดินไปทางหอสมุดคลังความรู้เพียงแห่งเดียวของมนุษย์ที่โดนยึดไปแล้ว
ต่อมาไม่นานยูโตะก็มายืนอยู่หน้าอาคารหลังใหญ่ที่มีรอบๆเป็นน้ำทำให้เป็นที่ๆทำให้ใจสงบได้ไม่น้อย
"เป็นสถานที่ไม่เลวเลยนะชักถูกใจแล้วสิ ก่อนอื่นก็ต้องเข้าไปทักทายเจ้าของในตอนนี้ก่อนสินะ อ้าว?"
ยูโตะที่กำลังเดินเข้าไปสังเกตุเห็นคนสามคนกำลังยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้า
"ทำไมพวกนายถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ ทั้งที่เมื่อเช้ายังอยู่ที่ปราสาทอยู่เลยนี่"
ยูโตะถามออกไปคนที่มาถึงก่อนก็คือราชาองค์ใหม่ของอิมานิตี้
"แล้วนายเป็นใครกันล่ะ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ รู้รึเปล่าว่าที่นี่คือที่ไหน"
เด็กหนุ่มหันมาหายูโตะแล้วพูดขึ้น
"อ่าขออภัย ผมมีชื่อว่า ทาคุยะ ยูโตะพอดีผมมีธุระกับหอสมุดแห่งนี้นิดหน่อยน่ะ"
"เหรอส่วนฉันชื่อ โซระ ส่วนนี้น้องสาวชิโระส่วนอีกคนก็..."
"สเตฟเป็นหมา"
ชิโระขัดคำพูดของโซระแล้วพูดขึ้นมา
"ใช่ซะที่ไหนล่ะคะ!! ถึงตอนนี้จะเถียงไม่ออกก็เถอะ"
สเตฟในชุดสาวหูสัตว์ที่ไม่ค่อยจะมีเสื้อผ้าเท่าไหร่นักหน้าจ๋อยลงทันที ยูโตะเลยพูดปลอบใจ
"ผมไม่คิดมากหรอกนะ แล้วก็ผมขอพูดแบบธรรมดาได้รึเปล่าพูดเป็นทางการเกินไปมันรู้สึกขัดๆน่ะ"
"เอาสิทางนี้ไม่คิดมากอยู่แล้ว ว่าแต่นายมีเป้าหมายอะไรถึงภายนอกจะเป็นมนุษย์แบบพวกเราแต่คงไม่ใช่สินะ...."
โซระมองยูโตะด้วยความระวังตัว
"ก็จริงที่ผมไม่ใช่อิมานิตี้ ถ้าจะให้พูดก็คงคล้ายๆกับพวกนายที่เป็นคนจากโลกอื่นล่ะมั้ง"
"โหรู้ด้วยเหรอว่าพวกเราเป็นคนจากโลกอื่น"
"เรื่องนั้นช่างมันเถอะ เป้าหมายของผมคือหอสมุดแห่งนี้ผมขอเข้าไปก่อนได้รึเปล่า"
"เรื่องสิทางนี้มาถึงก่อน แล้วเป้าหมายของพวกเราก็คือที่นี่เหมือนกัน"
"งั้นเหรอ ขอโทษทีละกันงั้นเชิญเข้าไปก่อนเลย"
"เอะ? อ่าขอบใจ"
โซระถึงกับงงกับคำตอบของยูโตะ เพราะตอนแรกกะว่าจะต้องแข่งกันก่อนที่จะได้เข้าไปซะอีก
"ไม่ต้องห่วงไม่ว่านายจะแพ้หรือชนะ ผมก็จะขอหอสมุดไปแน่นอนคิดว่านะ"
ยูโตะยิ้มให้กับทั้งโซระแล้วก็ชิโระส่วนสเตฟที่ยังหดหู่อยู่นั้น
"เหมือนกับกระต่ายดำจังเลยนะ"
ยูโตะพึมพัมพลางมองสเตฟแล้วส่งสายตาเป็นเชิงบอกว่าให้เข้ากันไปก่อนได้เลย
โซระกับชิโระก็พยักหน้าให้จากนั้นก็ะากันเดินเข้าไปโดยมีสเตฟตามไปด้วยและพอชิโระเปิดประตูเข้าไปก็เตอกับห้องที่กว้างเป็นอย่างมากพร้อมกับมีใครบางคนปรากฏออกมา
"ชื่อของฉันคือจิบริล ราชาและราชินีองค์ใหม่แห่งอิมานิตี้ท่านโซระและท่านชิโระไม่ทราบว่ามีธุระอะไรคะ?"
