“มีสารจากองค์ชาย ถึง คุณหนูคังอียู”
“...!!”
อียูกำลังใช้ตะเกียบคีบอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ต้องหยุดชะงักลงทันทีเมื่อมีใครบางคนยืนตะโกนอยู่หน้าประตู จีมินจึงรีบวิ่งไปเปิดประตู
“......”
เมื่อประตูเปิดออกขันทีเจ้าของเสียงส่งยื่นซองจดหมายให้แก่จีมิน ก่อนจะหันมายิ้มแล้วก้มหัวให้กับอียูที่นั่งตาแป๋วอยู่ภายในห้อง
ปึง!
จีมินปิดประตูลงเมื่อขันทีเดินกลับไป
“นี่เจ้าค่ะ คุณหนู”
“อะไรหรอ?”
อียูรับซองจดหมายจากจีมิน แล้ววางไว้ที่โต๊ะหนังสือข้างๆ อย่างไม่ได้สนใจมากนัก แต่กลับให้ความสนใจกับสำรับอาหารต่อ นางในทั้งสองหันมองหน้ากันด้วยสีหน้ายิ้มแหยๆ
“คุณหนูจะไม่เปิดอ่านหน่อยหรือเจ้าคะ?”
“ข้ากินอยู่นะจีซู จะอ่านได้ยังไง”
“ขออภัยเจ้าค่ะ!!”
อียูตอบกลับด้วยท่าทางหงุดหงิดใจ แต่เมื่อเห็นว่าท้งสองคนหน้าหงอยลง ตนจึงต้องกัดเม้มริมฝีปากตนอย่างรู้สึกผิด
ฟึบ!!
“ก็ได้”
“...!!!”
มือเล็กวางตะเกียบลงก่อนจะเอื้อมไปหยิบซองจดหมายนั่นมาถือไว้ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นทั้งสองจึงกระเถิบเอาหน้าเข้ามาใกล้ จนอียูต้องเหลือกตามองอย่างรู้ทัน
“แฮร่. ขออภัยเจ้าค่ะ!!”
“....”
นางในตัวแสบทั้งสองจึงค่อยๆ กระเถิบถอยห่างออกไปในที่ของตนอย่างว่าง่าย เมื่อเห็นอย่างนั้นใบหน้าของอียูจึงผุดรอยยิ้มขึ้นอย่างพออกพอใจแล้วหันกลับมาหยิบจดหมายออกจากซอง
“หืมมม...”
‘ช่วงบ่ายของวันนี้ ออกมาพบข้าที่ศาลาดอกบัว’
“......”
มือเล็กปิดกระดาษลงพร้อมสีหน้าหนักใจ นี่เราจะได้พบองค์ชายเป็นครั้งแรกสินะ ทำไมอยู่ๆ ก็รู้สึกตื่นเต้น เป็นเพราะกำลังจะได้พบองค์รัชทายาทแบบตัวเป็นๆไม่ใช้เสียงลือเสียงเล่าอ้างอย่างที่ผ่านมา
“จีมินจีซู”
“เจ้าค่ะ?”
“ศาลาดอกบัว. อยู่ที่ไหนหรอ?”
“ไม่ไกลจากพระตำหนักขององค์ชายนะเจ้าคะ เป็นศาลาที่สวยงามอยู่ท่ามกลางสระบัวเจ้าค่ะ”
“อืมมม”
“คุณหนูอยากไปหรือเจ้าคะ?”
“ไม่ใช่อยากไปหรอก แต่ต้องไปมากกว่า”
“...!!!!”
อียูทำหน้ามุ่ยพรางชี้นิ้วไปที่ซองจดหมาย ทั้งสองทำหน้าตกใจหันมองหน้ากันด้วยอาการเลิกลักพอสมควร นั่นทำให้อียูเหล่ตามองอย่างจับผิด
“ทำไมช่วงนี้พวกเจ้าดูแปลกๆ?”
