03
—————————
16 ปีที่แล้ว
พายุในวัย 12 ปี เขารับรู้การทะเลาะของพ่อแม่มาตลอดและรู้ว่าพ่อของเขาเลี้ยงดูใครอีกคน จนวันที่แม่เขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุที่เขาคิดว่ามีคนจงใจ มันไม่ใช่อุบัติเหตุเป็นแน่ และทุกๆ อย่างในบ้านก็เปลี่ยนไป เมื่อพ่อพาใครเข้ามาอีกคนพร้อมเด็กผู้หญิงวัย 5 ขวบ หน้าตาจิ้มลิ้มน่าเอ็นดู
“พายุ พายุอยู่ไหนลูก” เสียงชายหนุ่มเอ่ยเรียกหาลูกชายตัวเอง
“ครับพ่อ...”
“...ใครอ่ะครับ” เด็กหนุ่มทักถามผู้เป็นพ่อ
“นี่แม่น้ำตาล แม่เขาจะมาอยู่บ้านเดียวกับเราและนี่น้องน้ำขิง จะมีน้องสาวกับเขาแล้ว ดีใจไหม” ภาคภูมิเดินไปจับไหล่ลูกชาย
“...” พายุเงียบมองหน้าผู้หญิงคนใหม่ของพ่อก่อนจะก้มมองเด็กน้อยตาเข้ม
“เป็นไรไป...ยุบ่นอยากได้น้องไม่ใช่เหรอ พ่อพาน้องมาให้แล้วนี่ไง” ภาคภูมิถามต่อเมื่อเห็นแววตาเกรี้ยวโกรธของลูกชาย
“ไม่!! เด็กนี่ไม่ใช่น้องผมและผมก็มีแม่ปิ่นมุกเพียงคนเดียว” พูดจบเด็กหนุ่มสบัดไหล่จากการเกาะกุมและเดินหนีขึ้นห้องตัวเองทันที
หลังจากวันนั้นมาทุกอย่างในบ้านก็ไม่สงบสุขเหมือนเคย พายุทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้สองแม่ลูกอยู่ในบ้านอย่างมีความสุข จนในที่สุดน้ำตาลตัดสินใจส่งน้ำขิงลูกสาวคนเดียวของเธอไปอยู่กับยายที่ภูเก็ตและไม่ให้กลับมาบ้านหลังนี้อีกเลย
.
.
.
@ห้องนอนน้ำขิง
“ซวยจังเลย กลับมาวันแรกก็เจอไอ้บ้านั่นแล้ว” น้ำขิงบ่นออกมาทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องนอนตัวเอง
“ไหนแม่บอกหมอนั่นนานๆ ทีกลับบ้านไง” ใช่แม่ของเธอบอกคุณพายุไรนั่น นานๆ จะกลับแต่นี่เธอมาอยู่ได้วันเดียวเขาก็มาบ้านทันที
ดวงจะสมพงอะไรขนาดนั้น จริงๆ เธอไม่ได้อยากมาอยู่บ้านหลังนี้เลย ใหญ่ก็จริงแต่หาความสุขไม่ได้เลย เพราะต้องมาฝึกงานที่กรุงเทพและยังหาที่พักไม่ได้เลยจำใจต้องมาอยู่ที่นี่ไปก่อน ความจำเป็นล้วนๆ
“เห้อ!”
น้ำขิงถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายเมื่อนึกถึงผลที่จะตามมาทางที่ดีเธอเองควรจะหาที่พักใหม่ให้เร็วที่สุดเพราะเธอเองก็ไม่อยากวุ่นวายกับคฤหาสน์หลังนี้อีกเช่นกัน
.
.
.
-รุ่งเช้า-
พายุเดินผ่านห้องอาหารที่มีพ่อและแม่เลี้ยงแถมวันนี้ยังมีลูกเลี้ยงที่ห้อยติดมาด้วย คงมีความสุขมากสิน่ะที่มาเป็นมารในบ้านของเขาได้
“พายุ เข้ามาหาพ่อก่อน” ภาคภูมิเมื่อเหลือบไปเห็นลูกชายก็เอ่ยเรียกทันที
“...” พายุยืนนิ่งก่อนจะเดินต่อ
ทว่า...
“คุณหนู คุณท่านเรียกเข้ามาด้านในก่อนสิคะ” ละอองที่ไม่อยากเห็นพายุผิดใจไปมากกว่านี้ก็ยอมเรียกพายุไว้ จนชายหนุ่มปฏิเสธที่จะเดินต่อไม่ได้เลยยอมจำใจหมุนตัวกลับมายังห้องอาหาร
“นั่งก่อนสิ” ชายวัยกลางคนกล่าวขึ้น
“ไม่ครับ ผมรีบ” พายุปฏิเสธทันที
“อ่ะนี่น้องน้ำขิง จำได้ไหม” ภาคภูมิชี้ไปทางหญิงสาวร่างบางที่นั่งตรงข้ามแม่ตัวเอง
“จำไม่ได้และเป็นต้องจำ” เขาตอบกลับเสียงแข็งก่อนจะเหลือบมองด้วยหางตา
“ไอ้ยุ!!” ภาคภูมิตะคอกเสียงดังอย่างไม่พอใจกับคำพูดลูกชาย
“คุณคะ อย่าเสียงดังเดียวอาการจะกำเริบอีก” น้ำตาลเอ่ยบอกสามีไม่ให้ขึ้นเสียงใส่พายุ
“น้องจะอยู่บ้านเราชั่วคราวระหว่างฝึกงาน แกคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม”
“นี่มันบ้านพ่อ มันเป็นสิทธิ์ของพ่ออยู่แล้ว”
“เราจะคุยกันดีๆ ไม่ได้เลยใช่ไหม” ภาคภูมิเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาป่นเศร้า
“เมื่อไหร่ที่สองแม่ลูกนี่ออกไป เราค่อยมาคุยกัน” พายุพูดเสร็จก็เดินออกไปทันทีโดยไม่หันมามองผู้เป็นพ่ออีกเลย
“ดูมันพูดสิ ไอ้ลูกคนนี่” เขาได้แต่ส่ายหน้าเอื้อมระอา
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ สักวันพายุเขาต้องรับฉันกับลูกได้” น้ำตาลพูดปลอบใจสามีทั้งที่ในใจรู้ดีว่าไม่มีวันนั้น
“ต้องขอโทษหนูน้ำขิงด้วย มาวันแรกก็เสียบรรยากาศเเล้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขิงเข้าใจ เดี๋ยวถ้าหาที่อยู่ได้ขิงจะย้ายทันที”
“อยู่ที่นี่แหละ นานๆ จะได้อยู่กับแม่เหมือนคนอื่นเขา”
น้ำขิงไม่พูดอะไรได้แต่ยิ้มรับคุณภาคภูมิ คนที่มีบุญคุณกับเธอและแม่มาก ถึงแม้ลูกชายของเขาจะรับในตัวแม่ของเธอไม่ได้ก็ตาม...
Next ep.
“หนูน้ำขิง มาทางนี่จ้ะ...”
“...เดี๋ยวเจ้จะพาไปรู้จักท่านประธาน”
———————————
ฝากกดติดตามกดไลก์ด้วยนะคะ
🙏