.3.
พลาด
เฮ้อ!
เบื่อ… เบื่อจนไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหนก่อนดี เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นไปเรื่อยเปื่อย พยายามหาอะไรดูเพื่อฆ่าเวลา แต่คนว่างงานและเพื่อนน้อยอย่างฉันกลับไม่มีอะไรให้ทำนอกจากออกไปเที่ยว
เที่ยวได้ แต่ถ้าบ่อยจนเกินไปมันก็ดูไม่ดีอีก ฉันไม่อยากให้พ่อกับแม่เป็นห่วง คิดได้ แต่ทำไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่
RRRRR
นั่งคิดอะไรเพลิน ๆ จนเสียงโทรศัพท์ร้องดังขึ้นมา เบอร์ปลายสายที่โทรเข้ามาคือส้มโอ เธอเป็นเพื่อนในกลุ่มและเป็นคนเดียวที่ฉันสนิทมากกว่าคนอื่น ๆ นิสัยโดยรวมถือว่าโอเค แต่ไม่รู้ว่าจะดีมากแค่ไหนกัน
“สวัสดีค่ะ เพื่อนสาว”
(น้ำเสียงอารมณ์ดีเชียว) แต่ความเป็นจริงไม่ใช่อย่างที่ส้มโอว่าเอาไว้หรอก ฉันโคตรจะเบื่อเลย
“จ้า แล้วมีอะไรหรือเปล่า”
(สองทุ่มวันนี้ที่ xxx นะ บ้านของพี่อ้นน่ะ มาได้หรือเปล่า)
“แหม! มัดมือชกกันอีกแล้ว”
(คิก ๆ วันเกิดของพี่อ้นน่ะ มานะ ฉันอยากให้แกมา เดี๋ยวส่งโลเคชั่นไปให้)
“โอเค ๆ ไว้เจอกัน”
พี่อ้นคือผู้ชายที่ส้มโอคบอยู่ด้วย ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าไปเจอกันที่ไหน แต่ดูเธอจะหลงผู้ชายคนนี้มาก ฉันเคยเจอแค่ไม่กี่ครั้งเองและแน่นอนว่าไม่ค่อยชอบสายตาที่คอยจ้องมองฉันเหมือนไม่แคร์ส้มโอเลย
แต่ก็นะ… เพื่อนรักผู้ชายคนนี้นี่ ฉันก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี นอกจากรักษาระยะห่างเอาไว้เท่านั้น
สองทุ่ม
มาตรงเวลาดีมากเพราะเบื่อที่จะนั่งอยู่ในห้องคนเดียว วันนี้แต่งตัวเรียบร้อยเพราะอยากเซฟตัวเองให้ได้มากที่สุด ฉันไม่ใช่ผู้หญิงเก่ง แต่ก็ไม่ได้อวดเก่งไปซะทุกเรื่อง ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงก็ย่อมอ่อนแอกว่าผู้ชายอยู่วันยังค่ำ เพราะฉะนั้นผู้หญิงอย่างฉันก็ต้องฉลาดและมีไหวพริบให้ได้มากที่สุด
“ลลิต ทางนี้” เดินลงจากรถ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนได้ยินเสียงเรียกของส้มโอดังมาจากด้านหน้าของตัวบ้าน คนยืนออกันอยู่เยอะพอสมควร สงสัยมารอรับคนอื่น ๆ ด้วยนั่นแหละ
ฉันยิ้มพลางสาวเท้ายาว ๆ เดินตรงไปหาส้มโอทันที บ้านหลังใหญ่พอสมควร เป็นซอยหมู่บ้านแห่งหนึ่งใจกลางเมืองเลยก็ว่าได้
“คิดว่าแกจะไม่มาซะแล้ว” ส้มโอดูดีใจมากที่เจอฉัน
“มาสิ แต่ไม่มีของขวัญนะ มันกะทันหันจนเกินไป” ฉันตอบกลับยิ้ม ๆ