“มะ ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยเพคะ!!”
“เพคะอะไรกัน ข้ายังไม่ได้เป็นพระชายาซะหน่อย”
“อะ เอ่ออออ!!!! เจ้าค่ะ!!”
“บอกข้ามา ว่าพวกเจ้ามีอะไรปิดบังข้าอยู่ใช่หรือไม่?”
“มะ ไม่มีเจ้าค่ะ!!!”
จีมินและจีซูทำหน้าตาเหลอหลา รีบก้มหัวมุดๆ ลงพื้นทนที อียูได้แต่ถอนหายใจ ถามไปก็เท่านั้น เพราะก็คงไม่ได้คำตอบอยู่แล้ว ข้าเข้าใจว่าบางเรื่องคนเราก็พูดออกไปไม่ได้ เรื่องนั้นข้ารู้ดี แต่พวกเจ้าสองคนนี่ไม่เนียนเสียจนข้าอดใจที่จะถามไม่ได้
“ป๊ะ ไปศาลาดอกบัวกันเถอะ”
“ตะ ตอนนี้หรือเจ้าคะ?!”
“อื้อ”
ถึงนี่จะยังเช้าไป แต่จากที่ฟังดูแล้วมันจะต้องเป็นสถานที่ที่สวยน่าดู ข้าอยากจะไปนั่งเล่นผ่อนคลายให้เบาสมองรอองค์ชายไปพรางๆ จะได้ไม่เสียเที่ยว
“เร็วหน่อยสิ ข้าไม่รอแล้วนะ~~”
อียูลุกขึ้นวิ่งดุ๊กดิ๊กตรงไปรอที่ประตูบานใหญ่เมื่อทั้งสองเห็นอย่างนั้นจึงรีบกุลีกุจอเก็บสำรับในทันที
“รอก่อนเจ้าค่ะคุณหนู!!”
“คุณหนูอย่าแกล้งกันแบบนี้สิเจ้าคะ!!”
ระหว่างทางไปศาลาดอกบัวที่ว่า ขาทั้งสองข้างของอียูต้องหยุดชะงักลง เพราะระหว่างที่กำลังเดินสายตาอันแหลมคมก็ไปสะดุดเข้ากับใครบางคนซึ่งถ้าจำไม่ผิด ก็คงเป็นหนึ่งในว่าที่พระชายาเหมือนกันกับข้า กำลังเดินไปพร้อมกับนางในติดตามสองคน
“คุณหนู จินมุนอา นี่เจ้าคะ!?”
“เจ้ารู้ด้วยหรือ?”
อียูหนัไปถามจีมินที่ยืนถือร่มบังแดดให้ตนอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาแปลกใจ
“รู้สิเจ้าคะ รู้มากกว่าชื่ออีก ช่วงนี้ใครๆ ก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาทำคะแนน คุณหนูทั้งสองตระกูลต่างก็แวะเวียนเข้าเฝ้าจนหน้าพระตำหนักขององค์ชายแทบไม่ว่างเว้นแม้แต่วันเดียว.......มีแต่คุณหนูของเรานี่แหละ ที่ไม่รู้อะไรกับเค้าเลย”
“ข้าขอโทษแล้วกันนะ พอใจหรือยัง?”
“ขออภัยเจ้าค่ะ!”
