“อะไรกัน?! เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร?”
“นั่นสิ แบบนี้จะทำอย่างไรดี?!”
เสียงซุบซิบนินทาตามมาไม่ขาดสายเมื่อทุกคนร่วงรู้ว่าคุณหนู คังอียูได้หายตัวไปไม่มาเข้าร่วมพิธีตามที่กำหนด ทั้งฝ่ายเสนาบดีและเหล่าขุนนางต่างตื่นตกใจ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ให้อภัยกันได้เพราะคนที่นั่งอยู่ในงานคือองค์ราชาและพระมเหสี
ในเวลาเดียวกันองค์ชายซอลมินมีสีหน้าเป็นกังวลและเริ่มที่จะนั่งไม่ติดพระแท่น องค์หญิงโซรองเห็นท่าไม่ดีจึงรีบย้ายตนไปหาซอลมินเพื่อหวังให้คนเป็นพี่ใจเย็นลง
“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมไม่พบคุณหนูคังอียูที่ตำหนักพะยะค่ะ”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?!”
“นางในติดตามทั้งสองก็หายตัวไปเช่นเดียวกันพะยะค่ะฝ่าบาท”
ทหารนายหนึ่งรีบวิ่งเข้ามารายงานแก่องค์ราชาถึงรับสั่งให้ไปตามตัวอียู องค์ชายซอลมินเมื่อได้ยินเช่นนั้นตนถึงกับเดินเข้าไปหาทหารนายนั้นทันที
“นางอยู่ไหน?”
“กะ กระหม่อม! ค้นหานางไม่เจอพะยะค่ะองค์ชาย!”
“ในวังแห่งนี้มีเจ้าคนเดียวที่ตามหานางอย่างนั้นหรือ?”
“กระหม่อมสั่งให้ทหารตามหานางทั่วทุกมุมของพระราชวังแล้ว แต่ไม่พบแม้แต่เงา กระหม่อมสมควรตายพะยะค่ะองค์ชาย!!!”
“.....!”
เมื่อได้เห็นความร้อนในพระเนตรขององค์ชายทหารที่แจ้งความแก่เขาเมื่อครู่ถึงกับตัวสั่นรีบก้มหน้ามุดพื้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้น องค์รัชทายาท?”
“.....!”
เสียงทุ้มต่ำขององค์ราชาเอ่ยขึ้นท่ามกลางความตรึงเครียด ทุกคนต่างเงียบสนิทเพราะกำลังเพ่งเป้าไปที่องค์ชาย แต่ถึงกระนั้นซอลมินก็ไม่ได้ตอบคำถามนั้นแก่ฝ่าบาท กลับรู้สึกร้อนรุ่มอยู่ในอกมากมายเหลือเกิน
ไม่มีทางเป็นไปได้ว่าอียูจะหนีงานนี้ไปเสียดื้อๆ เพราะคำพูดของเขาไม่หนักแน่นพอจะพิสูจน์ใจได้อย่างนั้นหรือ ทั้งที่ซอลมินตะเตรียมคำพูดของตนมาตลอดทั้งคืนเพื่อวันนี้แต่อียูกลับ.....
“เสด็จพี่”
“......”
แววตาของซอลมินหม่นหมองลงในทันทีเมื่อเสียงเรียกจากองค์หญิงโซรองดังขึ้นเพื่อดึงสติของเขาให้กลับขึ้นมาจากความคิด
“จนกว่าจะค้นหานางเจอ กระหม่อมจะยังไม่เลือกใครเป็นชายา”
“ต่อหน้ากษัตริย์ ท่านคิดว่านี่คือเรื่องล้อเล่นอย่างนั้นหรือองค์ชาย?”
เสนาบดีผู้หนึ่งกล่าวขึ้นจุดประกายความในใจของใครหลายคนขึ้น
“เวลาได้ร่วงเลยมาจนถึงตอนนี้ ท่านจะไม่ทรงเลือกใครอย่างนั้นหรือพะยะค่ะองค์ชาย?”
“......!”
เหล่าเสนาบดีและขุนนางหลายคนต่างก็คัดค้านในคำพูดขององค์รัชทายาทอย่างไม่ไว้หน้า ทำเอาเจ้าตัวถึงกับขบกรามแน่ด้วยความไม่พอใจ ในเมื่อไม่มีอียูข้าจะเลือกได้อย่างไร จะให้ข้าเลือกคนที่ไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร...
ขณะเดียวกันรอยยิ้มเล็กๆนั้นกระตุกขึ้นหลังจากได้เห็นองค์ชายหมดหนทางที่จะต่อรอง พระมเหสีที่ทรงนั่งเงียบเฝ้ามองทุกการเป็นไปด้วยความสบายพระทัยเพราะยังไงองค์ชายก็จะต้องเลือกพระชายาในวันนี้โดยที่ไม่มีตัวปัญหาอย่างคังอียูให้ลำคานใจ
“ทรงเลือกเถิดพะยะค่ะองค์ชาย”
“ข้า.....”
“อย่างไรเสีย คังอียู ได้ขัดพระราชโองการถึงเพียงนี้นางจะต้องโทษรุนแรง นั่นถือเป็นการสิ้นสุดการเป็นว่าที่พระชายาโดยสิ้นเชิง”
“เสนาบดีโจว!!”
“กะ กระหม่อมขออภัยพะยะค่ะองค์ชาย!!!!”
เสียงตะวาดลั่นไปท่ัวทั้งพระลาน แม้เป็นเพียงคำกระซิบกระซิบกระซาบกันระหว่างเสนาบดีโจวกับเสนาบดีท่านอื่นอยู่ แต่ซอลมินกลับได้ยินเต็มสองหูจน เก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ใบหน้าหล่อบึ้งตึงราวกับเสือที่พร้อมจะขย่ำคอ
“พอได้แล้ว”
“......!!”
ซอลมินละสายตาจากเสนาบดีโจวหันกลับมาเผชิญหน้ากับองค์ราชา เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังจ้องมอง ฝ่าบาทลุกขึ้นยืนพร้อมกับยกมือปรามฝีปากของเหล่าเสนาบดีของตนลงด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เจ้าต้องเลือก องค์รัชทายาท”
“......”
“เจ้ามิใช่สามัญชน แต่เป็นถึงสายเลือดของข้า เจ้าจะกระทำตนไร้เกียรติต่อประชาชนของเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
“ฝ่าบาททรงมองไม่เห็นหรือว่าเพลานี้เกิดสิ่งใดขึ้น มีคนหายตัวไปโดยที่ไม่มีใครสนใจว่านางจะเป็นอย่างไร”
“......”
“แต่ท่านกลับยืนยันจะให้กระหม่อมหลับหูหลับตาเลือกใครก็ได้สักคน ฝ่าบาทคิดว่ามันเหมาะสมแก่เกียรติของกระหม่อมอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่อย่างนั้น ข้าจะเป็นคนเลือกให้เจ้าเอง”
“.....!!”
“เหมาะสมแก่เกียรติของเจ้าพอหรือไม่ องค์รัชทายาท”
“.....!”
ได้ยินอย่างนั้น ซอลมินจึงไม่สามารถที่จะต่อรองอะไรได้อีก หากเสด็จพ่อทรงเลือกให้จริงๆ นั่นหมายความว่า เขาจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก สิ่งที่ทำมาทั้งหมดไร้ความหมาย
ซอลมินฉายแววตาแข็งกร้าวราวกับไม่ยอมจำนนแม้ว่าคนตรงหน้าจะเป็นกษัตริย์ สิ่งสำคัญมากกว่าการต้องมานั่งเลือกคือการตามหาอียูที่หายไป
“ฝ่าบาทอยากให้กระหม่อมเลือก กระหม่อมก็จะเลือก”
“....”
ร่างสูงหันกลับไปยังลานพิธีที่รายล้อมไปด้วยชายหญิงเหล่าขุนนางที่ยังคงจดจ้องทุกท่วงท่าขององค์ชายอย่างจดจ่อว่าเขาจะทำอะไรกันแน่
“คังอียู นางจะเป็นพระชายาของข้า”
“...!!!!!!”
สิ้นเสียงคำตัดสินซอลมินหันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้เป็นพ่ออีกครั้งอย่างท้าทาย ทุกคนต่างก็พากันตื่นอกตกใจกับการเลือกขององค์รัชทายาท พระมเหสีเองเมื่อได้ยินเช่นนั้นถึงกับเบี่ยงหน้าออกไปทางอื่นกำพระหัตถ์แน่นอย่างไม่พอใจแต่ไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้
“ข้าหวังว่าการได้เลือกชายาด้วยตัวเองจะทำให้เจ้าเติบโตขึ้น...แต่ไม่ใช่อย่างที่ข้าคิดเอาไว้เลย”
“.....!”
“เสียแรงที่เจ้าดันเกิดเป็นลูกชายของข้า”
“.....”
ฝ่าบาททิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะก้าวเท้าลงจากด้านบนผ่านเขาไป ตามด้วยพระมเหสีและขบวนตามเสด็จ
ซอลมินยืนตัวแข็งมองไปยังร่างสูงของพระราชา แม้เป็นคำพูดที่ราบเรียบไม่แสดงสีหน้าท่าทางใดๆ แต่กลับทำให้เขารู้สึกหวิวอยู่ในใจลึกๆ
“องค์ชายพระยะค่ะ แฮกๆ!!”
“.....”
