แผ่นดินอยุธยาสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสรรเพชญบ้านเรือนและไพร่ฟ้าภายใต้พระบารมีอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุขเต็มไปด้วยความเจริญรุ่งเรืองนานัปการประกอบกับศิลปะการดนตรี วรรณกรรมและประเพณีต่างๆ กำลังเฟื่องฟูถึงที่สุด มองไปทางไหนต่างก็เต็มไปด้วยความรื่นรมย์ยิ้มแย้มแจ่มใส ผู้คนเป็นสุขกันถ้วนหน้าเพราะบ้านเมืองสงบไร้ซึ่งศึกสงคราม
ข้าราชบริพารที่รับราชการภายในวังต่างก็เต็มไปด้วยคนที่มีฝีมือและความสามารถ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘สามเกลอ’ ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานจนเป็นที่หน้าจับตามอง อันได้แก่ ออกญาไกรเทพราชภักดีพิริยะวงศ์ พระยาศรีเทพสุริยาธิบดีเดโชไชย และพระยาพิชิตพลไชยชาญเดชะชาติ ซึ่งทั้งสามต่างก็เป็นสหายสนิทที่ร่วมทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาเป็นเวลานาน พวกเขาคบกันมาหลายเพลา แม้ว่าจะมีอุปนิสัยที่ต่างกันไม่น้อยทีเดียว
ออกญาไกรเทพราชภักดีพิริยะวงศ์นั้นมีชื่อในเรื่องของการรบสมเป็นชายชาติทหาร มีอุปนิสัยที่เด็ดเดี่ยวเงียบขรึมและไม่ค่อยช่างจำนรรจานัก พูดน้อยที่สุดในบรรดาเพื่อนเกลอ ส่วนพระยาศรีเทพสุริยาธิบดีเดโชไชยเป็นคนที่มีธรรมมะอยู่ในหัวใจรักสหายและรักความยุติธรรมเป็นยิ่งนัก คนสุดท้ายคือพระยาพิชิตพลไชยชาญเดชะชาติ เป็นคนที่ฉลาดเฉลียวมีปฏิภาณไหวพริบชั้นยอดนักวางแผนชั้นเลิศและเป็นนักรักเจ้าคารมตัวยง ด้วยความที่ทั้งสามยังหนุ่มยังแน่น และประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน จึงมีหลายบ้านหมายปองที่จะยกบุตรสาวให้ แต่ทั้งสามก็ยังมิได้หมายตาแม่หญิงคนใดเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งออกญาไกรเทพราชภักดีฯ จนมีหลายคนคิดว่าบางทีอาจจะสละทางโลกมุ่งสู่ทางธรรมในวันข้างหน้า
ในค่ำคืนวันหนึ่งลมโชยอ่อนๆ จิ้งหรีดเรไรส่งเสียงร้องระงม พระยาพิชิตพลไชยชาญเดชะชาติกำลังพักผ่อนอยู่ในเรือนพักหลังจากที่ออกตรากตรำว่าราชการอย่างเหน็ดเหนื่อยในวังหลวงมาทั้งวัน แต่แล้วก็ตื่นขึ้นมากลางดึกเมื่อฝันประหลาดพิศวงจนเหงื่อแตกท่วมตัว ต้องออกมาเดินเล่นที่ชานหน้าเรือนเพื่อดับร้อน กว่าที่จะข่มตาให้หลับลงได้อีกครั้งหนึ่งก็เป็นเวลาเกือบรุ่งสางท้องฟ้าเกือบเปิดอีกครั้ง
เมื่อตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่พระยาพิชิตพลไชยชาญเดชะชาติ ก็รีบสั่งบ่าวไพร่ให้เตรียมของตักบาตรเพราะต้องการทำบุญสะเดาะเคราะห์ชะล้างใจไม่ให้หม่นหมอง เคราะห์ร้ายหรือมนต์ดำที่ต้องการเข้าครอบครองทำร้ายจักได้สูญสิ้นไปเพราะบารมีของพระพุทธเจ้าปกป้องรักษา
ชายหนุ่มนั่งเรือที่มีฝีพายพายออกไปที่แม่น้ำใหญ่เพื่อนิมนต์พระสงฆ์ที่แจวเรือออกมาจากวัดจงกลมที่ต้นน้ำ มีความประสงค์ที่จะใส่บาตรทุกองค์จนครบและของที่เหลือก็จะเอาไปแจกจ่ายให้กับเด็กหรือผู้คนที่อาศัยอยู่ริมน้ำถือเสียว่าเป็นการทำบุญและทำทานในเพลาเดียวกัน
“ท่านเจ้าคุณจะไปไหนต่อไหมขอรับ?”
“ฉันอยากจะไปวัดไปเข้าพบหลวงตา เมื่อคืนฝันไม่ดีบางทีท่านอาจจะช่วยตีความฝันให้ได้ ล่วงรู้เอาไว้บ้างจักได้ป้องกันภัยจัญไรที่จะคืบคลานเข้ามา”
“ตามบัญชาขอรับท่านเจ้าคุณ”
เรือของพระยาพิชิตพลไชยชาญเดชะชาติเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ ตามลำน้ำเพื่อมุ่งตรงไปยังวัดที่ตั้งอยู่ชานเมืองออกไป แต่แล้วเมื่อเห็นช่อฟ้าใบระกาอยู่ไม่ไกลออกไปนักฝีพายก็ต้องหยุดกะทันหันเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายเบื้องหน้า ซึ่งทำให้พระยาพิชิตพลไชยชาญเดชะชาติเลิกผ้าม่านขึ้นมาดูด้วยความแปลกใจ
“เกิดกระไรขึ้นฤๅ?”
“เหมือนเรือข้างหน้ากำลังจะล่มนะขอรับ”
“แล้วมีใครลงไปช่วยหรือยัง?” พระยาพิชิตพลไชยชาญเดชะชาติเอ่ยขึ้นด้วยความเดือดเนื้อร้อนใจ กระวนกระวายยิ่งเมื่อเห็นว่ามีแต่คนมุงดูแต่ยังไม่มีใครว่ายเข้าไปช่วยก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงยิ่งนัก รีบผุดลุกขึ้นมายืนบนเรือ
“ท่านเจ้าคุณขอรับระวังด้วยเรือโคลงแล้ว เกรงว่าจักพลิกคว่ำได้”
“ช่างมันเถอะเรื่องนั้น คนจักตายต่อหน้าอยู่แล้วจะห่วงอะไรกับแค่เรือพลิกคว่ำ ทำไมไม่มีคนลงไปช่วย หรือคนกรุงศรีฯ สิ้นแล้วซึ่งน้ำใจ”
“ท่านเจ้าคุณขอรับเกรงว่าถึงอยากจะช่วยก็คงช่วยไม่ได้เพราะเรือลำนั้นมีแม่หญิงอยู่ เกรงว่าจักเป็นเรื่องไม่เหมาะสมเงาหัวจะขาด เป็นการขัดประเพณีที่ไม่ควรกระทำให้เป็นเยี่ยงอย่าง”
“เหลวไหล หลีกไปใครไม่ช่วย แต่ข้าจักช่วยนางเอง” พระยาพิชิตพลไชยชาญเดชะชาติไม่ฟังเสียงทัดทานของบ่าวไพร่รีบกระโจนลงไปในน้ำแล้วรวบตัวของหญิงสาวนางหนึ่งที่กำลังจะจมดิ่งลงไปใต้น้ำจับลากขึ้นมาบนฝั่งได้อย่างปลอดภัยโดยมีเหล่าผู้ติดตามของนางที่ยืนหน้าซีดอยู่ตรงนั้นเนื่องจากไม่มีใครที่กล้าจะลงไปช่วยเพราะไม่กล้าอาจเอื้อมถูกตัวท่านหญิงให้เกียรติของนางมัวหมอง
“เป็นอย่างไรบ้างออเจ้า รู้สึกตัวหรือไม่?” พระยาพิชิตพลไชยชาญเดชะชาติตบไปที่ใบหน้าซีดเซียวเบาๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีอาการตอบรับกลับมาก็รีบจับตัวนางขึ้นมาเขย่าทำให้สำลักน้ำท่ามกลางทุกคนที่มองตามภาพเหตุการณ์ที่เห็นแจ้งประจักษ์ตรงหน้าด้วยความตกตะลึงอ้าปากหวอกันเป็นแทบเพราะภาพเบื้องหน้าที่พวกเขาเห็นกันนั้นเป็นภาพที่พระยาพิชิตพลไชยชาญเดชะชาติประหนึ่งกำลังกอดกับสาวน้อยนิรนามกลางวันแสกๆ ใกล้ชิดเนื้อแนบเนื้อเย้ยผีสางนางไม้ต่างหากช่างผิดประเพณียิ่งนัก แล้วฟ้าจะผ่าหรือไม่!
"เมื่อแรกพิจสบหน้าระคนคิด
อุราหวั่นสั่นไหวให้ตรึงติด
ใจแทบสลายห่วงเจ้านางคนึงนิจ
จิตประหวั่นน้องยาจักไม่ฟื้นคืนมา”
สายไหม
Copyright © All rights reserved. ห้ามคัดลอกดัดแปลงเนื้อหาในนิยายเรื่องนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานและบ้านเลิฟ การ์เด้นนะคะ ไม่เช่นนั้นจะถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ผลงานอีบุ๊กของไหมทุกเรื่องดาวน์โหลดที่เมพได้เลยค่ะ