จีมินก้มหน้าเศร้าสร้อยราวกับจะร้องไห้ เพราะคุณหนูของตนไม่สนใจที่จะเข้าหาองค์ชายแม้แต่น้อย ถึงแม้รู้อยู่แก่ใจว่าคุณหนูของตนมีคะแนนจำนวลมากอยู่ในมือ แต่ก็อดน้อยเนื้อตำใจไม่ได้ สองสตรีที่งดงามมาตามเอาใจทุกวี่วันอย่างนั้น ถึงแม้จะเป็นชายที่ใจสร้างขึ้นจากหินก็แพ้หญิงงามที่รู้จักเอาอกเอาใจอยู่ดี
“ไปกันเถอะ ข้าเมื่อยไปหมดแล้ว”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
ว่าแล้วทั้งสามจึงเคลื่อนตัวอีกรอบเพื่อไปยังเป้าหมาย ไม่นานนักหลังคาสีแดงเด่นเป็นสง่าก็ค่อยๆปรากฏทีละส่วน ศาลาสี่เสาขนาดกลางลอยเด่นอยู่กลางสระบัวขนาดใหญ่ รอบๆ สองข้างทางรายล้อมไปด้วยป่าไผ่สูงตระหง่านตามทางเดิน ทุกอย่างเต็มไปด้วยสีเขียวแต่ตัดกับสีของศาลาสีแดงอย่างชัดเจน มันช่างสวยงามอย่าที่ข้าหวังเอาไว้จริงๆ ถึงจะไร้วี่แววของดอกไม้ แต่ก็โอเครร่มรื่นไปอีกแบบ
“ทางนี้เจ้าค่ะ”
“อือ..”
จีซูพาข้าเดินอ้อมไปทางด้านหลังของสระบัว ซึ่งจะมีสะพานสามารถเดินไปยังศาลาได้ ข้าชักจะชอบที่นี่แล้วสิ ภายในพระราชวังแห่งนี้ มีสถานที่แบบนี้อยู่มากมาย ถึงจะต้องใช่ชีวิตอยู่ในวังไปจนตาย ก็ยังได้รู้ว่าข้าจะไม่ต้องทนเบื่อตายอยู่แต่ในตำหนักของตัวเอง
“ตายจริง!!”
“มีอะไรจีซู?”
เสียงขัดอกขัดใจของจีซูดังขึ้นเมื่อหันไปมองหญิงสาวก็ยืนที่ยืนอยู่ศาลาก่อนแล้ว อียูกับจีมินจึงรีบเดินเข้าไปหา
“น้ำเลอะพื้นไปหมดเลยเจ้าค่ะ”
“อ่าวหรอ..!!”
สีหน้าของอียูหงอยลงในทันที เพราะตนตั้งใจจะมานั่งเล่นรับอากาศบริสุทธิ์เสียหน่อย พื้นเปียกแบบนี้ถึงแม้จะเตรียมผ้าปูมาก็ไม่ได้ช่วยอะไร
“งั้นคุณหนูรอตรงนี้สักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ ข้าจะไปเอาถังกับผ้ามาซับเอง”
“อ่อ อื้องั้นจีมินเจ้าไปกับจีซูเถอะ ข้าอยู่ได้”
“รอก่อนนะเจ้าคะ”
ว่าแล้วทั้งสองคนก็รีบเดินไปด้วยความเร็วแสง อียูใช้สองมือวางบนราวระเบียงพรางมองไปยังเหล่าดอกบัวในสระ
เมี๊ยว~~!!
“หืมม!”
เสียงแหลมเล็กๆ ของแมวลอยแว่วมาตามสายลม ทำให้ต้องหันมองตามหาเจ้าของเสียง
“อุ๊ว!! นั่น!!”
เจ้าแมวสีขาวขนพูกำลังเล็มหญ้าอยู่ริมสระ อียูผู้เอ็นดูแมว ไม่รอช้าที่จะรีบเดินฉับๆ ออกจากศาลาไปหาแมวในทันที
“หวาาา เจ้าอ้วนน มาให้ข้าขย้ำเสียดีๆ”
เมี๊ยววววว!!