ขันทีชองที่หายไปนานรีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาซอลมินเมื่อเห็นว่าฝ่าบาทและพระมเหสีทรงเสด็จกลับไปแล้ว
“แย่แล้วพะยะค่ะองค์ชาย!!”
“รีบพูดเสียทีขันทีชอง ข้าไม่มีเวลามารอฟังเจ้าทั้งคืนหรอกนะ”
“คะ คือว่า ท่านอัครมหาเสนาบดีคังถูกกุมตัวไปคุกหลวงแล้วพะยะค่ะองค์ชาย!!”
“..!!”
น้ำเสียงและสีหน้าราวกับกำลังจะร้องไห้ของขันทีชองรีบแจ้งให้แก่ซอลมินได้รับรู้ถึงสิ่งที่เขาได้บังเอิญพบเจอในขณะที่กำลังจัดเตรียมงานในส่วนของการลำเลียงอาหารถวายให้กับองค์ชาย
ร่างสูงไม่แม้แต่จะถามไถ่ความเป็นมารีบก้าวขายาวเดินฉับๆ ออกจากลานพิธีท่ามกลางสายตาของเหล่าผู้คนในงานอย่่างไม่สนใจใยดี
“นั่นสินะ ข้าคิดเอาไว้แล้วหละ”
“อย่าโศกเศร้าไปเลยเจ้าค่ะ คุณหนูมุนอา”
เจ้าของใบหน้าสวยในฮันบกสีแดงยังคงจ้องมองแผ่นหลังขององค์ชายซอลมินด้วยแววตาที่เอ่อล้นด้วยน้ำตาจนเขาได้หายออกไปจากลานพิธีโดยไม่แม้แต่จะหันมองนางตั้งแต่วินาทีแรก ยันวินาทีสุดท้าย ถึงแม้ว่าคังอียูจะไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ นางก็ยังได้เป็นพระชายาอยู่ดี ใจร้ายเสียจริง องค์ชาย.....
“อ่อนแอเสียจริง”
“ดาจอง!”
คิมดาจองก้าวเท้าเข้ามาหาคุณหนูจินมุนอาเมื่อเห็นว่านางกำลังตัวสั่นเทาเป็นลูกนกท่ามกลางผู้คนมากมาย อดีตว่าที่พระชายาทั้งสองมองหน้ากันอย่างไม่ชอบหน้านัก แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความผิดหวังลึกๆไม่ต่างกัน
“ถ้าคิดว่านี่เป็นจุดจบ เชิญเจ้าออกจากวังไปเสีย”
“เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน?”
“แม้ว่าข้าจะไม่ถูกเลือก ใครสนกันหละ นางเป็นพระชายาได้อย่างไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้ ข้าไม่มีทางยอมรับ”
“ถึงอย่างนั้น นางก็เป็นพระชายาแล้วเจ้าก็ได้ยินที่องค์รัชทายาทรับสั่ง ยังมีอะไรที่เจ้าทำได้อย่างนั้นหรือดาจอง?”
“ข้ามีแน่นอน แต่คงไม่มีสำหรับคนอ่อนแอเช่นเจ้า”
“เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?!”
ดาจองยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัยก่อนจะเยื้องย่างผ่านหน้ามุนอาและนางในรับใช้ของอีกฝ่ายไปโดยที่ไม่พูดอะไร ปล่อยให้มุนอายืนงงในคำด่าและความอวดดีนั้นของนางต่อไป
คุกหลวงชั้นใต้ดิน.
พรึบ!
“.....!”
ทหารเวรยามสองคนเห็นว่ามีคนที่กำลังเดินดุ่มๆ ตรงมายังห้องกุมขังของอัครมหาเสนาบดีคัง แม้ว่าจะเป็นถึงองค์รัชทายาทด้วยหน้าที่ทั้งสองจึงยื่นแขนไขว้หอกยาวกั้นขวางหน้าองค์ชายเอาไว้
“หลีกทางไป”
“ขออภัยพะยะค่ะองค์ชาย กระหม่อมไม่สามารถให้องค์ชายผ่านประตูเข้าไปได้”
“พวกเจ้ากล้าขวางข้าอย่างนั้นหรือ?”
“พะยะค่ะองค์ชาย”
“......!”
ทหารทั้งสองนายไม่แม้แต่จะมองหน้าของร่างสูงของซอลมินจึงไม่สามารถรู้ได้เลยว่าตอนนี้เขาทำสีหน้าอย่างไร
หมับ!! กึกๆ
มือหน้าเอื้อมไปจับด้ามหอกหวังใช้แรงกระชากให้ทั้งสองคนเปิดทางออก แต่ขันทีชองดันเข้ามาแทรกขวางเขาเอาไว้อีกคน
“เรากลับกันก่อนเถอะพะยะค่ะองค์ชาย กระหม่อมไม่อยากให้เกิดเรื่องร้ายแรงไปมากกว่านี้แล้ว”
“....”