จิบริลที่ปรากฏตัวออกมาพูดอย่างสง่าผ่าเผยแต่ในช่วงคำสุดท้านกับพูดติดขัดขึ้นมาก็เพราะสังเกตุเห็นคนๆนึงอยู่ด้านหลังของโซระและชิโระ
"รู้จักพวกเราด้วยสินะ ถ้างั้นก็คุยกันง่ายหน่อย ขอห้องสมุดนี้ให้พวกฉันเถอะ"
โซระพูดโดยไม่ได้สนใจความผิดปกตินั้น จิบริลที่เอาแต่จ้องหน้ายูโตะอยู่ก็หน้าซีดขึ้นเรื่อยๆ
"หืม มีอะไรเหรอตอนนี้พวกโซระกำลังถามเธออยู่นะไม่ต้องสนใจผมหรอก"
ยูโตะที่โดนต้องพูดออกมาเพื่อให้อีกฝ่ายไม่ต้องสนใจ
"จะไม่ให้สนใจได้ยังไงล่ะคะ!!ตัวตนของคุณที่เคยทำลายเผ่าพันธ์สูงสุดทั้งสามเผ่าพร้อมกันมายู่ที่นี่น่ะมันไม่ใช่เรื่องที่จะไม่สนใจได้หรอกค่ะ!!!"
จิบริลโวยวายออกมาแล้วชี้ไปที่ยูโตะโซระที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับตกใจแล้วหันไปหายูโตะด้วยอีกคน
"อ่าเรื่องนั้นมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้วยังไม่ลืมกันอีกเหรอเนี่ยเอาเถอะเป้าหมายของผมในตอนนี้ไม่ใช่อะไรที่ยิ่งใหญ่แบบครั้งก่อนหรอกนะ"
ยูโตะเกาหัวแล้วตอบไปอย่างเบื่อหน่าย
"เห้ยๆ ที่พูดนั้นจริงเหรอเนี่ย ถ้าเป็นแบบนั้นนายอายุเท่าไหร่กันเนี่ย!"
โซระที่ได้ฟังก็ถามออกมาบ้าง
"เรื่องอายุอย่าถามจะดีกว่าก็อย่างที่บอกผมเป็นคนจากโลกอื่นแบบนายเพราะงั้นระยะห่างเรื่องเวลาเลยเอามาวัดไม่ค่อยได้น่ะ ที่สำคัญกว่านั้นจะแข่งกันไหมเกมน่ะ"
ยูโตะหันไปหาจิบริลที่ยังหน้าซีดอยู่
"ถะ ถ้าเป็ยแบบนั้นก็มาแข่งกันเถอะค่ะดิฉันจะให้สิทธ์กับคนที่มาท้าทายก่อนไม่ทราบว่าท่านทั้งสองมีอะไรมาเดิมพันกันคะ"
จิบริลปรับสีหน้าใหม่แล้วหันหาไปชิโระกับโซระ จากนั้นโซระก็ได้เสนอของเดิมพันเป็นหนังสือจากโลกเดิมจำนวนสี่หมื่นเล่มทำให้จิบริลยอมตกลงที่จะเล่นเกมด้วย
"ท่างั้นเชิญทางนี้"
จิบริลพูดจบก็พาทุกคนไปยังสถานที่แข่ง
"นี่ผมขอถามอะไรหน่อยสิ"
"หืม มีอะไร"
โซระที่โดนเรียกเลยหันไปถาม
"ระหว่างที่พวกนายกำลังเล่นเกมกันอยู่ผมขออ่านหนังสือในนี้ได้ไหม"
"แล้วทำไมถึงมาขอฉันกันล่ะ ไม่ไปขอคุณเจ้าของที่ยังยืนตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าตรงนั้นรึไง"
โซระชี้ไปหาจิบริลที่ไม่ยอมหันมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
"ก็เดี๋ยวนายก็จะได้หอหนังสือนี้อยู่แล้วหนิผมก็เลยถือโอกาศขอล่วงหน้าน่ะได้รึเปล่าคูฮาคุ"
"เหอะตามสบายก็แล้วกันเอ้ารีบไปได้แล้ว!!"
โซระผลักจิบริลเพื่อเร่งให้เดินต่อยูโตะมองทั้งสี่คนเข้าไปในลิฟแล้วลงไปชั้นล่าง
"สงสัยเมื่อตอนนั้นดันขู่หนักไปหน่อยมั้งเลยกลัวซะขนาดนั้น เอาล่ะเราเองก็รีบหาข้อมูลก่อนดีกว่า....."
ว่าจบยูโตะก็เริ่มเดินเพื่อมองหาหนังสือที่ต้องการแล้วเอามานั่งอ่านฆ่าเวลาต่อ
..
..
..
..
..
..
..
..
..
///////////////////////////////////
-บางคนอาจจะงงนะ ปกติมันต้องอีกหลายวันกว่าพวกโซระจะไปหาจิบริลแต่ไรท์ขี้เกียจแต่ระหว่างนั้นเลยรวบมันซะเลย
-มันไม่กระทบเนื้อเรื่องเท่าไหร่หรอกมั้ง....
-จบไปอีกตอนที่ไม่มีอะไรไว้เจอกันตอนหน้า