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ เจ้าแมวอ้วนก็กระโดดวิ่งหนีไปอีกทาง ทำเอาอียูตกใจรีบวิ่งตามไปอย่างไม่สนใจสิ่งใด เพราะสติของตนติดไปกับหางแมวไปเสียแล้ว
จนแล้วจนรอด ร่างเล็กหยุดเดินก้มลงนั่งยองๆ พรางหอบหายใจเพราะความเหนื่อย เจ้าแมวอ้วนเจ้าเล่ห์โดดขึ้นหลังคาไปเสียดื้อๆ ไม่เห็นใจคนที่วิ่งตามแม้แต่น้อย
“องค์ชายพะยะค่ะ!!”
เสียงฝีเท้าของคนหลายคนกำลังตรงมาทางนี้ แต่ที่ทำให้สะดุ้งจนสุดตัวคือ คำว่าองค์ชาย อียูยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแน่นก่อนจะพาตัวเองย่องหลบหลังต้นไม้ใหญ่ใกล้ทางเดิน
“กระหม่อมว่ากระหม่อมเห็นจองจองนะพะยะค่ะ”
“จองจอง ไม่ออกมาให้เจ้าเห็นง่ายๆ ขนาดนั้นหรอกขันทีชอง”
“แต่หม่อมฉันได้ยินเสียงจริงๆ นะพะยะค่ะ!!”
“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าใช่มัน?”
“กะ ก็ จองจองเป็นแมว.....!!!”
“.....”
เมื่อได้ยินคำตอบของขันทีชอง องค์ชายจึงหยุดเดินแล้วหันกลับมามองเขาด้วยสายตาเบื่อหน่ายเต็มทน จนอีกฝ่ายต้องกลืนคำพูดหายลงคอพรางยืนก้มหน้าสงบนิ่ง
“แล้วแมวตัวอื่นไม่ร้อง เมี๊ยว! หรืออย่าไร!!”
“อุ๊ป!!...!!”
ขันทีชองยกมือขึ้นอุดปากตนเองทั้นทีเพราะเมื่อเห็นองค์ชายทรงทำเสียง เมี๊ยว ด้วยสีหน้าหงุดหงิดเช่นนั้น ต่อหน้าตนและนางในติดตามทั้งเจ็ดคน
องค์ชายหันมองไปยังเหล่านางในที่ก้มหน้าพยายามกลั้นขำไม่ต่างจากขันทีชองด้วยสายตาตำหนิพรางกะแอมในลำคอแก้เขิน
อียูที่หลบอยู่หลังต้นไม้นางไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวเพราะขบวนเสด็จขององค์ชายดันมาหยุดอยู่ตรงต้นไม้เสียพอดิบพอดี เหงื่อจำนวลมหาศาลค่อยๆผุดออกมาจากใบหน้า ลำคอเล็กๆ กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
เมี๊ยวว!!
“......!!!!”
เมื่อหันมองตามเสียงอียูต้องหัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มในทันที เพราะเจ้าแมวอ้วนตัวเดิมกลับมาพร้อมกับเอาหน้ามาถูไถชายกระโปรงของอียูอย่างซุกซน
“ไม่ๆๆ อย่าเสียงดังสิ ไปทางนู่นซู่ๆ~~”
เมี๊ยวว~
“อ๊าา~!! เห็นไหมพะยะค่ะ หม่อมฉันได้ยินเสียงของจองจอง ไม่ผิดแน่!!”
“......!”
ขันทีชองได้ทีทำท่ากระโดดโลดเต้น พรางชี้นิ้วไปที่ต้นไม้ใหญ่
“เจ้า”
“เพคะฝ่าบาท”
องค์ชายใช้สายตามองเข้าไปยังเหล่านางในแล้วพยักหน้าหนึ่งในนั้นจึงแยกตัวออกจากขบวนเดินตรงไปยังต้นไม้นั้น
ตุบ!!!
“ว๊ายยยยย!!!!!!”
ยังไม่ทันที่นางในติดตามจะเดินถึง เจ้าก้อนกล้มๆ ฟูๆ สีขาวก็ลอยขึ้นจากหลังต้นไม้แล้วหล่นตุบลงตรงหน้าจนนางถึงกับกรีดร้องด้วยความตกใจพรางล้มลงที่พื้นเอามือทาบอก
“องค์ชาย จองจอง เพคะ!!!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ!!!”
