บทนำ
ร่างสูงกำยำในชุดนักรบเกราะสีดำสนิทยืนกอดอกมองลงไปในสระน้ำสีเขียวมรกต นัยน์ตาคมเย็นชาหรี่ลงเป็นระยะ
ใบหน้าของบุรุษหล่อเหลานิ่งเฉยราวกับไร้ความรู้สึก ริมฝีปากได้รูปน่าเกรงขาม ปลายจมูกโด่งเป็นสันสวยงาม นัยน์ตาคมกริบที่ทรงพลัง เพียงแค่ปรายตามองทุกสิ่งรอบตัวก็สงบนิ่ง
“ท่านมายืนทำอะไรตรงนี้ทุกวันกัน?” เสียงเข้มมีอำนาจดังขึ้นด้านหลัง
นัยน์ตาคมกริบถอนสายตาจากสระน้ำตรงหน้าแล้วหันกลับไปมองด้านหลังด้วยสีหน้าที่ยังเรียบนิ่ง แต่เพียงอึดใจเขาก็หันกลับมามองที่เดิมโดยไม่ตอบคำถามหรือทักทายอีกฝ่ายกลับไป
“ท่านเจ้าเพลิง ผู้ที่เกลียดมนุษย์เข้าไส้ แต่ทำไมท่านถึงมายืนมองโลกมนุษย์ทุกวัน” บุรุษหนุ่มที่สง่าผ่าเผยไม่แพ้กันเดินมาหยุดยืนข้าง ๆ ร่างสูงของท่านเจ้าเพลิง เทพแห่งไฟ
เทพสายลมทอดสายตามองลงไปในสระน้ำมรกตแล้วยิ้มมุมปากอย่างอ่อนโยน ที่เห็นผู้คนในสระน้ำทำกิจวัตรของพวกเขาโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีคนสายตากำลังจับจ้องพวกเขาอยู่ในสถานที่ที่พวกเขาไม่คิดว่ามันจะมีอยู่จริง
“เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ?” เสียงเข้มทรงอำนาจตอบกลับมา
ท่านสายลมหันไปมองเสี้ยวหน้าคมหล่อเหลาแต่ดุดันของท่านเจ้าเพลิงด้วยแววตาสงสัย
“ไม่มีใครในโลกราชันย์นี้ที่คาดเดาความคิดของท่านได้หรอก” เทพสายลมพูดจบก็ยิ้มออกมา
ท่านเจ้าเพลิงนิ่งเงียบไปอึดใจก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากแล้วเงยหน้าขึ้นมองเทพสายลม
“แต่เจ้าก็คาดเดาว่าข้าเกลียดมนุษย์ถูกต้องไม่ใช่หรือ?” นัยน์ตาคมกริบจ้องมองเทพสายลมด้วยแววตาเรียบนิ่ง
อึดใจต่อมาเทพสายลมก็ยิ้มอ่อนโยนแล้วหันกลับมามองสระน้ำมรกตอีกครั้งพร้อมกับถอนหายใจออกมา
“เฮ้อ! ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมท่านถึงเกลียดมนุษย์นักนะ ทั้ง ๆ ที่พวกเรามีหน้าที่จ้ำจุนพวกเขา ท่านควรโอบอ้อมอารีพวกมนุษย์ให้มากกว่านี้”
“เจ้ารู้ว่าทำไมข้าถึงเกลียดพวกมนุษย์” ท่านเจ้าเพลองตอบกลับสั้น ๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินหันหลังออกมา
เทพสายลมได้แต่ยืนมองแผ่นหลังกว้างแสนองอาจด้วยแววตาอ่อนใจ
ในโลกราชันย์นั้น มีเหล่าเทพที่มีหน้าที่ของตัวเองอยู่และในจำนวนเหล่าเทพทั้งหมด มีก็สี่เหล่าเทพที่สำคัญต่อโลกมนุษย์
