“เขาพูดอย่างนั้นเหรอ ถ้าใครเปิดหีบนี้ได้คือเจ้าของ?” อักษราภัคพิจารณาที่ลวดลายของหีบด้วยความสนใจ ตลอดเวลาที่ศึกษาเรื่องวัตถุโบราณมาไม่เคยเห็นลายอะไรเช่นนี้มาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ใช่เขาว่าอย่างนั้น ชอบเหรอเห็นจับไม่วางเลย” บุษกรยิ้มทราบดีอยู่แก่ใจว่าเพื่อนรักจะต้องชอบเป็นแน่ เธอรู้จักอักษราภัคมานานแค่มองตาก็รู้ใจแล้วโดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากอะไรออกมา
“สวยดีแปลกตา ไม่รู้ทำไมวางไม่ลงเหมือนกัน” อักษราภัคยอมรับตามความเป็นจริง เธอรู้สึกว่าหีบนี้มีแรงดึงดูดตั้งแต่แรกเห็น
“เอากลับไปสิ”
“อะไรนะบัว?”
“บอกว่าเอากลับไปด้วย แล้วก็ไปนั่งคิดนอนคิดมาให้ด้วยว่าจะเปิดหีบนี้ได้อย่างไร ฉันอยากจะรู้ว่าของข้างในมันมีอะไร ว่าแต่หิวข้าวหรือยังหาอะไรกินกันมั้ย ท่าทางวันนี้คุณยายจะทำไว้เยอะนอกไปจากขนมของโปรดของแก มาสิไปหาของกินที่ครัวกัน”
อักษราภัคพูดคุยหัวเราะและรับประทานข้าวเย็นอย่างสนุกสนาน กว่าที่หญิงสาวจะขับรถมาถึงที่คฤหาสน์ของดนัยก็เป็นเวลาค่ำแล้ว ทันทีที่จอดรถเธอก็เดินเข้าไปในบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แต่เมื่อเห็นบิดายืนมองมาเงียบๆ ก็ให้รู้สึกสงสัยเพราะทราบดีว่าท่านไม่มีทางมาคอยเธอที่หน้าบ้านแน่ ถ้าเป็นจันทร์ก็ไม่แปลก
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ”
“กลับมาแล้วเหรอ” ดนัยเอ่ยทักเสียงขรึมใบหน้าเคร่งเครียด
“เลิกงานแล้วไปบ้านบัวมานะคะ อยู่กินข้าวเย็นก็เลยกลับดึก” อักษราภัครีบอธิบายไม่อยากให้ดนัยหงุดหงิดว่าทำไมเธอถึงกลับบ้านผิดเวลา หญิงสาวไม่ได้โทรศัพท์มาบอกเพราะไม่คิดว่าเขาจะอยู่ที่บ้าน เพราะปกติดนัยมีงานเลี้ยงไปโน่นไปนี่ตลอดเวลา อักษราภัคร่วมโต๊ะอาหารกับบิดาไม่เกินสามครั้งต่อเดือนแทบไม่ได้ทานข้าวด้วยกันเลยก็ว่าได้
“อืม มานีสิพ่อมีเรื่องจะพูดด้วย” ดนัยพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้ซักต่ออะไรมากมาย หันหลังกลับเดินนำไปข้างหน้าโดยมีอักษราภัคเดินตามไปติดๆ
หญิงสาวเดินตามบิดามาถึงที่ห้องทำงานของท่าน เมื่อเข้ามาข้างในห้องก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกเพราะไม่ทราบว่าบิดาต้องการหรือกำลังจะพูดเรื่องอะไรกับเธอ
“นั่งลงสิภัค”
“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ” อักษราภัคนั่งลงไปบนเก้าอี้ ก้มหน้าลงมองนิ้วมือตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองไม่ควรจะเป็นแบบนี้ ไม่น่าที่จะอึดอัดเวลาอยู่ใกล้ผู้ให้กำเนิด แต่ทำไมเธอถึงได้รู้สึกเหมือนกับว่าเธอไม่รู้จักบิดาของตัวเอง แล้วท่านล่ะรู้จักผู้เป็นบุตรสาวอย่างเธอบ้างหรือไม่ หรือว่าต่างคนต่างก็ไม่รู้จักซึ่งกันและกัน
“พ่อมีเรื่องบางอย่างจะพูดกับภัค” ดนัยเหลือบมองบุตรสาวคนเดียวเพียงแวบเดียว เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังก้มหน้ามองตักตัวเองก็ถือโอกาสพูดต่อถึงเรื่องที่เขาตั้งใจเอาไว้
“คราวที่แล้วนัดแล้วพลาดไม่ได้เจอกันเพราะว่าที่คู่หมั้นของเรามีธุระด่วนต้องไปทำกะทันหัน เขามาบอกพ่อแล้ว”
“ค่ะ” อักษราภัคยังคงนั่งก้มหน้าเหมือนเดิม ทั้งที่อยากจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วบอกกับบิดาว่าเธอได้บอกกับเขาไปแล้ววันนั้นว่าไม่ใช่ความผิดของเธอที่ไม่ได้เจอหน้ากับว่าที่คู่หมั้น เพราะเธอไปนั่งรอเขาแล้วจนเขาปิดร้าน แต่เขาคนนั้นไม่ได้มาเอง จะให้เธอไปตามก็ไม่ทราบว่าจะไปตามที่ไหน เพราะแม้แต่หน้าก็ไม่รู้จัก
“พ่อกับเขาก็เลยตกลงกันว่าจะให้ภัคลางานเพื่อไปเจอกับเขาที่บ้านพักที่อยุธยา”
“อยุธยา? ไปวันไหนคะ?” อักษราภัคสบตากับบิดาเป็นครั้งแรกด้วยความตื่นตระหนก บิดาของเธอทำแบบนี้เหมือนกับว่าเธอเป็นสิ่งของชิ้นหนึ่งที่อยากจะเอาไปประเคนให้เขาถึงที่เลยหรืออย่างไรกัน แล้วแบบนี้เมื่อเขาเห็นหน้าเธอเขาจะรู้สึกว่าเธอง่ายไปหรือไม่?
“ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ต้องภายในอาทิตย์นี้”
“อาทิตย์นี้ คุณพ่อคะ แต่นี่มันก็วันอังคารเข้าไปแล้ว ถ้าไม่บอกกันล่วงหน้าภัคจะขอที่มหาวิทยาลัยได้อย่างไรกัน” อักษราภัคโต้แย้งขึ้นมาทันที เธอมีหน้าที่การงานและมีภาระที่ต้องทำ ไม่ใช่ตัวเปล่าเล่าเปลือยไม่มีพันธะที่จะไปไหนก็ไปโดยที่ไม่ต้องแคร์คนที่อยู่รอบข้าง”
“ทำให้ได้แล้วกัน คราวนี้อย่าให้พลาดอีก ออกไปได้แล้วพ่อจะทำงาน” ดนัยพูดตัดบทอย่างเฉียบขาด ก้มหน้าก้มตาทำงานบนโต๊ะไม่ให้ความสนใจกับอักษราภัคอีกต่อไป ทำให้หญิงสาวต้องจำยอมเดินออกไปจากห้องทำงานของเขาโดยที่ไม่โต้แย้งอะไรออกมา ทั้งที่ในใจสับสนและมีคำถามมากมายที่ต้องการคำตอบ
อักษราภัคเดินทางไปทำงานในวันรุ่งขึ้นและทำเรื่องพักร้อนอย่างที่บิดาต้องการโชคดีที่เป็นช่วงที่มหาวิทยาลัยกำลังจะปิดภาคไม่อย่างนั้นการขอลาหยุดพักร้อนของเธอคงจะกระทบกับคนอื่นอย่างแน่นอน
หญิงสาวเดินทางไปอยุธยาและไปรอว่าที่คู่หมั้นอยู่ที่วัด พนัญเชิงวรวิหาร รออยู่อย่างนั้นชะเง้อคอไปมาก็รู้สึกว่าคนผู้นี้ยังไม่มาสักที หรือว่าเขาจะทำกับเธอเหมือนกับในวันที่นัดไปเจอที่ห้องอาหารในโรงแรม ที่อักษราภัครอจนห้องอาหารปิดเขาก็ยังไม่ปรากฏตัวสักที แต่ว่าชายหนุ่มคนนี้จะทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไรกัน? ถ้าเขาไม่พอใจไม่อยากแต่งงานแล้วมาสู่ขอกับบิดาของเธอทำไม หรือว่าจริงๆ แล้วเขาไม่ได้มาขอกับท่าน แต่เป็นบิดาของเธอเองที่ยัดเยียดให้เขาใช่ไหม?
เมื่อคิดได้ดังนี้อักษราภัคก็หน้าซีดแทบไม่มีสีเลือด ยกมือขึ้นทาบอกแข้งขาอ่อนแรงเหงื่อไหลผุดขึ้นเป็นเม็ดๆ ที่หน้าผาก กลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากเย็น ถ้าเกิดเรื่องราวเป็นอย่างที่เธอคาดการณ์จริงๆ แล้วถ้าได้พบหน้ากับเขาคนนั้น จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เขาจะมองเธอว่าเป็นเพียงสินค้าหรือของขัดดอกที่ไม่ได้ต้องลงทุนลงแรงอะไรก็ได้มาฟรีๆ หรือเปล่า
อักษราภัค (Reincarnation) อีบุ๊กพร้อมให้ดาวน์โหลดที่เว็บเมพแล้วนะคะ