เมื่อเห็นว่าเป็นเจ้าจองจอง ขันทีชองและเหล่านางในในขบวนจึงพากันหัวเราะสีหน้าตกใจของนางในผู้นั้นจนตัวโยน ไม่เว้นแม้แต่องค์ชายที่ยังหลุดขำออกมาเล็กน้อย
ไป ไป ไป ไป!!!! ไปกันเสียที ข้าจะอกแตกตายอยู่แล้ว เบื้องหลังนั่นคืออะไร ข้าเองที่โยนเจ้าแมวอ้วนนั้นออกไป ข้าขอโทษที่ไม่อ่อนโยนนัก ถ้าหากเจอกันอีกครั้งข้าสัญญาว่าข้าจะอ่อนโยนกว่านี้
เมื่อเสียงหัวเราะนั้นเงียบลง อียูจึงถอนหายใจอย่างคนหมดแรง ก่อนจะค่อยๆ พลิกตัวเพื่อแอบมองว่าขบวนเสด็จขององค์รัชทายาทไปถึงไหนแล้ว
“......!”
ภาพที่เห็นคือชายร่างสูงทรงสง่าสวมเครื่องแต่งกายด้วยฉลองพระองค์สีน้ำเงินเข้มปักด้ายทองลายมังกร ที่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็เด่นชัดมาแต่ไกล พระองค์ทรงยืนอยู่บนทางเดินในอ้อมแขนอุ้มเจ้าแมวอ้วนเอาไว้พรางใช้มืออีกข้างลูบหัวอย่างเอ็นดู ท่ามกลางเหล่านางในและมีขันทีคอยถือร่มอันใหญ่เพื่อบังแดด
อียูเห็นดังนั้นถึงกับเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ ทำไมใบหน้านั้นจึงเหมือนกันซอลมินอย่างไม่มีผิดเพี้ยน เกิดอะไรกับตาข้า แสงแดดของที่นี่คงจะแรงไปอย่างนั้นหรือ ทำไมข้าถึงมองหน้าขององค์ชายเป็นซอลมินไปเสียได้
แกร๊ก!!
“หืม!! นั่นใครกัน!!?”
“....!!”
สองเท้าเล็กค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากเงาของต้นไม้ เสียงเหยียบใบไม้แห้งทำให้ขันทีชองหันมาอุทาด้วนความตกใจ ตามด้วยองค์ชายและนางในทุกคน
สีหน้าขององค์ชายดูตกใจมาก ราวกับเห็นผี มือที่กำลังลูบหัวจองจองหยุดชะงักลงจนเจ้าแมวอ้วนเป็นฝ่ายกระโดดออกไปเสียเอง
“องค์ชาย......อย่างนั้นหรือ?”
“......!!”
อียูพูดขึ้นด้วยสีหน้าเลื่อนลอยในขณะที่สองมือกำแน่นยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดดจ้า ซอลมินยืนตัวแข็งนิ่งอึ้งกับท่าทางของนาง เพราะตนไม่คิดว่าอียูจะอยู่มาอยู่ที่นี่ ทั้งที่มันเป็นเขตพระตำหนักใน เป็นเขตที่คนนอกเข้ามาได้ยากเพราะมีทหารคอยเดินราดตระเวนตลอด แต่เรื่องนั้นคงไม่สำคัญ ตอนนี้นางรู้ทุกอย่างแล้ว
“องค์ชาย จะทรงบอกหม่อมฉันเมื่อไรหรือเพคะ?”
“ข้า..!”