เทพแห่งเพลิงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความแข็งแกร่ง แผดเผาและมอดไหม้
เทพแห่งพายุถูกสร้างขึ้นมาเพื่อพัดผ่าน เยือกเย็น
เทพแห่งน้ำถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ชีวิต สดชื่น
เทพแห่งแสงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแสงสว่าง อบอุ่น
เทพมีหน้าที่ค้ำจุนโลกมนุษย์ให้สมดุล เมื่อสร้างก็ต้องถูกทำลายล้างเช่นกัน เพลิงที่เผาไหม้ พายุที่โหมรุนแรง น้ำที่ซัดทำลาย แสงแดดที่แผดเผา
แต่ใครจะรู้ว่าสิ่งที่ทำลายโลกมนุษย์มากที่สุดก็คือตัวของมนุษย์นั่นเอง เหล่าเทพมีหน้าที่แค่ค้ำจุน ไม่ให้โลกมนุษย์เสียสมดุลเท่านั้น
ร่างสูงของเทพแห่งเพลิงมาปรากฏตัวที่สิ่งปลูกสร้างจากเวทมนต์ของเหล่าบรรดาเทพ โลกของเทพไม่ต่างจากโลกของมนุษย์ เพียงแค่พวกเขามีอิทธิฤทธิ์เหนือกว่ามนุษย์เท่านั้นเอง
“เชิญท่านเจ้าเพลิง” เหล่าชายฉกรรจ์ด้านในเปิดประตูออกมารับ
ขาแข็งแรงก้าวเข้าไปด้านในอย่างมั่นคง ร่างสูงไปหยุดยืนกลางห้องโถงกว้าง ตรงหน้ามีเหล่าบุรุษอาวุโสนั่งมองเขาอยู่ นัยน์ตาคมของเทพแห่งเพลิงกวาดมองรอบ ๆ ตัวอย่างเย็นชา
“เรียกข้ามา มีเรื่องอะไร?”
“ที่เรียกท่านมาเพื่อจะมอบหมายงานให้กับท่าน”
“มอบหมายงาน?” นัยน์ตาคมกริบหรี่ลงนิด ๆ
“ใช่ อีกไม่นาน ประตูนรกจะเปิดออก ท่านทราบเรื่องนี้ใช่หรือไม่?”
“ประตูนรกไม่เปิดมาหลายพันปีแล้ว”
“นั่นเพราะรอเวลาอยู่ต่างหาก”
“รอเวลาอะไร?”
“รอเวลาจากพลังด้านมืด”
“พลังด้านมืด?” คิ้วเข้มของเทพแห่งเพลิงขมวดเข้าหากันทันที เขาไม่เคยรู้เรื่องพลังด้านมืดมาก่อน
“ใช่ ประตูนรกต้องการพลังด้านมืดนี้เพื่อเปิดประตูนั้น และเมื่อใดที่ประตูนรกเปิด สมดุลต่าง ๆ ของจักรวาลจะผันผวน ทุกสิ่งจะสูญสิ้น โดยเฉพาะโลกมนุษย์จะเกิดภัยพิบัติ ถูกทำลายล้าง”
“พลังด้านมืดที่ว่านั่นอยู่ที่ใด?”
“อยู่กับมนุษย์หญิงนางหนึ่ง”
“มนุษย์หญิง?”
“นางมีพลังที่โอบอ้อมอารี อ่อนโยนและสดใสแต่นางก็มีพลังด้านมืดอยู่ในตัวและเป็นพลังที่จะถูกดึงออกมายามที่นางโกรธ อาฆาตและเคียดแค้น ประตูนรกต้องการสิ่งนั้นจากตัวของนาง”
“ข้าไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับข้ายังไง พวกท่านถึงเรียกข้ามา?”