“แค่น้องมันตายอมมา พี่ก็ดีใจแล้วครับ” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมา ฉันกับส้มโอเลยพากันหันไปมอง ผู้ชายที่ว่าคือพี่อ้นแฟนของส้มโอ “เอ่อ… พี่หมายถึงว่าส้มโอจะได้มีเพื่อนคุยน่ะ”
“ใช่ ๆ วันนี้มีแต่เพื่อนพี่อ้น ฉันไม่สนิทเลย” ฉันไม่ได้ตอบกลับอะไรนอกจากคลี่ยิ้มให้ส้มโอแทน ความรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าผู้ชายคนนี้ก็ยังมีเหมือนเดิมนั่นแหละ แค่ไม่อยากแสดงออกมากมายสักเท่าไหร่
เครื่องดื่มและอาหารถูกยกมาวางลงบนโต๊ะของฉันซึ่งมีส้มโอนั่งอยู่ด้วย ส่วนแฟนของเธอก็เดินออกไปรอรับเพื่อนคนอื่น ๆ หรือไม่ก็ถือแก้วเหล้าเดินชนแก้วโต๊ะอื่น ๆ ไปด้วย สายตาของฉันคอยกวาดมองไปรอบ ๆ จนสะดุดเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งที่มองมาเหมือนพร้อมจะตบ
เขาบอกว่าเซนส์ของผู้หญิงมันแรง ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เพราะท่าทางของเธอดูไม่ค่อยพอใจฉันสักเท่าไหร่
“ห้องน้ำอยู่ตรงไหนเหรอส้ม”
“ให้พาไปไหม”
“ไม่เป็นอะไร เดี๋ยวฉันไปเอง แกบอกทางมาเถอะ” ตอบกลับเธอพร้อมกับรอยยิ้ม เพราะฉันอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นที่เอาแต่มอง เธอต้องการอะไร
“เดินอ้อมไปทางด้านหลังก็ได้ มีห้องน้ำอยู่เหมือนกัน” ส้มโอบอกพลางชี้ปลายนิ้วไปทางด้านหลัง ซึ่งมีทางเดินเชื่อมไปอยู่
ฉันยิ้มให้เธอก่อนจะลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ ผ่านโต๊ะของผู้หญิงคนนั้น แต่ความเป็นจริงฉันไม่ได้ตั้งใจจะไปเข้าห้องน้ำ แค่หามุมแอบและยืนรอ เซนส์ของฉันไม่พลาดเลยจริง ๆ เมื่อเธอและเพื่อนอีกสองคนรีบลุกเดินตามมาด้วย
“หายไปไหนแล้วเนี่ย” ยืนอมยิ้มมองทั้งสามคนพลางส่ายหัวไปมาด้วย นึกสมเพชจริง ๆ
“มันจะไปไหนได้ ไปดักรอที่หน้าห้องน้ำดีกว่า”
“ก็ดีเหมือนกัน” ทั้งสามคนออกความคิดเห็นกันก่อนจะพาเดินเข้าไปในบ้าน ฉันออกมาจากมุมที่ซ่อนอยู่ ยืนมองทั้งสามคนอยู่ครู่หนึ่งพลางหมุนตัวเดินกลับมาหาส้มโอที่โต๊ะแทน ซึ่งตอนนี้แฟนของเธอเดินมานั่งรวมอยู่ด้วยแล้ว
“ทำไมเร็วจัง” ส้มโอดูแปลกใจเล็กน้อย เพราะฉันเพิ่งลุกออกไปแค่แป๊บเดียวเอง
“พอลุกเดินออกไปก็หายปวดเลยน่ะ” ยิ้มให้ส้มโอพร้อมคำตอบ
“น้องมันตาอยากดื่มอะไรเป็นพิเศษไหมครับ บอกพี่ได้นะ” เงยหน้าขึ้นไปมองสบตากับแฟนของส้มโอพลางส่งยิ้มหวานให้เขาด้วย อยากให้ส้มโอตาสว่างและเลิกกับผู้ชายคนนี้ซะจริง ๆ เลย