ขันทีชองที่รู้อยู่แก่ใจว่านี่ไม่เข้าท่านักหากจะฝืนเข้าไปทั้งที่ยังมีความผิดติดตัวมาสดๆร้อนๆ ซอลมินถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างหัวเสียแต่ก็ยอมหมุนตัวเดินกลับตามที่ขันทีชองบอก
“เดินไป!!”
“....!!!!”
ท่ามกลางความมืดและหนาวเหน็บอียูถูกมัดมือด้วยเชือกพร้อมกับผ้าปิดตาตามตัวมีบาดแผลจากเหตุการณ์เกี้ยวคว่ำ มีเสียงขูให้นางเดินไปข้างหน้าทั้งที่มองไม่เห็นสิ่งใดดังมาเป็นระยะ
เวลาร่วงเลยมานานเท่าไรไม่รู้ได้ที่แยกจากจีมินกับจีซู ทั้งสองคนจะเป็นอย่างไร ตอนนี้ไม่กล้าที่จะคิดอะไรทั้งสิ้น นี่เราจะมาจบชีวิตลงแบบนี้อย่างนั้นหรือ?..
“หยุดตรงนี้”
เสียงกระซิบจากใครสักคนดังขึ้นพร้อมกับมือหน้ากระชากร่างเล็กให้หลบไปด้านหลังของเงาพุ่มไม้ใหญ่
“พวกเจ้าจะทำอะไร?!!”
“เอาเชือกมัดปากนางซะ!”
“ขอรับนายท่าน!!”
“ไม่นะ อย่าเข้ามานะ!!”
หมับ! ควับ!!
ไม่ทันขาดคำปากเล็กๆ ก็ถูกเชือกหนาปิดบังจนไม่สามารถพูดอะไรได้อีก ความกลัวเข้าครอบงำจนไม่สามารถหยุดน้ำตาที่ไหลนองอาบสองข้างแก้มไว้ได้
ฟิ่ววว~ชึบ!!
“อึก!!!”
ตุบ!
ท่ามกลางคงามมืดลูกธนูของใครบางคนพุ่งแทรกผ่านสายลมจนเกิดเป็นเสียงปักเข้ายังกลางอกชายที่กำลังจับกุมอียูอย่างจัง ร่างกำยำล่วงลงพื้นในทันที
“หมอบลง!!”
“...!!”
ผู้ที่ถูกเรียกว่า นายท่าน ตะโกนบอกคนที่เหลือให้หมอบลงด้วยน้ำเสียงและท่าทีไม่ดีนัก เพราะเขาไม่สามารถระบุตำแหน่งตัวของคนที่ยิ่งธนูเข้ามากลางวงได้
หมับ!! ฟรึบ!!
“อื้ออออ!!!”
อียูที่ยืนอยู่ท่ามกลางความมืดและไม่สามารถเข้าใจได้ถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นถูกใครบางคนกระชากให้กลับเข้าไปในพุ่มไม้อีกรอบ
“ชู่ววววว!!”
“..!!”
เสียง ชู่ววว ที่ส่งฝ่านข้างหูทำเอาขนแขนลุกซู่แต่ถึงอย่างนั้น อียูก็ยอมที่จะนั่งนิ่งแต่โดยดี ใบหน้านั้นอยู่ใกล้เพียงเสียงลมหายใจแต่ข้าไม่สามารถมองเห็น เพราะมีผ้าปิดตาเอาไว้
ซึบ!!!
ไม่นานนักเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นอีกระรอบ เสียงดาบกระทบกันดังระงมทั้งเสียงร้องตะโกนโหวกเหวก อียูทำได้เพียงนั่งขดตัวหลังพิงกับต้นไม้ใหญ่ตัวสั่นสะท้าน
“อ๊ากกก!!!”
กำลังมีคนตาย เสียงร้องที่กำลังจะขาดใจ ทั้งกลิ่นคาวเลือดลอยมาไม่ขาดสาย เพียงไม่กี่อึดใจเสียงฝีเท้าไม่ต่ำกว่าสิบคนก็สงบลง
มันจบแล้วสินะ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าควรจะไว้วางใจในเมื่อการต่อสู้ของสองฝ่ายจบลง สิ่งต่อมาที่จะเกิดขึ้นคืออะไรข้าไม่อยากรับรู้
แกร๊ก!!
หมับ!
ยังไม่ทันจะขยับไปไหนเสียงฝีเท้าหนักๆของใครบางคนเหยีบเศษกิ่งไม้แห้งๆ อียูถึงกับหยุดนิ่งไปทั้งอย่างนั้น เพราะเสียงนั้นใกล้ราวกับอยู่ตรงหน้าข้าอย่างไรอย่างนั้น
พรึบ!
“......!!!”
“สวัสดี ^__^)”