ขันทีชองเมื่อเห็นว่าเป็นคุณหนูคัง จึงรีบส่งสัญญานให้แก่ผู้ติดตามทุกคนออกไปจากบริเวณนี้พร้อมกับตัวเขาด้วย
เมื่อเห็นว่าทุกคนออกไป ซอลมินไม่รีรอเดินดุ่มๆ เข้าไปหาร่างเล็กในทันที
“หยุด!!”
“.....!”
เขาตกใจจนต้องหยุดเดินตามคำของอียู ซึ่งหากเป็นคนอื่นคำนี้ไม่มีใครกล้าพูดกับเขาและแน่นอนว่าไม่มีทางทำตาม แต่แค่คำๆ เดียวทำให้เขากลัวที่จะก้าวเข้าไปหาอียูจริงๆ
“ทรงสนุกอยู่หรือเพคะ? หรือทรงเกลียดชังอะไรในตัวหม่อมฉัน?!”
“ข้า ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องเช่นนี้”
“แล้วทำไมถึงทำกับหม่อมฉันแบบนี้!”
“.......!”
สุดความอดทน น้ำตามากมายหลั่งไหลออกมาอย่างไม่มีทางปิดบัง ความรู้สึกในทุกๆ สิ่งย้อนกลับเข้ามาทำร้ายตนอย่างหนักหน่วง
“ข้า ขอโทษ”
“ไม่เลยเพคะ ขอบพระทัยองค์ชายอย่างหาที่สุดมิได้ ฝ่าบาททรงทำให้หม่อมฉันเข้าใจได้โดยง่าย...”
“.....”
“ว่าหม่อมฉันเกลียดพระองค์มากแค่ไหน วันนี้หม่อมฉันก็ยิ่งเกลียดมากขึ้นกว่าเดิม”
“! คัง อี ยู!!..”
“..!!!!”
ซอลมินตะวาดเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณเมื่อเห็นว่าอียูกำลังจะเดินหันหลังให้แก่เขา ร่างเล็กที่จิตใจแตกสลายเมื่อได้ยินถึงกับต้องสะดุ้งจนตัวสั่นสองขาหยุดก้าวเดิน แต่ก็ยังไม่ได้หันกลับไปมอง
ซอลมินส่ายหัวพรางกัดริมฝีปากอย่างร้อนรน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไปจนเขาเองที่ไม่มีแม้แต่คำแก้ตัว เมื่ออยู่ในคราบขององค์รัชทายาท คำขอโทษนั้นควรสามารถทดแทนกับทุกสิ่งที่ข้าทำกับนางได้ แต่ไม่พอเลยไม่ว่าจะพูดว่าขอโทษสักกี่ครั้ง นางก็คงไม่พอใจ
“ข้าบอกเจ้าว่า จะตอบคำถามของเจ้าทุกอย่างเมื่อเราเจอกัน..”
“......!”
“ข้าพร้อมจะตอบ หากเจ้าพร้อมจะยอมรับคำตอบจากข้า โดยที่เจ้าไม่ใช้อารมณ์ตัดสิน”
“องค์ชาย ซอลมิน”
“.....!”
“ขออภัย ตอนนี้หม่อมฉันไม่ต้องการถามคำถาม เพราะต่อให้คำตอบขององค์ชายจะดีเพียงใด หม่อมฉันก็จะใช้ความโกรธเกลียดตัดสินท่านอยู่ดี”
“......!”
“หม่อมฉันขอทูลลาเพคะ”
สองเท้าของอียูก้าวเดินอีกครั้ง คราวนี้ซอลมินไม่อาจบังคับอะไรนางได้อีก มือหนาที่ยกขึ้นคล้ายกับกำลังยืนออกไปหา แต่ช่างไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง เขาเจ็บปวด ไม่ว่าจะเป็นทุกคำพูด หรือทุกความเย็นชาที่อียูทำ บัดนี้เขาเข้าใจดีทุกอย่าง สิ่งที่พอจะทำได้คือเขาต้องปล่อยไปก่อน ปล่อยให้เวลาทำหน้าที่ของมัน.....