“ไม่ค่ะ พี่อ้นดูแลส้มโอเถอะ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ วันเกิดพี่ทั้งที พี่ก็อยากดูแลแขกทุกคนให้ทั่วถึง”
ฉันไม่ได้ตอบกลับอะไรนอกจากยิ้มเท่านั้น พยายามไม่ดื่มหรือกินอะไร เพราะฉันอยากเซฟตัวเองให้ได้มากที่สุด
“แกลองกินอันนี้ดูสิ อร่อยนะ” ส้มโอพูดพลางยกจานยำรวมมิตรมาวางตรงหน้าของฉันไปด้วย
“ฉันไม่หิวน่ะ ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งออกไปกินกับพวกพี่ ๆ มาด้วย” แต่ในความเป็นจริงคือฉันนั่งเบื่ออยู่ในห้องเท่านั้น
“แย่จัง” ทำหน้าหงอยเชียว
“ไม่ไว้ใจพี่เหรอครับ” จู่ ๆ พี่อ้นก็ถามขึ้นมา ถ้าฉันตอบกลับไปตามตรงจะเป็นอะไรไหมนะ
“เปล่าค่ะ แค่ไม่หิวจริง ๆ”
“เหมือนน้องมันตาไม่ค่อยสนุกเลยนะครับ”
“ช่วงนี้มีเรื่องให้คิดเยอะน่ะค่ะ พี่อ้นไม่ต้องใส่ใจหรอก” ตอบรับพร้อมกับรอยยิ้ม พยายามทำตัวให้เป็นปกติ แม้ว่าในใจจะผิดปกติไปมากแล้วก็ตาม
“ถ้างั้นพี่ไปดูเพื่อนก่อนนะ”
“ค่ะ” เหมือนหายใจปลอดโปร่งขึ้นมานิดหน่อยเมื่อพี่อ้นลุกออกไป ฉันหันไปมองตามเป็นจังหวะเดียวกับที่สามสาวเดินออกมาพอดี สายตาที่มองมาทางฉันดูไม่ค่อยพอใจเชียว
“ฉันจะกลับแล้วนะ”
“แกเพิ่งมาถึงเองนะ จะรีบกลับไปไหน” ส้มโอดูตกใจเชียว เพิ่งมาถึงก็จริง แต่ไม่ค่อยชอบบรรยากาศและคนอื่น ๆ ที่นี่สักเท่าไหร่ สายตาของพวกผู้ชายดูไม่น่าไว้ใจสักคน
“เบื่อ ๆ น่ะ อยากกลับไปนอนมากกว่า แล้วแกอยากกลับไหม? ฉันจะได้ขับรถไปส่งก่อน”
“ฉันจะค้างที่นี่น่ะ” ส้มโอแก้มแดงทันทีที่ตอบคำถามของฉัน เป็นห่วงเธอนะ แต่ในเมื่อเธอไม่อยากกลับ ฉันก็ไม่อยากเซ้าซี้เหมือนกัน
นั่งคุยกับส้มโอต่ออีกนิดหน่อยก่อนจะลุกเดินออกมา ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเป่าเทียนด้วยซ้ำ ไม่ได้อยากทิ้งเพื่อนหรอก แต่บรรยากาศไม่ควรอยู่ที่นี่อีก เลยตัดสินใจจะกลับดีกว่า เดินเลี่ยงออกมาจากบ้าน แต่ความรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามหลัง ฉันเลยหยุดเดินพลางหมุนตัวหันกลับไปมอง เป็นจังหวะเดียวกับที่รู้สึกเหมือนลมพัด แล้วมีอะไรกระเด็นเข้ามากระทบใบหน้า
“อือ…” ฉันตกใจจนต้องยกแขนขึ้นมาบังเอาไว้ พอตั้งสติได้ก็มองภาพเบื้องหน้าทันที เห็นพี่อ้นยืนยิ้มอยู่
“จะกลับแล้วเหรอครับ” ฉันเพ่งมองหน้าผู้ชายคนนี้นิ่ง ๆ ไม่ได้ตอบกลับทันที “ทำไมรีบกลับจังเลยครับ”
“ขอโทษค่ะ พอดีมีธุระต่อ” ฉันตอบรับพร้อมกับรอยยิ้ม แต่กลับรู้สึกเบลอ เหมือนภาพไม่ค่อยชัดเจน สะลึมสะลืออยู่ตลอด ลมเมื่อกี้เกิดจากการกระทำสินะ นี่ฉันพลาดงั้นเหรอ
หมับ!
หมุนตัวกำลังจะเดินออกไป แต่กลับต้องชะงักเมื่อข้อมือถูกกระชากเอาไว้จนเซถลาไปชนเข้ากับแผงอกของคนด้านหลังแทน ฉันพยายามจะเบี่ยงตัวหนี แต่กลับทำไม่ได้ บริเวณที่จอดรถอยู่ก็มืดอีกต่างหาก
“ให้พี่ไปส่งดีกว่าครับ”
“ปล่อย!”
“อย่าเล่นตัวให้มากนักเลย พี่สนใจมันตานะครับ” โคตรขยะแขยงผู้ชายคนนี้มาก ๆ แต่ตอนนี้แทบไม่มีแรงจะสู้เลยด้วยซ้ำ
“ปล่อย! ถ้าส้มมาได้ยินคงเสียใจ”
“พี่กับส้มยังไม่ถึงขั้นเรียกว่าแฟนด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น…”
“บอกให้ปล่อยไง” ฉันพยายามใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่สะบัดข้อมือหนีจนสำเร็จ แต่ร่างกายกลับเซถลาไปด้านหลังเหมือนจะล้มด้วยซ้ำ จนกระทั่งแผ่นหลังสัมผัสได้ถึงแรงกระแทกและแขนข้างหนึ่งที่โอบกอดรอบเอวฉันอยู่
ฉันพยายามมองหน้าเขา แต่มันมืดจนมองไม่เห็น แถมเขายังใส่หมวกแก๊ปเพื่อปิดบังใบหน้าอยู่อีก ซ้ำร้ายร่างกายของฉันยังเบลอจนแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว
“ปล่อยเมียกูเดี๋ยวนี้นะ!”
“มะ ไม่ใช่” ฉันพยายามเปล่งเสียงออกมา สำหรับฉันไม่รู้หรอกว่าผู้ชายคนนี้ไว้ใจได้มากแค่ไหน แต่คงดีกว่าไอ้ผู้ชายเฮงซวยตรงหน้าแน่นอน
“ผู้หญิงก็บอกว่าไม่ ทำไมยังกล้าพูดออกมาอีกล่ะ”
“เสือก!”
“เกิดอะไรขึ้นวะ?” เสียงใคร ฉันแทบไม่มีสติแล้ว
“ไม่มีอะไร มึงจัดการมันให้กูหน่อยละกัน” ร่างกายเหมือนลอยขึ้นเหนือพื้น สายตาพยายามเพ่งมองคนที่อุ้มฉันอยู่ แต่กลับไม่สำเร็จ เพราะตอนนี้ภาพทุกอย่างค่อย ๆ เลือนรางเหลือเกิน
ฉันไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้… พยายามเซฟตัวเองให้ได้มากที่สุด แต่สุดท้ายกลับต้องมาเจอเรื่องแย่ ๆ
แล้วพรุ่งนี้ฉันยังจะดีอยู่ใช่มั้ย?
________________________________________
คิก ๆ ถ้ายังมีคนตามอ่าน โปรดส่งกำลังใจให้เอสได้รับรู้หน่อยนะคะ 555555555