“หน้าที่ของท่านคือปกป้องนางจากประตูนรก”
“ท่านก็รู้ว่าข้าเกลียดมนุษย์ ทำไมยังเลือกข้าอีก” เทพแห่งเพลิงเริ่มจะไม่สบอารมณ์ น้ำเสียงเฉียบขาดของเขาทำให้เหล่าบรรดาเทพอาวุโสต้องมองหน้ากัน
“มีเพียงท่านเท่านั้นที่จะควบคุมพลังด้านมืดนี้ได้ ไม่มีเทพท่านไหนที่สามารถทำได้” คำตอบของเทพอาวุโสทำให้ท่านเจ้าเพลิงต้องเม้มปากเป็นเส้นตรงแล้วถอนหายใจออกมา
“ถ้าอยากให้ข้าปกป้องนาง พวกท่านก็พาตัวนางมาที่โลกนี้ ข้าไม่มีวันลงไปเหยียบโลกมนุษย์เด็ดขาด”
“ท่านไม่สนใจเลยหรือว่าโลกมนุษย์จะถูกทำลายหรือไม่?” เทพองค์หนึ่งถามขึ้น
ในบรรดาเทพบนโลกราชันย์นี้มีเพียงเทพแห่งเพลิงเท่านั้นที่เกลียดมนุษย์ ไม่แปลกที่โลกมนุษย์มักจะถูกเผาไหม้
“นั่นเป็นเพราะมนุษย์ทำลายตัวเองไม่ใช่หรือ? ท่านคิดว่ามนุษย์เหล่านั้นทำอะไรบ้าง นอกจากรื่นเริง สังสรรค์ หาความสุข สิ่งเดียวที่พวกมนุษย์ไม่ทำก็คือปกป้อง กิเลส ตันหา ราคะ มีเพียงโลกมนุษย์เท่านั้นไม่ใช่หรือ? ถ้าหากจะถูกทำลาย นั่นก็เป็นเพราะพวกมนุษย์ทำลายกันเอง ไม่ได้เกี่ยวกับข้า!” นัยน์ตาคมกริบตวัดมองเทพอาวุโสด้วยแววตาดุดัน เทพอาวุโสได้แต่กลืนน้ำลายลงคอแล้วถอนหายใจออกมา
“ท่านไม่ได้มองเห็นอีกด้านของโลกมนุษย์เลย”
“ข้าก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่ามันมีอีกด้านจริง ๆ หรือเปล่า” เทพแห่งเพลิงกระตุกยิ้มมุมปากก่อนที่ร่างสูงจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไปอย่างองอาจ ทิ้งไว้เพียงแววตาเหนื่อยใจจากบรรดาเทพอาวุโส
“มนุษย์ผู้หญิงเหรอ?” ร่างสูงของท่านเจ้าเพลิงหยุดยืนที่ลานกว้างด้านนอกพลางหรี่ตาลง นัยน์ตาคมหรี่ลงอย่างใช้ความคิด ก่อนที่เขาจะดีดนิ้วมือแล้วมองเห็นภาพหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า
ภาพของหญิงสาวคนหนึ่งนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอน นัยน์ตาคมกวาดมองหน้าสวยหวานด้วยแววตาเย็นชาก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับสัญลักษณ์บางอย่างที่ต้นคอด้านหลังใบหูของเธอ ท่านเจ้าเพลิงหรี่ตาลงทันทีเมื่อเห็นสัญลักษณ์นั้นชัด ๆ
“นางเคยเป็นเทพมาก่อน ทำไมถึงไปเกิดเป็นมนุษย์?”
“กำลังทำอะไรอยู่หรือท่านเจ้าเพลิง” เสียงทักทำให้ท่านเจ้าเพลิงดีดนิ้วมือให้ภาพนั้นหายไป
ร่างสูงหันกลับไปมองด้านหลังก็พบกับร่างสูงของเทพสายน้ำ ท่านเจ้าเพลิงทำหน้าครุ่นคิดอึดใจก่อนจะตัดสินใจเดินไปหาเทพสายน้ำเพื่อถามบางอย่าง
“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีมนุษย์คนไหนสามารถขึ้นมาที่โลกราชันย์ได้บ้าง?”
“ไม่มีหรอก ท่านถามทำไม?” เทพสายน้ำส่ายหน้าพลางเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถาม
“ถ้าสามารถขึ้นมาได้ หมายความว่านางจะต้องเป็นเทพ” ท่านเจ้าเพลิงพึมพำออกมา
เทพสายน้ำกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก
“ก็อาจจะใช่ หรือไม่มนุษย์คนนั้นก็เคยเกิดเป็นเทพมาก่อน แต่ข้าว่าอาจจะไม่มี ท่านก็รู้ว่าเทพในโลกราชันย์ไม่เคยมีใครทำผิดกฏจนถูกส่งไปเกิดในโลกมนุษย์” คำพูดของเทพสายน้ำทำให้ท่านเจ้าเพลิงเงียบไป เขาหรี่ตาลงอย่างใช้ความคิด อึดใจต่อมาเขาก็พึมพำออกมา
“นางมีบางอย่างที่แตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป”